"ประยุทธ์" ถกยุทธศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำหลักยุทธศาสตร์พัฒนาในหลวงขับเคลื่อนประเทศ ลั่นแจกเงินชาวนา เพราะต้องช่วยคนที่เดือดร้อนมากก่อน กลุ่มอื่นอย่าเรียกร้องเงินกันมาก รัฐไม่มีเงิน เน้นช่วยแบบยั่งยืน ลั่นทุจริตข้าวเมล็ดเดียวก็ผิดทั้งนั้น ขู่หากพบทุจริต ส่งศาลตัดสิน
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (13ต.ค.) ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ มูลนิธิรากแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 30 คน เข้าร่วมประชุม เพื่อดำเนินการตามนโยบายที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยเน้นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการขับเคลื่อนดังกล่าว เป็นแผนระยะ 4 ปี ซึ่งมีความสอดคล้องกับการพัฒนาที่สำคัญ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ซึ่งรัฐบาลจะนำสิ่งที่ได้จากการหารือมาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการตามนโยบายในช่วงปี 2557-2560 ประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ซึ่ง 1 ใน 7 ยุทธศาสตร์ จะเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบท ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมาย 18,594 หมู่บ้าน หรือร้อยละ 25 ของหมู่บ้านทั้งหมด ใน 4 กลุ่ม คือพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 6 แห่ง หมู่บ้านนำร่องของมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ หมู่บ้านนำร่องในโครงการบูรณาการจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ของกรมการพัฒนาชุมชน และหมู่บ้านที่รับประโยชน์จากโครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า เป็นการหารือว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ รัฐบาลปัจจุบันกำหนดนโยบายขับเคลื่อนประเทศเอาไว้ให้เดินไปข้างหน้าด้วยการนำยุทธศาสตร์เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลัก และนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เข้ามาร่วมในการขับเคลื่อนด้วย ขณะเดียวกันจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยความยั่งยืน
นอกจากนี้ ได้หารือเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนที่เผชิญหน้ากันมาเป็นเวลานาน วันนี้ประเทศไทยยังไม่หลุดพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำ และปานกลาง จึงจะทำอย่างไรให้ผ่านเรื่องดังกล่าวไปได้โดยเร็ว มีเหตุผล มีความมั่นคง มีความพอประมาณ และมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยนำความรู้คู่คุณธรรม ดังนั้น จึงนำยุทธศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาดำเนินงานให้เป็นโรดแมปของประเทศ โดยจะทำให้ประเทศเดินไปในทิศทางใด แบ่งออกเป็น 3 ห่วง 2 เหตุผล
**หยุดขัดแย้งหันมาร่วมกันพัฒนา
ทั้งนี้ ในเรื่องรายได้ พื้นที่ น้ำ การบริหารจัดการ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคสังคม และภาคเอกชน ทั้งหมดต้องขับเคลื่อนทุกองคาพยพไปด้วยกัน นำเอาความขัดแย้งไว้ทางซ้าย ทางขวา แล้วแก้ปัญหาไปร่วมกัน ร่วมกับการปฏิรูป และการแก้ปัญหาที่มีมาตั้งแต่อดีต ต้องไม่สร้างปัญหาให้ไปอยู่ในวันข้างหน้าต่อไปอีก ไม่ทำให้ลูกหลานเดือดร้อน จากนี้เป็นต้นไป จะมีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ เช่น การบริหารจัดการแหล่งน้ำ ขุดลอกคูคลอง เจาะบ่อบาดาล ต้องเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่า ทุก 3 เดือนจะต้องมีผลงานปรากฏ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชน
การที่รัฐบาลจะดูแลใครคนใดคนหนึ่งให้มากกว่าทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ ต้องเฉลี่ยแบ่งปันกัน ใครเดือดร้อนมาก ต้องช่วยก่อน ใครเดือดร้อนน้อยรอนิดนึง ให้เวลารัฐบาล ให้เวลาประเทศ ได้ใช้ภูมิคุ้มกัน วันนี้ประเทศมีปัญหา เดินไปข้างหน้าไม่ได้ ต้องหยุดปัญหาแล้วตั้งสติว่า จะแก้ไขปัญหาแต่ละอย่าง อย่างไร ด้วยการนำความรู้และคุณธรรมที่มีอยู่ นี่คือ สิ่งที่เขาเรียกว่า ภูมิคุ้มกันประเทศ ใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือ เมื่อประเทศมีปัญหา เราหยุด และดูว่า จะทำอย่างไรต่อไป และก้าวเดินกันต่อไปด้วยความมั่นคง ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นอีก สื่อมวลชนต้องช่วยกันว่า จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ปฏิรูปได้ ประชาชนอยู่ดีกินดี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับเรื่องน้ำ ที่จะเป็นปัญหาในอนาคต ทั่วโลกภายนอกมีปัญหาเช่นกัน อาทิ สหรัฐอเมริกา และจีน จะแล้งน้ำ ไม่สามารถปลูกพืชอะไรได้ ทุกประเทศในโลกจะมีปัญหาหมด ประเด็นสำคัญที่จะต้องไปพูดคุยระดับชาติ คือ การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก ถ้ามองเฉพาะตัวเราไม่ได้ ต้องมองจากภายนอกเข้ามาด้วย และมองให้เห็นถึงภายในว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่ได้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่นี้ ต้องอยู่อย่างเข้มแข็งให้ได้ คนรวยต้องช่วยกัน คนจนต้องช่วยกัน พูดคุยหารือกันให้ได้ วันนี้ทุกกระทรวงขับเคลื่อนร่วมกันว่า จะนำเศรษฐกิจ และนำการศึกษาไปสู่ชุมชนอย่างไร เพื่อทำให้ความคิดไปในแนวทางเดียวกันเพื่อเดินหน้าประเทศไปให้ได้ บางเรื่องต้องชะลอไว้ก่อน บางเรื่องต้องดูแลคนเดือดร้อน ต้องสร้างความเข้มแข็งตั้งแต่กระบวนการผลิต ไม่ใช่หาเพียงแต่หาเงินจากแหล่งนั้นแหล่งนี้มาอย่างเดียว รัฐบาลเพิ่งเข้ามาเพียง 4 เดือน จะแก้ไขทุกอย่างได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้
**แจกเงินชาวนาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง มาตรการช่วยเหลือชาวนาด้วยการแจกให้ไร่ละ 1,000 บาท ว่า การจ่ายเงินดังกล่าว ไม่ได้จ่ายเพื่อให้คนมารักมาชอบตน เงินส่วนนี้เป็นเงินจำนวนน้อย อาจจะน้อยมากด้วยซ้ำไป สำหรับคนรวย แต่มีค่าสำหรับคนจน ถ้าเขาเดือดร้อนต้องช่วย แต่ไม่ได้ช่วยแบบที่เคยช่วยกันมา จะไม่สร้างปัญหา เม็ดเงินที่มีอยู่ก็ตัดส่วนนี้ไปช่วย ไม่ได้ไปเอาเงินก้อนใหญ่มาให้ทั้งหมด ไม่เข้าใจ ต่างคนต่างอยากจะได้มากขึ้น คนนั้นคนนี้อยากจะเรียกเท่านั้น เท่านี้ โดยไม่ได้ฟังว่าตอนนี้รัฐบาลทำอะไรกันอยู่ จึงขอร้องว่า เราพร้อมจะช่วยถ้ามีเงินมากๆ ก็ให้มากในการที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แต่มันไม่ยั่งยืน การจะยั่งยืนได้อยู่ตรงไหน ทุกคนทราบดี นั่นคือ การปรับโครงสร้างการผลิตให้ได้ ต้นทุนการผลิตทำอย่างไร การร่วมกลุ่มกันทำอย่างไร และสหกรณ์ว่าอย่างไร เราจะช่วยเหลือตรงไหน การค้าขายจะทำอย่างไร วันนี้ทุกคนเอาเรื่องเดิมๆ มาเรียกร้องว่า ต้องการเท่านี้เท่านั้น ถามว่าแล้วปัญหาดังกล่าวยังอยู่หรือไม่ ลืมกันแล้วหรือ ข้าวขายได้หมดหรือยัง เสียมากหรือไม่
**ตรวจสต๊อกข้าวยังไม่สรุป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้การตรวจสอบสต็อกข้าว คืบหน้าอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีหลายคณะ ไม่ได้โยนความรับผิดชอบ แต่เป็นเรื่องของใครก็ของใคร ถ้าผิดคือผิด เมล็ดเดียวก็ผิด กระสอบเดียวก็ผิด กฎหมายเขียนว่ากระสอบเดียวไม่ผิดหรืออย่างไร ขณะนี้คณะทำงาน ทั้งคณะของคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) คณะกรรมการระบายข้าว และ อนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ เขาจะเอายอดมาดูว่า เสียหายเท่าไร คุณภาพต่ำเท่าไร นี่คือยอดตรงนี้ ตนไม่รู้ เพราะรับยอดมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ถ้าขาดหรือมีปัญหามาก ตนก็ส่งฟ้องศาล ให้ศาลไปสอบเอา
เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้จะดูแลเรื่องข้าวอย่างไรไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ของใหม่จะไม่ให้เกิดการทุจริต ส่วนของเก่า ไปไล่บี้ของเก่า ใครทุจริตก็ไปเล่นงานคนรับผิดชอบข้างล่าง ไม่ใช่นายกฯ จะรู้ทุกอย่าง ดูไม่ไหว อย่าเอาเรื่องเก่ามาปนกับเรื่องใหม่ อย่าเอาเรื่องนี้ไปพันเรื่องนั้น เดี๋ยวจะอยู่กันไม่ได้อีก
**สวนยางรอไปก่อนอย่างเพิ่งเรียกร้อง
เมื่อถามถึงกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เสนอแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราได้หารือกันมาตลอด ที่ผ่านมาที่อนุมัติผ่าน ครม. เรื่องของปัญหาชาวนา เราเห็นว่า ชาวนาเดือดร้อนก่อน ก็เอาไปเท่านี้ก่อน ส่วนเรื่องเกษตรกรชาวสวนยาง ถ้าพิจารณามาอย่างไรก็ว่ากันอีกที
"อย่าเรียกร้องกันมาก แล้วจะเอาเงินที่ไหน งบประมาณแผ่นดินมีเท่าไร เก็บภาษีรายได้รัฐเก็บได้เท่าไร ขาดทุนเท่าไรแล้ว ปีหน้าจะเก็บได้หรือไม่ก็ไม่รู้ พอบอกจะขึ้นภาษีก็ร้องโอ๊ยว่า ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ แต่ไอ้นี่จะเอาเยอะ แล้วจะเอาเงินจากตรงไหนวะ แจกคูปองได้มั้ย อีกหน่อยก็แจกคูปองให้หมดแล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันนี้ได้ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ขึงขังอยู่เป็นระยะ จนผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้อารมณ์ไม่ดี เป็นอะไรหรือไม่ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอะไร เสียงดัง แปลว่า อารมณ์ดี
**มท.1ยันจ่ายเงินชาวนาได้ 20 ต.ค.นี้
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ และนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ถึงแนวทางการจัดพื้นที่โซนนิ่งการเกษตร การแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และติดตามมาตรการการช่วยเหลือชาวนา โดยที่ประชุมได้กำชับให้การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ไม่ให้เกิดความผิดพลาด และยืนยันว่า จะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาได้ในวันที่ 20 ต.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (13ต.ค.) ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ มูลนิธิรากแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 30 คน เข้าร่วมประชุม เพื่อดำเนินการตามนโยบายที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยเน้นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการขับเคลื่อนดังกล่าว เป็นแผนระยะ 4 ปี ซึ่งมีความสอดคล้องกับการพัฒนาที่สำคัญ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ซึ่งรัฐบาลจะนำสิ่งที่ได้จากการหารือมาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการตามนโยบายในช่วงปี 2557-2560 ประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ซึ่ง 1 ใน 7 ยุทธศาสตร์ จะเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบท ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมาย 18,594 หมู่บ้าน หรือร้อยละ 25 ของหมู่บ้านทั้งหมด ใน 4 กลุ่ม คือพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 6 แห่ง หมู่บ้านนำร่องของมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ หมู่บ้านนำร่องในโครงการบูรณาการจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ของกรมการพัฒนาชุมชน และหมู่บ้านที่รับประโยชน์จากโครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า เป็นการหารือว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ รัฐบาลปัจจุบันกำหนดนโยบายขับเคลื่อนประเทศเอาไว้ให้เดินไปข้างหน้าด้วยการนำยุทธศาสตร์เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลัก และนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เข้ามาร่วมในการขับเคลื่อนด้วย ขณะเดียวกันจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยความยั่งยืน
นอกจากนี้ ได้หารือเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนที่เผชิญหน้ากันมาเป็นเวลานาน วันนี้ประเทศไทยยังไม่หลุดพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำ และปานกลาง จึงจะทำอย่างไรให้ผ่านเรื่องดังกล่าวไปได้โดยเร็ว มีเหตุผล มีความมั่นคง มีความพอประมาณ และมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยนำความรู้คู่คุณธรรม ดังนั้น จึงนำยุทธศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาดำเนินงานให้เป็นโรดแมปของประเทศ โดยจะทำให้ประเทศเดินไปในทิศทางใด แบ่งออกเป็น 3 ห่วง 2 เหตุผล
**หยุดขัดแย้งหันมาร่วมกันพัฒนา
ทั้งนี้ ในเรื่องรายได้ พื้นที่ น้ำ การบริหารจัดการ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคสังคม และภาคเอกชน ทั้งหมดต้องขับเคลื่อนทุกองคาพยพไปด้วยกัน นำเอาความขัดแย้งไว้ทางซ้าย ทางขวา แล้วแก้ปัญหาไปร่วมกัน ร่วมกับการปฏิรูป และการแก้ปัญหาที่มีมาตั้งแต่อดีต ต้องไม่สร้างปัญหาให้ไปอยู่ในวันข้างหน้าต่อไปอีก ไม่ทำให้ลูกหลานเดือดร้อน จากนี้เป็นต้นไป จะมีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ เช่น การบริหารจัดการแหล่งน้ำ ขุดลอกคูคลอง เจาะบ่อบาดาล ต้องเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่า ทุก 3 เดือนจะต้องมีผลงานปรากฏ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชน
การที่รัฐบาลจะดูแลใครคนใดคนหนึ่งให้มากกว่าทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ ต้องเฉลี่ยแบ่งปันกัน ใครเดือดร้อนมาก ต้องช่วยก่อน ใครเดือดร้อนน้อยรอนิดนึง ให้เวลารัฐบาล ให้เวลาประเทศ ได้ใช้ภูมิคุ้มกัน วันนี้ประเทศมีปัญหา เดินไปข้างหน้าไม่ได้ ต้องหยุดปัญหาแล้วตั้งสติว่า จะแก้ไขปัญหาแต่ละอย่าง อย่างไร ด้วยการนำความรู้และคุณธรรมที่มีอยู่ นี่คือ สิ่งที่เขาเรียกว่า ภูมิคุ้มกันประเทศ ใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือ เมื่อประเทศมีปัญหา เราหยุด และดูว่า จะทำอย่างไรต่อไป และก้าวเดินกันต่อไปด้วยความมั่นคง ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นอีก สื่อมวลชนต้องช่วยกันว่า จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ปฏิรูปได้ ประชาชนอยู่ดีกินดี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับเรื่องน้ำ ที่จะเป็นปัญหาในอนาคต ทั่วโลกภายนอกมีปัญหาเช่นกัน อาทิ สหรัฐอเมริกา และจีน จะแล้งน้ำ ไม่สามารถปลูกพืชอะไรได้ ทุกประเทศในโลกจะมีปัญหาหมด ประเด็นสำคัญที่จะต้องไปพูดคุยระดับชาติ คือ การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก ถ้ามองเฉพาะตัวเราไม่ได้ ต้องมองจากภายนอกเข้ามาด้วย และมองให้เห็นถึงภายในว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่ได้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่นี้ ต้องอยู่อย่างเข้มแข็งให้ได้ คนรวยต้องช่วยกัน คนจนต้องช่วยกัน พูดคุยหารือกันให้ได้ วันนี้ทุกกระทรวงขับเคลื่อนร่วมกันว่า จะนำเศรษฐกิจ และนำการศึกษาไปสู่ชุมชนอย่างไร เพื่อทำให้ความคิดไปในแนวทางเดียวกันเพื่อเดินหน้าประเทศไปให้ได้ บางเรื่องต้องชะลอไว้ก่อน บางเรื่องต้องดูแลคนเดือดร้อน ต้องสร้างความเข้มแข็งตั้งแต่กระบวนการผลิต ไม่ใช่หาเพียงแต่หาเงินจากแหล่งนั้นแหล่งนี้มาอย่างเดียว รัฐบาลเพิ่งเข้ามาเพียง 4 เดือน จะแก้ไขทุกอย่างได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้
**แจกเงินชาวนาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง มาตรการช่วยเหลือชาวนาด้วยการแจกให้ไร่ละ 1,000 บาท ว่า การจ่ายเงินดังกล่าว ไม่ได้จ่ายเพื่อให้คนมารักมาชอบตน เงินส่วนนี้เป็นเงินจำนวนน้อย อาจจะน้อยมากด้วยซ้ำไป สำหรับคนรวย แต่มีค่าสำหรับคนจน ถ้าเขาเดือดร้อนต้องช่วย แต่ไม่ได้ช่วยแบบที่เคยช่วยกันมา จะไม่สร้างปัญหา เม็ดเงินที่มีอยู่ก็ตัดส่วนนี้ไปช่วย ไม่ได้ไปเอาเงินก้อนใหญ่มาให้ทั้งหมด ไม่เข้าใจ ต่างคนต่างอยากจะได้มากขึ้น คนนั้นคนนี้อยากจะเรียกเท่านั้น เท่านี้ โดยไม่ได้ฟังว่าตอนนี้รัฐบาลทำอะไรกันอยู่ จึงขอร้องว่า เราพร้อมจะช่วยถ้ามีเงินมากๆ ก็ให้มากในการที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แต่มันไม่ยั่งยืน การจะยั่งยืนได้อยู่ตรงไหน ทุกคนทราบดี นั่นคือ การปรับโครงสร้างการผลิตให้ได้ ต้นทุนการผลิตทำอย่างไร การร่วมกลุ่มกันทำอย่างไร และสหกรณ์ว่าอย่างไร เราจะช่วยเหลือตรงไหน การค้าขายจะทำอย่างไร วันนี้ทุกคนเอาเรื่องเดิมๆ มาเรียกร้องว่า ต้องการเท่านี้เท่านั้น ถามว่าแล้วปัญหาดังกล่าวยังอยู่หรือไม่ ลืมกันแล้วหรือ ข้าวขายได้หมดหรือยัง เสียมากหรือไม่
**ตรวจสต๊อกข้าวยังไม่สรุป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้การตรวจสอบสต็อกข้าว คืบหน้าอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีหลายคณะ ไม่ได้โยนความรับผิดชอบ แต่เป็นเรื่องของใครก็ของใคร ถ้าผิดคือผิด เมล็ดเดียวก็ผิด กระสอบเดียวก็ผิด กฎหมายเขียนว่ากระสอบเดียวไม่ผิดหรืออย่างไร ขณะนี้คณะทำงาน ทั้งคณะของคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) คณะกรรมการระบายข้าว และ อนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ เขาจะเอายอดมาดูว่า เสียหายเท่าไร คุณภาพต่ำเท่าไร นี่คือยอดตรงนี้ ตนไม่รู้ เพราะรับยอดมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ถ้าขาดหรือมีปัญหามาก ตนก็ส่งฟ้องศาล ให้ศาลไปสอบเอา
เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้จะดูแลเรื่องข้าวอย่างไรไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ของใหม่จะไม่ให้เกิดการทุจริต ส่วนของเก่า ไปไล่บี้ของเก่า ใครทุจริตก็ไปเล่นงานคนรับผิดชอบข้างล่าง ไม่ใช่นายกฯ จะรู้ทุกอย่าง ดูไม่ไหว อย่าเอาเรื่องเก่ามาปนกับเรื่องใหม่ อย่าเอาเรื่องนี้ไปพันเรื่องนั้น เดี๋ยวจะอยู่กันไม่ได้อีก
**สวนยางรอไปก่อนอย่างเพิ่งเรียกร้อง
เมื่อถามถึงกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เสนอแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราได้หารือกันมาตลอด ที่ผ่านมาที่อนุมัติผ่าน ครม. เรื่องของปัญหาชาวนา เราเห็นว่า ชาวนาเดือดร้อนก่อน ก็เอาไปเท่านี้ก่อน ส่วนเรื่องเกษตรกรชาวสวนยาง ถ้าพิจารณามาอย่างไรก็ว่ากันอีกที
"อย่าเรียกร้องกันมาก แล้วจะเอาเงินที่ไหน งบประมาณแผ่นดินมีเท่าไร เก็บภาษีรายได้รัฐเก็บได้เท่าไร ขาดทุนเท่าไรแล้ว ปีหน้าจะเก็บได้หรือไม่ก็ไม่รู้ พอบอกจะขึ้นภาษีก็ร้องโอ๊ยว่า ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ แต่ไอ้นี่จะเอาเยอะ แล้วจะเอาเงินจากตรงไหนวะ แจกคูปองได้มั้ย อีกหน่อยก็แจกคูปองให้หมดแล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันนี้ได้ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ขึงขังอยู่เป็นระยะ จนผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้อารมณ์ไม่ดี เป็นอะไรหรือไม่ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอะไร เสียงดัง แปลว่า อารมณ์ดี
**มท.1ยันจ่ายเงินชาวนาได้ 20 ต.ค.นี้
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ และนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ถึงแนวทางการจัดพื้นที่โซนนิ่งการเกษตร การแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และติดตามมาตรการการช่วยเหลือชาวนา โดยที่ประชุมได้กำชับให้การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ไม่ให้เกิดความผิดพลาด และยืนยันว่า จะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาได้ในวันที่ 20 ต.ค.นี้