ลือหึ่ง คสช.สั่งห้าม "ยิ่งลักษณ์" เปิดงานบั้งไฟพญานาคโลกที่หนองคาย หวั่นปลุกกระแสคนเสื้อแดง "สมศักด์ เทพสุทิน" อดีตแกนนำกลุ่มมัชฌิมาฯขึ้นโพเดียมแทน ขณะประชาชน นักท่องเที่ยวแห่จับจองพื้นที่ริมโขงตั้งแต่เช้า
วานนี้ (8 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค จ.หนองคายว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ที่บริเวณริมถนนหนองคาย-โพนพิสัย หน้าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.หนองคาย ได้มีการเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค โดยมีนายยุทธนา ศรีตะบุตร นายก อบจ.หนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบเอกสารแนะนำเส้นทาง และจุดชมบั้งไฟพญานาคให้แก่นักท่องเที่ยว ผู้ใช้รถใช้ถนน
ส่วนบรรยากาศการเดินทางของนักท่องเที่ยวเพื่อมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนั้น มีรถยนต์ของนักท่องเที่ยวทยอยเข้าพื้นที่ อ.เมืองหนองคาย มุ่งหน้าต่อไปยังพื้นที่ อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยส่วนใหญ่เป็นรถตู้ และรถยนต์ส่วนบุคคล
ขณะที่ทาง จ.หนองคาย และตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและ อส.ทั่วทั้งจังหวัดประมาณ 1,000 นายกระจายกำลังประจำจุดตลอดเส้นทางตั้งแต่ อ.เมืองหนองคายไปจนถึง อ.รัตนวาปี เพื่ออำนวยความสะดวกและว้คอยดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ว่าอาจจะไม่มากเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากวันออกพรรษาปีนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่ก็มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะยังมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคริมฝั่งแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคายเช่นเคย
**"บั้งไฟพญานาค" มาตามนัด
จนเวลา 17.30 น.ที่บริเวณวัดไทย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายอโณทัย ธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีบวงสรวงวันเปิดโลก บูชาพญานาค ที่เทศบาลตำบลโพนพิสัย ร่วมกับอำเภอโพนพิสัยจัดขึ้น โดยได้ประกอบพิธีทางสงฆ์และทางพราหมณ์ ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมหลักที่อำเภอโพนพิสัยจัดขึ้นเพื่อเน้นให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความเชื่อของชาวโพนพิสัยที่ต้องทำพิธีขอขมาแม่น้ำโขง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแม่น้ำโขงโดยเฉพาะการบูชาพญานาค ซึ่งชาวหนองคายเชื่อว่ามีอยู่ในแม่น้ำโขงจริง พร้อมทั้งขอให้พญานาคดลบันดาลให้เกิดลูกไฟขึ้นกลางแม่น้ำโขงให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชม
ขณะที่นักท่องเที่ยวหลังจากแดดร่มลมตกแล้วก็เริ่มเข้าพื้นที่ที่ได้ปูเสื่อกางร่มจับจองไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อรอชมบั้งไฟพญานาค ต่างมีความหวังว่าจะได้เห็นบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กวดขันและขอความร่วมมือไม่ให้จุดพลุ ดอกไม้ไฟ เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนว่าอันไหนเป็นพลุ อันไหนเป็นลูกไฟพญานาค
กระทั่งเวลา 18.20 น.ได้เกิดบั้งไฟพญานาคชุดแรกขึ้นที่บ้านหนองแก้ว ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จำนวน 3 ลูก จากนั้นเวลา 18.37 น.ได้เกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นอีก 2 ลูก ที่บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี หลังจากนั้นก็มีบั้งไฟพญานาคทยอยเกิดขึ้น จนถึงเวลา 19.30 น. มีจำนวน 96 ลูก ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา แต่คาดว่ายังอยู่หลักหมื่นคน
**ลือ คสช.ห้าม"ปู"เปิดงานบั้งไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้มีกระแสข่าวลือว่าในเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย ที่จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการช่วงเย็นวานนี้ (8 ต.ค.) เดิม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธี แต่มีการยกเลิกกะทันหัน เนื่องจากมีคำสั่งจาก คสช.ห้ามเดินทางไปร่วมพิธี เพราะไม่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเมือง หวั่นจะเป็นการปลุกกระแสรวมตัวของกลุ่มคนเสื้อแดง
ขณะเดียวกันได้มีรายงานแข้งว่าในพิธีเปิดงาน"บั้งไฟพญานาคโลก"ที่วัดไทย อ.โพนพิสัย จ.หนองคายดังกล่าวนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตแกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ส่วนจะเป็นการเปิดงานแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่นั้นไม่สามารถยืนยันได้เพราะกำหนดการพิธีจัดงานก็ไม่มีการระบุไว้
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่เองก็ปกติ เพราะหากมีการกำหนดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเป็นประธานเปิดงานก็น่าจะมีความเคลื่อนไหวรวมกลุ่มต้อนรับเหมือนทุกครั้งที่อดีตนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่
**"ประวิตร-อนุพงษ์"ลงนครพนม
ส่วนที่ จ.นครพนม เวลาประมาณ 19.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานประเพณีไหลเรือไฟที่บริเวณลานพนมนาคา ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ลาว และชาวต่างชาติเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก ทั้งนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกว่า 1 แสนคน มีเงินสะพัดกว่า 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 ต.ค.ไฮไลต์ของงานคือค่ำคืนวันที่ 8 ต.ค.โดยจะมีมหกรรมไหลเรือไฟจาก 12 อำเภอ และส่วนราชการรวม 16 ลำไหลล่องไปตามแม่น้ำโขงจากหน้าโบสถ์คริสต์-หน้าวัดพระอินทร์แปลงระยะทางราว 4 กม.
โดยปีนี้มีเรือไฟลำใหญ่ยาวที่สุดในโลก คือเรือไฟ อำเภอนาทม ความยาว 90 เมตร สูง 39 เมตร เท่าตึก 20 ชั้น ประดับประดาด้วยดวงตะเกียงกว่า 3,000 ดวง เน้นลวดลายเรือสุพรรณหงส์ ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา
วานนี้ (8 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค จ.หนองคายว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ที่บริเวณริมถนนหนองคาย-โพนพิสัย หน้าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.หนองคาย ได้มีการเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค โดยมีนายยุทธนา ศรีตะบุตร นายก อบจ.หนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบเอกสารแนะนำเส้นทาง และจุดชมบั้งไฟพญานาคให้แก่นักท่องเที่ยว ผู้ใช้รถใช้ถนน
ส่วนบรรยากาศการเดินทางของนักท่องเที่ยวเพื่อมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนั้น มีรถยนต์ของนักท่องเที่ยวทยอยเข้าพื้นที่ อ.เมืองหนองคาย มุ่งหน้าต่อไปยังพื้นที่ อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยส่วนใหญ่เป็นรถตู้ และรถยนต์ส่วนบุคคล
ขณะที่ทาง จ.หนองคาย และตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและ อส.ทั่วทั้งจังหวัดประมาณ 1,000 นายกระจายกำลังประจำจุดตลอดเส้นทางตั้งแต่ อ.เมืองหนองคายไปจนถึง อ.รัตนวาปี เพื่ออำนวยความสะดวกและว้คอยดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ว่าอาจจะไม่มากเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากวันออกพรรษาปีนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่ก็มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะยังมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคริมฝั่งแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคายเช่นเคย
**"บั้งไฟพญานาค" มาตามนัด
จนเวลา 17.30 น.ที่บริเวณวัดไทย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายอโณทัย ธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีบวงสรวงวันเปิดโลก บูชาพญานาค ที่เทศบาลตำบลโพนพิสัย ร่วมกับอำเภอโพนพิสัยจัดขึ้น โดยได้ประกอบพิธีทางสงฆ์และทางพราหมณ์ ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมหลักที่อำเภอโพนพิสัยจัดขึ้นเพื่อเน้นให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความเชื่อของชาวโพนพิสัยที่ต้องทำพิธีขอขมาแม่น้ำโขง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแม่น้ำโขงโดยเฉพาะการบูชาพญานาค ซึ่งชาวหนองคายเชื่อว่ามีอยู่ในแม่น้ำโขงจริง พร้อมทั้งขอให้พญานาคดลบันดาลให้เกิดลูกไฟขึ้นกลางแม่น้ำโขงให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชม
ขณะที่นักท่องเที่ยวหลังจากแดดร่มลมตกแล้วก็เริ่มเข้าพื้นที่ที่ได้ปูเสื่อกางร่มจับจองไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อรอชมบั้งไฟพญานาค ต่างมีความหวังว่าจะได้เห็นบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กวดขันและขอความร่วมมือไม่ให้จุดพลุ ดอกไม้ไฟ เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนว่าอันไหนเป็นพลุ อันไหนเป็นลูกไฟพญานาค
กระทั่งเวลา 18.20 น.ได้เกิดบั้งไฟพญานาคชุดแรกขึ้นที่บ้านหนองแก้ว ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จำนวน 3 ลูก จากนั้นเวลา 18.37 น.ได้เกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นอีก 2 ลูก ที่บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี หลังจากนั้นก็มีบั้งไฟพญานาคทยอยเกิดขึ้น จนถึงเวลา 19.30 น. มีจำนวน 96 ลูก ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา แต่คาดว่ายังอยู่หลักหมื่นคน
**ลือ คสช.ห้าม"ปู"เปิดงานบั้งไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้มีกระแสข่าวลือว่าในเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย ที่จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการช่วงเย็นวานนี้ (8 ต.ค.) เดิม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธี แต่มีการยกเลิกกะทันหัน เนื่องจากมีคำสั่งจาก คสช.ห้ามเดินทางไปร่วมพิธี เพราะไม่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเมือง หวั่นจะเป็นการปลุกกระแสรวมตัวของกลุ่มคนเสื้อแดง
ขณะเดียวกันได้มีรายงานแข้งว่าในพิธีเปิดงาน"บั้งไฟพญานาคโลก"ที่วัดไทย อ.โพนพิสัย จ.หนองคายดังกล่าวนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตแกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ส่วนจะเป็นการเปิดงานแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่นั้นไม่สามารถยืนยันได้เพราะกำหนดการพิธีจัดงานก็ไม่มีการระบุไว้
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่เองก็ปกติ เพราะหากมีการกำหนดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเป็นประธานเปิดงานก็น่าจะมีความเคลื่อนไหวรวมกลุ่มต้อนรับเหมือนทุกครั้งที่อดีตนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่
**"ประวิตร-อนุพงษ์"ลงนครพนม
ส่วนที่ จ.นครพนม เวลาประมาณ 19.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานประเพณีไหลเรือไฟที่บริเวณลานพนมนาคา ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ลาว และชาวต่างชาติเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก ทั้งนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกว่า 1 แสนคน มีเงินสะพัดกว่า 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 ต.ค.ไฮไลต์ของงานคือค่ำคืนวันที่ 8 ต.ค.โดยจะมีมหกรรมไหลเรือไฟจาก 12 อำเภอ และส่วนราชการรวม 16 ลำไหลล่องไปตามแม่น้ำโขงจากหน้าโบสถ์คริสต์-หน้าวัดพระอินทร์แปลงระยะทางราว 4 กม.
โดยปีนี้มีเรือไฟลำใหญ่ยาวที่สุดในโลก คือเรือไฟ อำเภอนาทม ความยาว 90 เมตร สูง 39 เมตร เท่าตึก 20 ชั้น ประดับประดาด้วยดวงตะเกียงกว่า 3,000 ดวง เน้นลวดลายเรือสุพรรณหงส์ ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา