**ไม่มีพลิก โผที่หลุดว่อนมาก่อนหน้านี้ คือว่าที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตัวจริงเสียงจริงทั้งนั้น ซึ่งว่ากันตามเนื้อผ้า ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด มีจุดยืนทางการเมืองตรงข้ามกับระบอบทักษิณทั้งสิ้น
จะมีบางคนที่คาบลูกคาบดอกว่า เป็นแดงย้อมสีมาหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปในการทำงาน โดยเฉพาะ “บิ๊กอ๊อด”พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือแม้แต่ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ อดีตทนายความคดีจำนำข้าว ของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่เคยเปิดศึกน้ำลายกับ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
แต่เอาเป็นว่า ต่อให้ไม่ใช่อดีตคนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดงเข้ามา ลำพังใน 250 สปช. เองบางคนก็ไม่ได้ใสโจ๊ะ ขาวจั๊วะ ในทางการเมืองไปเสียหมด แต่มีภาพไม่ดีไม่งามติดตัวมาไม่น้อย แม้จะไม่ใช่นักการเมืองก็ตาม บางคนดูชื่อออกมาร้องอ๋อได้เลยว่า เด็กใครส่งเข้าประกวด หรือรู้ได้ทันที ตั้งแต่เข้ามากรอกใบสมัครแล้วว่า นอนมาตั้งแต่ไก่โห่
โดยเฉพาะในรายเนติบริกรผู้น้อง อย่าง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่แม้จะมาตอนท้าย แต่หลายคนแทงหวยว่าร้อยทั้งร้อย เข้าวินแน่ เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า เป็นตัวเต็งที่จะมานั่งเก้าอี้ใหญ่ๆ อย่างประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร หรือเก้าอี้ที่ไซด์ใกล้เคียงกัน
เรื่องหน้าตา 250 สปช. หลายคนนั้นไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะคาดเดาได้ตั้งแต่ต้นว่า จะออกมาในรูปแบบนี้ เน้นคนไว้ใจมากกว่าหน้าตา ต่อให้ตั้งใครเข้ามาก็โดนยัดเยียดอยู่ดีให้เลือกข้าง แต่ที่กินแหนงแคลงใจคือ เรื่องระบบการสรรหาที่ คสช.ไม่ยอมโชว์ความโปร่งใสให้เห็นว่า
บรรดาว่าที่สปช.ทั้งหลายได้คะแนนกันคนละเท่าไร คนที่หลุดๆ ไปได้เท่าไร เงื่อนงำการล็อกสเปกมันเลยไม่เคลียร์สักที ต่อให้พูดถึงปากจะฉีกถึงหูว่า เหมาะสม เพราะไม่มีหลักฐานมายืนยันตรรกะใดๆ เลย
** อีกจุดหนึ่งที่ตอกย้ำทฤษฎี “วางตัว”คือ หากพลิกดูจากรายชื่อสปช.แต่ละคน โดยเฉพาะใน 11 ด้าน บางคนแทบไม่เคยปรากฏว่า เคยแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปฏิรูปในด้านที่ตัวเองทะลุเข้ารอบเข้ามาสักครั้ง หรือแสดงความคิดเห็นต่อปัญหาต่างๆ ในประเทศสักหน แล้วการปฏิรูปมันจะไปรอดหรือ
ตามคิวคนกันเองอย่าง นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง และอดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลขิงแก่ที่ออกมากระทุ้งว่า งานนี้มีทั้งล็อกสเปกเอา และล็อกสเปกไม่เอา แถมยังซัดแบบไม่ไว้หน้าว่า เป็นการคอร์รัปชันอำนาจโดยแท้ นอกจากนี้ ยังกระทบชิ่งไปถึงก๊วนเนติบริกร ว่า มีส่วนกับหลายๆ ชื่อ ทำเอางานนี้ว่าที่ สปช.หลายคนระส่ำ เต้นผาง
** แม้ คสช.จะไม่แคร์ แต่แปรสัญญาณแล้วไม่ดี เพราะเป็นช็อตติดๆ กับที่คนที่มีภาพว่าอยู่ๆ สาย “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมากระแทกรัฐบาลซึ่งๆ หน้า ต่อจากคิว นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
จะมีบางคนที่คาบลูกคาบดอกว่า เป็นแดงย้อมสีมาหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปในการทำงาน โดยเฉพาะ “บิ๊กอ๊อด”พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือแม้แต่ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ อดีตทนายความคดีจำนำข้าว ของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่เคยเปิดศึกน้ำลายกับ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
แต่เอาเป็นว่า ต่อให้ไม่ใช่อดีตคนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดงเข้ามา ลำพังใน 250 สปช. เองบางคนก็ไม่ได้ใสโจ๊ะ ขาวจั๊วะ ในทางการเมืองไปเสียหมด แต่มีภาพไม่ดีไม่งามติดตัวมาไม่น้อย แม้จะไม่ใช่นักการเมืองก็ตาม บางคนดูชื่อออกมาร้องอ๋อได้เลยว่า เด็กใครส่งเข้าประกวด หรือรู้ได้ทันที ตั้งแต่เข้ามากรอกใบสมัครแล้วว่า นอนมาตั้งแต่ไก่โห่
โดยเฉพาะในรายเนติบริกรผู้น้อง อย่าง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่แม้จะมาตอนท้าย แต่หลายคนแทงหวยว่าร้อยทั้งร้อย เข้าวินแน่ เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า เป็นตัวเต็งที่จะมานั่งเก้าอี้ใหญ่ๆ อย่างประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร หรือเก้าอี้ที่ไซด์ใกล้เคียงกัน
เรื่องหน้าตา 250 สปช. หลายคนนั้นไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะคาดเดาได้ตั้งแต่ต้นว่า จะออกมาในรูปแบบนี้ เน้นคนไว้ใจมากกว่าหน้าตา ต่อให้ตั้งใครเข้ามาก็โดนยัดเยียดอยู่ดีให้เลือกข้าง แต่ที่กินแหนงแคลงใจคือ เรื่องระบบการสรรหาที่ คสช.ไม่ยอมโชว์ความโปร่งใสให้เห็นว่า
บรรดาว่าที่สปช.ทั้งหลายได้คะแนนกันคนละเท่าไร คนที่หลุดๆ ไปได้เท่าไร เงื่อนงำการล็อกสเปกมันเลยไม่เคลียร์สักที ต่อให้พูดถึงปากจะฉีกถึงหูว่า เหมาะสม เพราะไม่มีหลักฐานมายืนยันตรรกะใดๆ เลย
** อีกจุดหนึ่งที่ตอกย้ำทฤษฎี “วางตัว”คือ หากพลิกดูจากรายชื่อสปช.แต่ละคน โดยเฉพาะใน 11 ด้าน บางคนแทบไม่เคยปรากฏว่า เคยแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปฏิรูปในด้านที่ตัวเองทะลุเข้ารอบเข้ามาสักครั้ง หรือแสดงความคิดเห็นต่อปัญหาต่างๆ ในประเทศสักหน แล้วการปฏิรูปมันจะไปรอดหรือ
ตามคิวคนกันเองอย่าง นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง และอดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลขิงแก่ที่ออกมากระทุ้งว่า งานนี้มีทั้งล็อกสเปกเอา และล็อกสเปกไม่เอา แถมยังซัดแบบไม่ไว้หน้าว่า เป็นการคอร์รัปชันอำนาจโดยแท้ นอกจากนี้ ยังกระทบชิ่งไปถึงก๊วนเนติบริกร ว่า มีส่วนกับหลายๆ ชื่อ ทำเอางานนี้ว่าที่ สปช.หลายคนระส่ำ เต้นผาง
** แม้ คสช.จะไม่แคร์ แต่แปรสัญญาณแล้วไม่ดี เพราะเป็นช็อตติดๆ กับที่คนที่มีภาพว่าอยู่ๆ สาย “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมากระแทกรัฐบาลซึ่งๆ หน้า ต่อจากคิว นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล