เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (30ก.ย.) ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มาสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้าและไหว้ศาลพระภูมิ ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำทำเนียบรัฐบาล
ร.อ.นพ.ยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พ้นวาระการดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. แล้ว ก็จะเข้ามานั่งทำงานในทำเนียบฯ เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญ ส่วนในตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) นั้น ท่านคงจะแบ่งภารกิจในส่วนของรัฐบาล และคสช. ซึ่งในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ก็จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐบาลและคสช. โดยจะมีที่ปรึกษาคสช. เข้าร่วมด้วย ดังนั้นจะเป็นโอกาสอันดี ที่รัฐบาลและ คสช.จะได้แลกเปลี่ยนกัน เพราะรัฐบาลเองก็จะมีส่วนงาน 5 ส่วน ซึ่งคสช.ก็มีการติดตามงานของรัฐบาลอยู่ก็อาจจะมีคำแนะนำหรือข้อเสนออะไรกับรัฐบาล ก็ถือเป็นการทำงานคู่ขนานกันไป โดยที่คสช.ไม่ได้ก้าวก่ายการทำงานของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมร่วมกันของครม.และคสช. ใช้สถานที่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เรื่องสถานที่ยังไม่ชัดเจนเพราะเป็นความร่วมมือกันของสำนักเลขาธิการ ครม.และเลขาธิการ คสช. ในการจัดประชุมครั้งนี้ ต้องรอความชัดเจนอีกที
ร.อ.นพ.ยงยุทธ ยังกล่าวถึงกำหนดการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อวานมีการประชุมในส่วนงานต่างประเทศของสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเตรียมความพร้อม โดยขณะนี้มีกำหนดการที่ชัดเจนแล้วคือ การเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค. ตามคำเชิญของรัฐบาลเมียนมาร์ ซึ่งนายกฯ ได้ตอบรับเรียบร้อยแล้ว โดยการเดินทางไปเมียนมาร์ ครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการแนะนำตัวในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล และอาจจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังมีกำหนดการที่จะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ระหว่างวันที่ 16-17 ต.ค. ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการประชุมด้านเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและยุโรป ส่วนการเยือนกลุ่มประเทศนอกอาเซียนนั้น ยังไม่มีการลงรายละเอียด ขณะนี้จะดูเฉพาะประเทศใกล้ๆ ที่เป็นเพื่อนบ้านเราก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีกำหนดการที่จะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซีย ในช่วงนี้หรือไม่ เพราะจะมีผลต่อการเจรจาสันติสุขเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีกำหนดการ ทีมงานคงกำลังหารือกันอยู่ แต่เชื่อว่าคงจะได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องของการพูดคุยสันติสุขต่าง ๆในพื้นที่และความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจการค้าต่าง ๆที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมาเลเซีย
ร.อ.นพ.ยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พ้นวาระการดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. แล้ว ก็จะเข้ามานั่งทำงานในทำเนียบฯ เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญ ส่วนในตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) นั้น ท่านคงจะแบ่งภารกิจในส่วนของรัฐบาล และคสช. ซึ่งในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ก็จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐบาลและคสช. โดยจะมีที่ปรึกษาคสช. เข้าร่วมด้วย ดังนั้นจะเป็นโอกาสอันดี ที่รัฐบาลและ คสช.จะได้แลกเปลี่ยนกัน เพราะรัฐบาลเองก็จะมีส่วนงาน 5 ส่วน ซึ่งคสช.ก็มีการติดตามงานของรัฐบาลอยู่ก็อาจจะมีคำแนะนำหรือข้อเสนออะไรกับรัฐบาล ก็ถือเป็นการทำงานคู่ขนานกันไป โดยที่คสช.ไม่ได้ก้าวก่ายการทำงานของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมร่วมกันของครม.และคสช. ใช้สถานที่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เรื่องสถานที่ยังไม่ชัดเจนเพราะเป็นความร่วมมือกันของสำนักเลขาธิการ ครม.และเลขาธิการ คสช. ในการจัดประชุมครั้งนี้ ต้องรอความชัดเจนอีกที
ร.อ.นพ.ยงยุทธ ยังกล่าวถึงกำหนดการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อวานมีการประชุมในส่วนงานต่างประเทศของสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเตรียมความพร้อม โดยขณะนี้มีกำหนดการที่ชัดเจนแล้วคือ การเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค. ตามคำเชิญของรัฐบาลเมียนมาร์ ซึ่งนายกฯ ได้ตอบรับเรียบร้อยแล้ว โดยการเดินทางไปเมียนมาร์ ครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการแนะนำตัวในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล และอาจจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังมีกำหนดการที่จะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ระหว่างวันที่ 16-17 ต.ค. ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการประชุมด้านเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและยุโรป ส่วนการเยือนกลุ่มประเทศนอกอาเซียนนั้น ยังไม่มีการลงรายละเอียด ขณะนี้จะดูเฉพาะประเทศใกล้ๆ ที่เป็นเพื่อนบ้านเราก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีกำหนดการที่จะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซีย ในช่วงนี้หรือไม่ เพราะจะมีผลต่อการเจรจาสันติสุขเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีกำหนดการ ทีมงานคงกำลังหารือกันอยู่ แต่เชื่อว่าคงจะได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องของการพูดคุยสันติสุขต่าง ๆในพื้นที่และความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจการค้าต่าง ๆที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมาเลเซีย