วานนี้ ( 29 ก.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ หลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศกัมพูชา และยื่นเรื่องขอลี้ภัยโดยมีเจ้าหน้าที่ของข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) เป็นผู้ดูแล ภายหลังถูกหมายจับในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 รวมถึงถูกศาลทหารอนุมัติออกหมายจับ เนื่องจากไม่ยอมเข้ารายงานตัวตามคำประกาศของ คสช. ว่า สำหรับผู้ต้องหาที่มีหมายจับ นั้นจะมีการดำเนินการ 2 ช่องทาง คือช่องทางแรก ถ้าไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็จะใช้ช่องทางของกระทรวงการต่างประเทศในการขอความร่วมมือ ส่วนช่องทางที่สองถ้ามีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างสองประเทศ ก็จะใช้ช่องทางทางกฎหมายในการดำเนินการ โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ทราบว่าที่ประเทศกัมพูชาไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกับไทย ดังนั้นกรณีของนายตั้ง จึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางทางกระทรวงการต่างประเทศในการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. ยังไม่ได้สั่งการอะไรในเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเห็นว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังดำเนินการอยู่ในทุกคดีที่ผู้ต้องหามีหมายจับ รวมถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ ยืนยันว่าจะดำเนินการสานต่อหมดทุกคดี และทุกช่องทาง
"ไม่ใช่ว่าคสช. จะไม่ทำอะไรเลย ยืนยันทุกคดีที่ผู้ต้องหามีหมายจับ ทาง อสส. จะดำเนินการส่งฟ้องตามกระบวนการต่อแน่นอน ไม่ได้เงียบหาย" พ.อ.วินธัย กล่าว
ทั้งนี้ ทราบว่าที่ประเทศกัมพูชาไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกับไทย ดังนั้นกรณีของนายตั้ง จึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางทางกระทรวงการต่างประเทศในการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. ยังไม่ได้สั่งการอะไรในเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเห็นว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังดำเนินการอยู่ในทุกคดีที่ผู้ต้องหามีหมายจับ รวมถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ ยืนยันว่าจะดำเนินการสานต่อหมดทุกคดี และทุกช่องทาง
"ไม่ใช่ว่าคสช. จะไม่ทำอะไรเลย ยืนยันทุกคดีที่ผู้ต้องหามีหมายจับ ทาง อสส. จะดำเนินการส่งฟ้องตามกระบวนการต่อแน่นอน ไม่ได้เงียบหาย" พ.อ.วินธัย กล่าว