นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นำเอกสารการเปลี่ยนแปลงงบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมถนนของกรมทางหลวง กว่าพันล้านบาท ของกรมทางหลวงมาแถลงต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการถึงปัญหาการจัดงบประมาณในกรมทางหลวง เกี่ยวกับการปรับปรุงซ่อมแซมจำนวน 128 โครงการ โดยมีการขออนุมัติงบประมาณไปยังสำนักงบประมาณในเดือนพ.ค. เพื่อขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 จำนวนกว่า 1,280 ล้านบาท ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาควบคุมอำนาจ ซึ่งสำนักงบประมาณ โอนเงินให้เรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากมีการรัฐประหาร นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง กลับเปลี่ยนแปลงเส้นทางใหม่ทั้งหมด โดยที่มีหลักฐานการเปลี่ยนแปลงแล้วมีกว่า 50 โครงการ ภายใน 4 เดือน หลังเดือนพฤษภาคม เป็นเงิน 514,065,841 ล้านบาท แต่ข้าราชการที่ร้องเรียน ยืนยันว่า มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางทั้งหมดแล้ว และยังมีข้อน่าสังเกตว่า การกำหนดงบประมาณที่โครงการละไม่เกิน 10 ล้าน เพื่อให้อยู่ในอำนาจของอธิบดีดำเนินการได้เอง ใช่หรือไม่ จึงมีคำถามว่า ทำไมจึงมีการเปลี่ยนแปลงหากอธิบดีถูก ก็แสดงว่าการสำรวจของแขวงการทางหลวงผิดแล้ว ทำไมจึงอนุมัติในตอนต้นแต่กลับมายกเลิก ดังนั้นอธิบดีกรมทางหลวงต้องชี้แจง ซึ่งตนไม่สามารถพูดได้ว่า มีการฮั้วกับผู้รับเหมาหรือไม่ แต่ก็น่าคิด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากมี คสช. แล้ว
" อยากให้คสช. รัฐบาล และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคตร. ไปตรวจสอบเรื่องนี้ ว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำเช่นนั้น เรื่องนี้ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ก่อนที่อธิบดีจะปลดเกษียณในวันที่ 30 กันยายนนี้ คสช. บอกว่าจะจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชัน ก็ควรต้องเร่งดำเนินการ โดยปกติงบกรมทางหลวง จะจัดงบแบบล่ำซำ คือจัดไว้สำหรับการซ่อมแซม โครงการที่ไม่ถึง 10 ล้านบาท อธิบดีกรมทางหลวงสามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย แม้ว่าไม่ผิดในเรื่องการใช้งบประมาณ แต่ผิดในเรื่องมารยาท เพราะช่างแขวงการทางสำรวจแล้วว่า ควรทำเส้นไหนกำหนดมาแล้ว 128 เส้นทาง แต่อธิบดี อยู่ในกรมไม่ได้สำรวจ ใช้หลักอะไรเปลี่ยนแปลงทั้ง 128 โครงการ เพราะในช่วงเปลี่ยนอำนาจ คสช. ก็ทำแต่เรื่องใหญ่ ๆ บางทีข้าราชการคิดว่าไม่ติดตาม ก็มาเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่งบกรมทางหลวงแต่มีงบของท้องถิ่นก็ทำในลักษณะเดียวกัน เป็นช่องว่างที่อยากให้ คสช.ได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมที่จะปิดช่องโหว่นี้เพื่อป้องกันการทุจริต" นายวิลาศ กล่าว
**แฉตร.จัดคอนเสิร์ตตบทรัพย์
นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า หลังคสช.เข้าควบคุมอำนาจ มีประกาศห้ามมีบ่อนการพนัน ทำให้กระทบต่อผลประโยชน์ของตำรวจ ทำให้มีการจัดโครงการใหม่ในการแสวงหาประโยชน์ คือการจัดคอนเสิร์ตแบบไม่ได้ตั้งใจให้มีคนดู เช่น สถานีตำรวจนครบาลบางกอกใหญ่ มีการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศลต้านภัยยาเสพติด ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 ต.ค.57 ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ศิลปินประกอบด้วย แอน มิตรไชย ปะทะวงดนตรีจิตอาสาตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ขายบัตรใบละ 2 พันบาท โดยอ้าง สน.บางกอกใหญ่ไปจำหน่ายบัตรแกมบังคับ สำหรับบุคลธรรมดา ซองละ 5 ใบ 1 หมื่นบาท บริษัทห้างร้าน 10 ใบ 2 หมื่นบาท และยังมีการเรียกเก็บตามบ้าน อ้างขอความร่วมมือด้วย โดยเร่งรัดว่าจะต้องปิดยอดภายในเดือนนี้ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงต้องเปิดเผยเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้สถานีตำรวจอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
"ผมตรวจสอบไปที่ สน.บางกอกใหญ่ ก็ตอบกันไปแบบสะเปะสะปะ ทั้งผู้กำกับ รองผู้กำกับ ตอบไม่เหมือนกัน บ้างก็บอกว่าเพื่อมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายของตำรวจ บางคนบอกเอามาใช้ในการปราบปรามยาเสพติด และคนที่เดินไปขายบัตร เป็นตัวแทนบริษัทออแกไนซ์ แต่เป็นโครงการของสน. ถ้าไม่สกัดจะระบาดไปทุกโรงพัก เพราะหากินกันง่าย ผมคิดว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องตั้งกรรมการสอบสวนว่าเงินที่ได้เอาไปใช้ในโครงการอะไร ไม่อย่างนั้นจะระบาดไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีเรื่องแปลกๆ คือ ตำรวจขายอุปกรณ์ดับเพลิง ยี่ห้อ Police ในราคา 2,500 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าท้องตลาดที่ขายไม่เกิน 1,200 บาท ผมงง ที่ตำรวจกลายเป็นเซลล์ขายเครื่องดับเพลิง" นายวิลาศ กล่าว
" อยากให้คสช. รัฐบาล และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคตร. ไปตรวจสอบเรื่องนี้ ว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำเช่นนั้น เรื่องนี้ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ก่อนที่อธิบดีจะปลดเกษียณในวันที่ 30 กันยายนนี้ คสช. บอกว่าจะจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชัน ก็ควรต้องเร่งดำเนินการ โดยปกติงบกรมทางหลวง จะจัดงบแบบล่ำซำ คือจัดไว้สำหรับการซ่อมแซม โครงการที่ไม่ถึง 10 ล้านบาท อธิบดีกรมทางหลวงสามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย แม้ว่าไม่ผิดในเรื่องการใช้งบประมาณ แต่ผิดในเรื่องมารยาท เพราะช่างแขวงการทางสำรวจแล้วว่า ควรทำเส้นไหนกำหนดมาแล้ว 128 เส้นทาง แต่อธิบดี อยู่ในกรมไม่ได้สำรวจ ใช้หลักอะไรเปลี่ยนแปลงทั้ง 128 โครงการ เพราะในช่วงเปลี่ยนอำนาจ คสช. ก็ทำแต่เรื่องใหญ่ ๆ บางทีข้าราชการคิดว่าไม่ติดตาม ก็มาเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่งบกรมทางหลวงแต่มีงบของท้องถิ่นก็ทำในลักษณะเดียวกัน เป็นช่องว่างที่อยากให้ คสช.ได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมที่จะปิดช่องโหว่นี้เพื่อป้องกันการทุจริต" นายวิลาศ กล่าว
**แฉตร.จัดคอนเสิร์ตตบทรัพย์
นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า หลังคสช.เข้าควบคุมอำนาจ มีประกาศห้ามมีบ่อนการพนัน ทำให้กระทบต่อผลประโยชน์ของตำรวจ ทำให้มีการจัดโครงการใหม่ในการแสวงหาประโยชน์ คือการจัดคอนเสิร์ตแบบไม่ได้ตั้งใจให้มีคนดู เช่น สถานีตำรวจนครบาลบางกอกใหญ่ มีการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศลต้านภัยยาเสพติด ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 ต.ค.57 ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ศิลปินประกอบด้วย แอน มิตรไชย ปะทะวงดนตรีจิตอาสาตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ขายบัตรใบละ 2 พันบาท โดยอ้าง สน.บางกอกใหญ่ไปจำหน่ายบัตรแกมบังคับ สำหรับบุคลธรรมดา ซองละ 5 ใบ 1 หมื่นบาท บริษัทห้างร้าน 10 ใบ 2 หมื่นบาท และยังมีการเรียกเก็บตามบ้าน อ้างขอความร่วมมือด้วย โดยเร่งรัดว่าจะต้องปิดยอดภายในเดือนนี้ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงต้องเปิดเผยเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้สถานีตำรวจอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
"ผมตรวจสอบไปที่ สน.บางกอกใหญ่ ก็ตอบกันไปแบบสะเปะสะปะ ทั้งผู้กำกับ รองผู้กำกับ ตอบไม่เหมือนกัน บ้างก็บอกว่าเพื่อมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายของตำรวจ บางคนบอกเอามาใช้ในการปราบปรามยาเสพติด และคนที่เดินไปขายบัตร เป็นตัวแทนบริษัทออแกไนซ์ แต่เป็นโครงการของสน. ถ้าไม่สกัดจะระบาดไปทุกโรงพัก เพราะหากินกันง่าย ผมคิดว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องตั้งกรรมการสอบสวนว่าเงินที่ได้เอาไปใช้ในโครงการอะไร ไม่อย่างนั้นจะระบาดไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีเรื่องแปลกๆ คือ ตำรวจขายอุปกรณ์ดับเพลิง ยี่ห้อ Police ในราคา 2,500 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าท้องตลาดที่ขายไม่เกิน 1,200 บาท ผมงง ที่ตำรวจกลายเป็นเซลล์ขายเครื่องดับเพลิง" นายวิลาศ กล่าว
