เมื่อเวลา 10.15 น. วานนี้ ( 25ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุม คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่า ประจำเดือน ก.ย.57 ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน โดยก่อนการเข้าร่วมประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ที่เทียบเท่า ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ จำนวน 6 คน อาทิ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ร่วมบันทึกภาพเป็นที่ระลึกภายในตึกไทยคู่ฟ้า
ขณะเดียวกันได้เปิดโอกาสให้หัวหน้าส่วนราชการที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ได้ร่วมถ่ายรูปหมู่ เนื่องจากเป็นการประชุมระดับปลัดกระทรวงครั้งแรก หลังจากที่มีการประชุมมอบนโยบาย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกสันติไมตรี เพื่อเข้าร่วมประชุมนั้น ได้ยิ้มทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว และยกนิ้วชี้มาแตะริมฝีปาก ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่พูด และชี้นิ้วไปที่ห้องประชุม ก่อนเดินทางเข้าสู่ที่ประชุมทันที
โดยก่อนเริ่มการประชุม นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนมอบพวงมาลัยดอกมะลิ ให้กับนายกฯ พร้อมกล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่นายกรัฐมนตรี ได้รับใช้ชาติมากกว่า 38 ปี ซึ่งหลังจากเกษียณอายุราชการ แทนที่จะได้พักผ่อน เหมือนกับข้าราชการคนอื่นที่เกษียณอายุราชการ แต่ได้อาสามาพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นความเสียสละ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า ให้แนวทางการทำงานในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบาย ผู้ที่นำไปสู่การขับเคลื่อน คือ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติคือ กระทรวง ทบวง กรม ที่ต้อง 1. ทำจริง ทำทันที 2. ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี และ 3. เตรียมการสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จให้ยั่งยืน และได้ทำความเข้าใจเรื่องงบประมาณที่จัดสรรไว้แล้วว่า จะใช้จ่ายอย่างไรให้สอดคล้องกับแผนงานที่เรากำหนดไว้ 3 ระยะ คือ เร่งด่วน ปานกลาง และระยะยาว เรื่องเร่งด่วนต้องทำให้เกิดผลทันที เมื่อไหร่ เมื่อนั้น ปัญหาแก้ง่ายก็แก้เลย อะไรแก้ไม่ได้ ต้องใช้เวลา ในปีนี้ต้องแก้ให้สำเร็จ และวางรากฐานปีต่อไปให้ได้ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกลุ่มงานที่ใกล้เคียงมาอยู่ด้วยกัน ในการประชุมครั้งหน้าแต่ละกระทรวง ต้องมารายงานความก้าวหน้า หรือมีปัญหาตรงไหน ให้นายกฯ รัฐบาลช่วยให้บอก เป็นการทำงานสองทาง คือ ขับเคลื่อนรัฐมนตรี และประสานรัฐมนตรีไปยังหน่วยงานปฏิบัติ
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมครั้งนี้ ตนได้แสดงความเป็นห่วง เรื่องละครที่มีผลกระทบต่อเด็ก เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาซึ่งตนก็รับฟัง เพราะช่วงเย็นๆ และ หัวค่ำเด็กๆ ยังไม่หลับ ก็ดูละครแล้วติดกันไปหมด ละครบางเรื่องเป็นของผู้ใหญ่
ขณะเดียวกันได้เปิดโอกาสให้หัวหน้าส่วนราชการที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ได้ร่วมถ่ายรูปหมู่ เนื่องจากเป็นการประชุมระดับปลัดกระทรวงครั้งแรก หลังจากที่มีการประชุมมอบนโยบาย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกสันติไมตรี เพื่อเข้าร่วมประชุมนั้น ได้ยิ้มทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว และยกนิ้วชี้มาแตะริมฝีปาก ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่พูด และชี้นิ้วไปที่ห้องประชุม ก่อนเดินทางเข้าสู่ที่ประชุมทันที
โดยก่อนเริ่มการประชุม นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนมอบพวงมาลัยดอกมะลิ ให้กับนายกฯ พร้อมกล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่นายกรัฐมนตรี ได้รับใช้ชาติมากกว่า 38 ปี ซึ่งหลังจากเกษียณอายุราชการ แทนที่จะได้พักผ่อน เหมือนกับข้าราชการคนอื่นที่เกษียณอายุราชการ แต่ได้อาสามาพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นความเสียสละ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า ให้แนวทางการทำงานในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบาย ผู้ที่นำไปสู่การขับเคลื่อน คือ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติคือ กระทรวง ทบวง กรม ที่ต้อง 1. ทำจริง ทำทันที 2. ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี และ 3. เตรียมการสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จให้ยั่งยืน และได้ทำความเข้าใจเรื่องงบประมาณที่จัดสรรไว้แล้วว่า จะใช้จ่ายอย่างไรให้สอดคล้องกับแผนงานที่เรากำหนดไว้ 3 ระยะ คือ เร่งด่วน ปานกลาง และระยะยาว เรื่องเร่งด่วนต้องทำให้เกิดผลทันที เมื่อไหร่ เมื่อนั้น ปัญหาแก้ง่ายก็แก้เลย อะไรแก้ไม่ได้ ต้องใช้เวลา ในปีนี้ต้องแก้ให้สำเร็จ และวางรากฐานปีต่อไปให้ได้ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกลุ่มงานที่ใกล้เคียงมาอยู่ด้วยกัน ในการประชุมครั้งหน้าแต่ละกระทรวง ต้องมารายงานความก้าวหน้า หรือมีปัญหาตรงไหน ให้นายกฯ รัฐบาลช่วยให้บอก เป็นการทำงานสองทาง คือ ขับเคลื่อนรัฐมนตรี และประสานรัฐมนตรีไปยังหน่วยงานปฏิบัติ
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมครั้งนี้ ตนได้แสดงความเป็นห่วง เรื่องละครที่มีผลกระทบต่อเด็ก เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาซึ่งตนก็รับฟัง เพราะช่วงเย็นๆ และ หัวค่ำเด็กๆ ยังไม่หลับ ก็ดูละครแล้วติดกันไปหมด ละครบางเรื่องเป็นของผู้ใหญ่