ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจรวบตัว 6 โจ๋อุเทนถวาย รวมกลุ่มไล่ยิง นศ.สถาบันคู่อริดับ สารภาพเจ็บแค้น เหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อนถูกยิงตายแต่จับมือใครดมไม่ได้ แม้แต่ผู้หญิงก็ยังตกเป็นเหยื่อ ตำรวจวอนให้แจ้งความร้องทุกข์ดีกว่า อย่าตัดสินกันเอง "บิ๊กตู่"ลั่นนักเรียนนักเลงตีกัน สั่งปิดโรงเรียนทันที ด้าน"กำจร" เชิญผู้บริหารอุเทนภวาย-ปทุมวัน หารือ ขู่ลงโทษผู้บริหาร ฐานปล่อยปละละเลย
วานนี้ (17 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.สยศ.ตร. รักษาการ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม 6 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงถล่มล้างแค้นคู่อริจนเสียชีวิต
โดยในการแถลงข่าว มีนายตำรวจเข้าร่วม ได้แก่ พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า พ.ต.อ.ทีฆโชติ สุวรรณาคม พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผกก.สส.กก.3 พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.กก.วิเคราะห์ข่าว พ.ต.ท.ชณดิช วงศ์รัตน์ พ.ต.ท.ปริยวรรธน์ วัฒนะนาวิน รอง ผกก.กก.วิเคราะห์ข่าว พ.ต.ท.สรรเพชร สุวรรณไตร พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์ ธรรมมียะ พ.ต.ต.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ พ.ต.ต.ปิยรัช เวสสะโกศล สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมด้วย พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ พ.ต.อ.วัชรพงษ์ ดำรงศรี พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สส.บก.น.4 และ พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก
สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมได้ คือ นายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี หรือบินทร์ อายุ 20 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1637/2557 ลงวันที่ 16ก.ย.2557 นายปัญญา เขมวัชนเลิศ หรือโต้ง อายุ 20 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1638/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 นายอรรถพล ยี่แม่นยิง หรือต้น อายุ 20 ปี หมายจับศลอาญาที่ 1639/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 นายจิรายุทธ สุวรรณโชติ หรือไอซ์ อายุ 20 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1640/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 นายณัฐกร กรรมแต่ง หรือณัฐ อายุ 23 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1641/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 และนายจิตรดิลก อุ้มชู หรือเน็ต อายุ 21 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1642/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557
ทั้งนี้ ในการจับกุม ได้ของกลาง เสื้อแจ็กเกตสีกรมท่า 4 ตัว หมวกกันน็อกสีดำ 3 ใบ รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีดำ-แดง ทะเบียน 2กล 9919 กทม. จักรยานยนต์ฮอนด้า สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน และป้ายทะเบียน ฬสม 483 กทม. 1 อัน และได้ตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีใบอนุญาตให้พกอาวุธปืนติดตัว และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช้ก่อเหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมนุมชน
***วอนอย่าตัดสินกันเองให้แจ้งตำรวจ
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ด้านหน้าอัสกาญจน์เพลส อาคาร 3 ในซอยรามคำแหง 107 (ซอยวัดศรีบุญเรือง) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. คนร้าย 2 คนสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้ม ขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปปี้ไอ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน ใช้อาวุธปืนขนาด .32 ยิงนายพชร กัมพลาศิริ อายุ 20 ปี จนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ติดตามสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมี 6 คน เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับทันที
จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายทั้ง 6 คน โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนดี เพียงแค่รู้สึกว่าหลายเหตุการณ์ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันถูกทำร้าย และยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ จึงความคิดที่จะรวบรวมเงินไปซื้ออาวุธปืน เพื่อใช้ป้องกันตัวและป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น
"จากเรื่องดังกล่าว ประชาชนหรือผู้ใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกทำร้าย ขอให้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะดำเนินการสอบสวนอย่างชัดเจน อย่าตัดสินกันเอง เพราะไม่ว่าใครหรือฝ่ายไหนกระทำผิด ต้องได้รับความเป็นธรรมแน่นอน"
***เผยก่อเหตุเพื่อต้องการล้างแค้นให้เพื่อน
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ผู้ต้องหาสารภาพว่าการก่อเหตุครั้งนี้ เป็นการล้างแค้นให้กับเพื่อนสถาบันเดียวกันที่ถูกยิงเสียชีวิต และบาดเจ็บหน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เมื่อวันที่ 26 ส.ค.เท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าเกิดเหตุร้ายแรงแค่ไหน ก็ไม่พบผู้กระทำความผิดเลย จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งการนำเสนอข่าวบางเรื่อง ก็ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ไม่ทราบด้วยว่าไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นนักศึกษาของสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ คิดว่าเป็นนักศึกษาของสถาบันคู่อริ
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ได้วางแผนก่อเหตุยิงนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี และนายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจนเสียชีวิต บริเวณถนนเทิดดำริห์ ใกล้กับสถานีรถไฟบางซื่อ แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การเพิ่มว่า เรื่องที่ผ่านมา ตนเป็นผู้ถูกกระทำ เพราะเพื่อนที่เสียชีวิตเป็นผู้หญิง และไม่ใช่บุคคลเลวร้าย แต่ต้องมาเสียชีวิตเพราะเข้ามาศึกษาในสถาบันที่มีคู่อริ
***ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผน
พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.ท.นพคุณ ไพเราะ สว.สส พ.ต.ต.สุรเดช ฉัตรไทย สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.เตาปูน และเจ้าหน้าทหาร ป.พัน.1 รอ. รวมกว่า 100 นาย ได้นำตัวนายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี นายปัญญา เขมวัชรเลิศ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ก่อนเกิดเหตุ นายณัฐกร กรรมแต่ง ได้ทำหน้าที่จัดหาอาวุธปืน จากนั้นนายจิรายุทธ สุวรรณโชติ นายอรรถพล ยี่แม่นยิง และนายคมสันต์ ชูศิลป์ ได้ทำการชี้เป้าหมายให้กับนายกบินทร์ ที่บริเวณผู้เป็นมือปืน และนายปัญญา ซึ่งทำหน้าที่ขับขี่จักรยานยนต์ ที่บริเวณห้างโลตัส สาขาเจริญผล ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีดำ-แดง ทะเบียน ฬสม-483 กทม. ซึ่งเป็นแผนป้ายทะเบียนที่ขโมยมาเพื่อสวมตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ขับรถจักรยานยนต์ติดตามผู้เสียชีวิต จนกระทั่งมาตามพบผู้เสียชีวิตทั้งคู่อีกครั้งที่แยกศรีอยุธยา จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์เส้นทางถนนพระราม 6 เข้าถนนประดิพัทธ์ มายังถนนเทรดดำริ จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าสถานีรถไฟบางซื่อ ก่อนที่นายกบินทร์จะชักปืนขนาด.38 ออกมายิงใส่ นายพลวัต เข้าที่หูด้านขวาทะลุหูด้ายซ้ายจำนวน 2นัด ส่วนนายชิษณุพงศ์ ถูกยิงเข้าที่หูด้านขวา 1 นัด และกระเป๋าสะพาย 1 นัด รวมจำนวน 4 นัด เป็นเหตุทั้งสองเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะขับรถหลบหนีไปตามถนนเทอดดำริ ก่อนกลับรถเพื่อหลบหนีไปตามเส้นทางเดิมมุ่งหน้า 5 แยกลาดพร้าว ซึ่งหลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาทั้ง 6 คนได้หนีไปกบดานอยู่ที่บ้านพักย่านบึงกุ่ม กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน จะสงตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขัง ที่สน.หัวหมาก ซึ่งทางสน.เตาปูนจะแนบสำนวนของคดีดังกล่าวไปกับสำนวนคดีของสน.หัวหมาก จากนั้นในวันนี้ ทางพนักงานสอบสวนสน.หัวหมากจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังยังศาลอาญารัชดาภิเษกต่อไป
โดยบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมา อีกทั้งยังมีเพื่อนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมารอดูการทำแผนกว่า 10 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันให้ออกจากพื้นเพื่อความปลอดภัย
***ทำแผนคดียิงที่ซอยรามคำแหงด้วย
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.โกเมน สุภาพ ผทค.พงส. พ.ต.ท.โสภณ ยานธรรม รองผกก.สส. พ.ต.ท.หัสดินทร์ นพวงศ์ ณ อยุธยา สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน คุมตัวนายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี หรือเอฟ นายปัญญา เขมวัชรเลิศ หรือโต้ง และนายอรรถพล ยี่แม่นยิง หรือต้น ผู้ต้องหาที่ร่วมกัน นายพชร กัมพลาศิริ อายุ 21 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ จนเสียชีวิตภายในซอยรามคำแหง 107 (ซอยวัดศรีบุญเรือง) ในพื้นที่สน.หัวหมากเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
จุดแรกตำรวจคุมตัวไปที่ปากซอยรามคำแหง103 ซึ่งเป็นจุดที่นายปัญญาขับขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำตาล ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยมีนายกบินทร์ นั่งซ้อนท้ายมาด้วย ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยรามคำแหง107 ซอยวัดศรีบุญเรือง มายังจุดที่ 2 ที่บริเวณหน้าอาคารอัสสกาญจน์ เพลส เลขที่ 231 อาคาร 3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน สวมหมวกนิรภัย ก่อนจะจอดบริเวณฝั่งตรงข้ามอาคารดังกล่าว หลังจากนั้นนายกบินทร์ได้เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด.32 จ่อยิงเข้าที่ศีรษะจำนวน 1 นัด เมื่อผู้ตายล้มลง จึงกระหน่ำยิงอีก 4 นัด และขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ต้องหาทั้ง2 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดต่างๆ ตามเส้นทางที่ทั้ง 2 คนหลบหนีอีกทั้งสิ้น 7 จุด หลังก่อเหตุ นายปัญญาได้ขับขี่จักรยานยนพานายกบินทร์เลี้ยวซ้ายออกบริเวณปากซอย มุ่งหน้าไปตามเส้นทางถนนรามคำแหง ก่อนเลี้ยวซ้ายที่แยกคอกม้า เพื่อไปยังถนนเสรีไทย เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกนิด้า ผ่านหน้าสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งจุดนี้กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพทั้ง 2 ไว้ได้ ก่อนจะขับขี่จักรยานยนต์ขึ้นสะพานยกระดับบางกะปิ ไปยังถนนลาดพร้าว และเลี้ยวซ้ายที่บริเวณใต้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เพื่อไปยังบ้านพักของนายกบินทร์ ย่านรามอินทรา
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังนำตัวนายอรรถพล ไปทำแผนบริเวณแสนสบายคอมเพล็กซ์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามซอยรามคำแหง103 ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่นายอรรถพล มานั่งรอนายกบินทร์ เพื่อที่จะบอกความเคลื่อนไหวของผู้ตาย
โดยบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีประชาชนพร้อมทั้งญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตและเพื่อนสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จำนวนมากมารอดูการทำแผนครั้งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมกำลังตำรวจชุดจู่โจม เฝ้าคอยระวังและกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องตลอดการทำแผน อย่างไรก็ตาม ขณะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนนั้น มีรถยนต์ของทางนักศึกษาสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ คอยขับตามตลอดการทำแผน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้าตรวจค้น พร้อมทั้งว่ากล่าวให้นักศึกษากลุ่มดังกล่าวไม่ให้ขับตาม
***พ่อวอนให้เร่งแก้ปัญหานักเรียนตีกัน
นายกำพล กัมพลาศิริ บิดาของนายพชร ผู้เสียชีวิต ซึ่งเฝ้าดูการทำแผนพร้อมครอบครัว กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกโกรธแค้นมาก ถ้าเป็นไปได้อยากทำร้ายผู้ต้องหาเสียตอนนี้เลย เพื่อชดใช้ให้ลูกชายเพียงคนเดียว ส่วนตัวแล้วตนเองไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการยิงผิดตัว และขอให้การเสียชีวิตของลูกตนเองเป็นกรณีเริ่มต้นการแก้ปัญหานักเรียนตีกันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งวอนให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดี ไม่ใช่ปล่อยปะละเลย นอกจากนั้นตนเองยังจะปรึกษาทนายความเพื่อจะเรียกร้องทางแพ่ง เอาผิดกับทางผู้ปกครองของผู้ต้องหาเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ปกครองผู้ต้องหารับรู้ว่า ถ้าตนเองดูแลบุตรหลานไม่ดีก่อให้เกิดผลเสียกับครอบครัวคนอื่นอย่างไร
***"บิ๊กตู่"ลั่นสั่งปิดโรงเรียนนักเรียนนักเลง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องนักเรียนตีกันว่า ขอฝากไว้ตรงนี้เลยว่าต่อไปนี้หากเกิดปัญหานักเรียนตีกัน จะสั่งให้ปิดคณะที่มีปัญหาทันที และเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีปัญหาที่โรงเรียน ก็จะปิดโรงเรียน และทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดี
***คาดโทษฝ่ายบริหารหากปล่อยปละ
วันเดียวกันนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) ได้เชิญนายปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และนายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.) วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อหาทางยุติปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษา 2 สถาบัน หลังเกิดเหตุการณ์นักศึกษาทั้ง 2 แห่ง ถูกยิงเสียชีวิตจากการแก้แค้นกันและกัน ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารทั้ง 2 สถาบันว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ถ้าเกิดจะใช้มาตรการลงโทษฝ่ายบริหาร คือ การตั้งกรรมการสอบวินัย ฐานปล่อยปละละเลย
ทั้งนี้ ตนมองว่า ทั้ง 2 สถาบันอยู่ร่วมกันได้ และช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็อยู่ในความสงบพอควร แต่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังกังขา เพราะกรณีนักศึกษาสาวของอุเทนถวายที่ถูกยิงเสียชีวิตและยังไม่มีความคืบหน้า โดยอุเทนถวายเข้าใจว่าเป็นนักศึกษาเทคโนฯ ปทุมวันทำ ส่วนเทคโนฯ ปทุมวัน ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นนักศึกษาของตนหรือไม่ ก็อยากขอให้ตำรวจเร่งจับกุมผู้ก่อเหตุ เรื่องจะได้จบและเหตุการณ์จะได้สงบลง
***เผยมีมาตรการป้องกันเข้มข้นอยู่แล้ว
รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน (สปท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา สถาบันฯ ได้มีมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองนักศึกษาเข้าเรียน การคุ้มครองดูแลนักศึกษา ให้นักศึกษาเลิกเรียนตั้งแต่เวลา 15.00 น. และทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือจากนักศึกษาให้ดูแลตัวเอง และไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท เป็นต้น แต่สุดท้ายก็ยังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับนักศึกษาของเรา โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ตน นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่ารู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก เพราะนักศึกษาที่เข้าเรียนทุกคนเป็นเสมือนลูกหลานของเราเมื่อเขาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็ได้สร้างความเศร้าสลดทุกครั้ง
ส่วนที่จะเลขาธิการ กกอ. ขอให้สถาบันฯ ปทุมวัน ไปหามาตรการป้องกันการทะเลาะวิวาท หรือความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ทางสถาบันฯ คงรับไปดำเนินการและวางมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะดำเนินการอะไรเพิ่มเติมบ้าง เพราะมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาของเราที่ผ่านมา ก็เข้มข้นมากอยู่แล้ว
วานนี้ (17 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.สยศ.ตร. รักษาการ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม 6 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงถล่มล้างแค้นคู่อริจนเสียชีวิต
โดยในการแถลงข่าว มีนายตำรวจเข้าร่วม ได้แก่ พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า พ.ต.อ.ทีฆโชติ สุวรรณาคม พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผกก.สส.กก.3 พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.กก.วิเคราะห์ข่าว พ.ต.ท.ชณดิช วงศ์รัตน์ พ.ต.ท.ปริยวรรธน์ วัฒนะนาวิน รอง ผกก.กก.วิเคราะห์ข่าว พ.ต.ท.สรรเพชร สุวรรณไตร พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์ ธรรมมียะ พ.ต.ต.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ พ.ต.ต.ปิยรัช เวสสะโกศล สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมด้วย พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ พ.ต.อ.วัชรพงษ์ ดำรงศรี พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สส.บก.น.4 และ พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก
สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมได้ คือ นายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี หรือบินทร์ อายุ 20 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1637/2557 ลงวันที่ 16ก.ย.2557 นายปัญญา เขมวัชนเลิศ หรือโต้ง อายุ 20 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1638/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 นายอรรถพล ยี่แม่นยิง หรือต้น อายุ 20 ปี หมายจับศลอาญาที่ 1639/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 นายจิรายุทธ สุวรรณโชติ หรือไอซ์ อายุ 20 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1640/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 นายณัฐกร กรรมแต่ง หรือณัฐ อายุ 23 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1641/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557 และนายจิตรดิลก อุ้มชู หรือเน็ต อายุ 21 ปี หมายจับศาลอาญาที่ 1642/2557 ลงวันที่ 16 ก.ย.2557
ทั้งนี้ ในการจับกุม ได้ของกลาง เสื้อแจ็กเกตสีกรมท่า 4 ตัว หมวกกันน็อกสีดำ 3 ใบ รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีดำ-แดง ทะเบียน 2กล 9919 กทม. จักรยานยนต์ฮอนด้า สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน และป้ายทะเบียน ฬสม 483 กทม. 1 อัน และได้ตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีใบอนุญาตให้พกอาวุธปืนติดตัว และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช้ก่อเหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมนุมชน
***วอนอย่าตัดสินกันเองให้แจ้งตำรวจ
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ด้านหน้าอัสกาญจน์เพลส อาคาร 3 ในซอยรามคำแหง 107 (ซอยวัดศรีบุญเรือง) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. คนร้าย 2 คนสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้ม ขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปปี้ไอ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน ใช้อาวุธปืนขนาด .32 ยิงนายพชร กัมพลาศิริ อายุ 20 ปี จนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ติดตามสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมี 6 คน เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับทันที
จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายทั้ง 6 คน โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนดี เพียงแค่รู้สึกว่าหลายเหตุการณ์ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันถูกทำร้าย และยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ จึงความคิดที่จะรวบรวมเงินไปซื้ออาวุธปืน เพื่อใช้ป้องกันตัวและป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น
"จากเรื่องดังกล่าว ประชาชนหรือผู้ใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกทำร้าย ขอให้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะดำเนินการสอบสวนอย่างชัดเจน อย่าตัดสินกันเอง เพราะไม่ว่าใครหรือฝ่ายไหนกระทำผิด ต้องได้รับความเป็นธรรมแน่นอน"
***เผยก่อเหตุเพื่อต้องการล้างแค้นให้เพื่อน
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ผู้ต้องหาสารภาพว่าการก่อเหตุครั้งนี้ เป็นการล้างแค้นให้กับเพื่อนสถาบันเดียวกันที่ถูกยิงเสียชีวิต และบาดเจ็บหน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เมื่อวันที่ 26 ส.ค.เท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าเกิดเหตุร้ายแรงแค่ไหน ก็ไม่พบผู้กระทำความผิดเลย จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งการนำเสนอข่าวบางเรื่อง ก็ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ไม่ทราบด้วยว่าไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นนักศึกษาของสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ คิดว่าเป็นนักศึกษาของสถาบันคู่อริ
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ได้วางแผนก่อเหตุยิงนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี และนายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจนเสียชีวิต บริเวณถนนเทิดดำริห์ ใกล้กับสถานีรถไฟบางซื่อ แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การเพิ่มว่า เรื่องที่ผ่านมา ตนเป็นผู้ถูกกระทำ เพราะเพื่อนที่เสียชีวิตเป็นผู้หญิง และไม่ใช่บุคคลเลวร้าย แต่ต้องมาเสียชีวิตเพราะเข้ามาศึกษาในสถาบันที่มีคู่อริ
***ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผน
พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.ท.นพคุณ ไพเราะ สว.สส พ.ต.ต.สุรเดช ฉัตรไทย สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.เตาปูน และเจ้าหน้าทหาร ป.พัน.1 รอ. รวมกว่า 100 นาย ได้นำตัวนายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี นายปัญญา เขมวัชรเลิศ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ก่อนเกิดเหตุ นายณัฐกร กรรมแต่ง ได้ทำหน้าที่จัดหาอาวุธปืน จากนั้นนายจิรายุทธ สุวรรณโชติ นายอรรถพล ยี่แม่นยิง และนายคมสันต์ ชูศิลป์ ได้ทำการชี้เป้าหมายให้กับนายกบินทร์ ที่บริเวณผู้เป็นมือปืน และนายปัญญา ซึ่งทำหน้าที่ขับขี่จักรยานยนต์ ที่บริเวณห้างโลตัส สาขาเจริญผล ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีดำ-แดง ทะเบียน ฬสม-483 กทม. ซึ่งเป็นแผนป้ายทะเบียนที่ขโมยมาเพื่อสวมตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ขับรถจักรยานยนต์ติดตามผู้เสียชีวิต จนกระทั่งมาตามพบผู้เสียชีวิตทั้งคู่อีกครั้งที่แยกศรีอยุธยา จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์เส้นทางถนนพระราม 6 เข้าถนนประดิพัทธ์ มายังถนนเทรดดำริ จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าสถานีรถไฟบางซื่อ ก่อนที่นายกบินทร์จะชักปืนขนาด.38 ออกมายิงใส่ นายพลวัต เข้าที่หูด้านขวาทะลุหูด้ายซ้ายจำนวน 2นัด ส่วนนายชิษณุพงศ์ ถูกยิงเข้าที่หูด้านขวา 1 นัด และกระเป๋าสะพาย 1 นัด รวมจำนวน 4 นัด เป็นเหตุทั้งสองเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะขับรถหลบหนีไปตามถนนเทอดดำริ ก่อนกลับรถเพื่อหลบหนีไปตามเส้นทางเดิมมุ่งหน้า 5 แยกลาดพร้าว ซึ่งหลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาทั้ง 6 คนได้หนีไปกบดานอยู่ที่บ้านพักย่านบึงกุ่ม กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน จะสงตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขัง ที่สน.หัวหมาก ซึ่งทางสน.เตาปูนจะแนบสำนวนของคดีดังกล่าวไปกับสำนวนคดีของสน.หัวหมาก จากนั้นในวันนี้ ทางพนักงานสอบสวนสน.หัวหมากจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังยังศาลอาญารัชดาภิเษกต่อไป
โดยบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมา อีกทั้งยังมีเพื่อนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมารอดูการทำแผนกว่า 10 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันให้ออกจากพื้นเพื่อความปลอดภัย
***ทำแผนคดียิงที่ซอยรามคำแหงด้วย
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.โกเมน สุภาพ ผทค.พงส. พ.ต.ท.โสภณ ยานธรรม รองผกก.สส. พ.ต.ท.หัสดินทร์ นพวงศ์ ณ อยุธยา สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน คุมตัวนายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี หรือเอฟ นายปัญญา เขมวัชรเลิศ หรือโต้ง และนายอรรถพล ยี่แม่นยิง หรือต้น ผู้ต้องหาที่ร่วมกัน นายพชร กัมพลาศิริ อายุ 21 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ จนเสียชีวิตภายในซอยรามคำแหง 107 (ซอยวัดศรีบุญเรือง) ในพื้นที่สน.หัวหมากเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
จุดแรกตำรวจคุมตัวไปที่ปากซอยรามคำแหง103 ซึ่งเป็นจุดที่นายปัญญาขับขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำตาล ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยมีนายกบินทร์ นั่งซ้อนท้ายมาด้วย ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยรามคำแหง107 ซอยวัดศรีบุญเรือง มายังจุดที่ 2 ที่บริเวณหน้าอาคารอัสสกาญจน์ เพลส เลขที่ 231 อาคาร 3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน สวมหมวกนิรภัย ก่อนจะจอดบริเวณฝั่งตรงข้ามอาคารดังกล่าว หลังจากนั้นนายกบินทร์ได้เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด.32 จ่อยิงเข้าที่ศีรษะจำนวน 1 นัด เมื่อผู้ตายล้มลง จึงกระหน่ำยิงอีก 4 นัด และขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ต้องหาทั้ง2 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดต่างๆ ตามเส้นทางที่ทั้ง 2 คนหลบหนีอีกทั้งสิ้น 7 จุด หลังก่อเหตุ นายปัญญาได้ขับขี่จักรยานยนพานายกบินทร์เลี้ยวซ้ายออกบริเวณปากซอย มุ่งหน้าไปตามเส้นทางถนนรามคำแหง ก่อนเลี้ยวซ้ายที่แยกคอกม้า เพื่อไปยังถนนเสรีไทย เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกนิด้า ผ่านหน้าสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งจุดนี้กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพทั้ง 2 ไว้ได้ ก่อนจะขับขี่จักรยานยนต์ขึ้นสะพานยกระดับบางกะปิ ไปยังถนนลาดพร้าว และเลี้ยวซ้ายที่บริเวณใต้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เพื่อไปยังบ้านพักของนายกบินทร์ ย่านรามอินทรา
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังนำตัวนายอรรถพล ไปทำแผนบริเวณแสนสบายคอมเพล็กซ์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามซอยรามคำแหง103 ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่นายอรรถพล มานั่งรอนายกบินทร์ เพื่อที่จะบอกความเคลื่อนไหวของผู้ตาย
โดยบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีประชาชนพร้อมทั้งญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตและเพื่อนสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จำนวนมากมารอดูการทำแผนครั้งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมกำลังตำรวจชุดจู่โจม เฝ้าคอยระวังและกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องตลอดการทำแผน อย่างไรก็ตาม ขณะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนนั้น มีรถยนต์ของทางนักศึกษาสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ คอยขับตามตลอดการทำแผน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้าตรวจค้น พร้อมทั้งว่ากล่าวให้นักศึกษากลุ่มดังกล่าวไม่ให้ขับตาม
***พ่อวอนให้เร่งแก้ปัญหานักเรียนตีกัน
นายกำพล กัมพลาศิริ บิดาของนายพชร ผู้เสียชีวิต ซึ่งเฝ้าดูการทำแผนพร้อมครอบครัว กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกโกรธแค้นมาก ถ้าเป็นไปได้อยากทำร้ายผู้ต้องหาเสียตอนนี้เลย เพื่อชดใช้ให้ลูกชายเพียงคนเดียว ส่วนตัวแล้วตนเองไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการยิงผิดตัว และขอให้การเสียชีวิตของลูกตนเองเป็นกรณีเริ่มต้นการแก้ปัญหานักเรียนตีกันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งวอนให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดี ไม่ใช่ปล่อยปะละเลย นอกจากนั้นตนเองยังจะปรึกษาทนายความเพื่อจะเรียกร้องทางแพ่ง เอาผิดกับทางผู้ปกครองของผู้ต้องหาเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ปกครองผู้ต้องหารับรู้ว่า ถ้าตนเองดูแลบุตรหลานไม่ดีก่อให้เกิดผลเสียกับครอบครัวคนอื่นอย่างไร
***"บิ๊กตู่"ลั่นสั่งปิดโรงเรียนนักเรียนนักเลง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องนักเรียนตีกันว่า ขอฝากไว้ตรงนี้เลยว่าต่อไปนี้หากเกิดปัญหานักเรียนตีกัน จะสั่งให้ปิดคณะที่มีปัญหาทันที และเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีปัญหาที่โรงเรียน ก็จะปิดโรงเรียน และทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดี
***คาดโทษฝ่ายบริหารหากปล่อยปละ
วันเดียวกันนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) ได้เชิญนายปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และนายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.) วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อหาทางยุติปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษา 2 สถาบัน หลังเกิดเหตุการณ์นักศึกษาทั้ง 2 แห่ง ถูกยิงเสียชีวิตจากการแก้แค้นกันและกัน ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารทั้ง 2 สถาบันว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ถ้าเกิดจะใช้มาตรการลงโทษฝ่ายบริหาร คือ การตั้งกรรมการสอบวินัย ฐานปล่อยปละละเลย
ทั้งนี้ ตนมองว่า ทั้ง 2 สถาบันอยู่ร่วมกันได้ และช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็อยู่ในความสงบพอควร แต่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังกังขา เพราะกรณีนักศึกษาสาวของอุเทนถวายที่ถูกยิงเสียชีวิตและยังไม่มีความคืบหน้า โดยอุเทนถวายเข้าใจว่าเป็นนักศึกษาเทคโนฯ ปทุมวันทำ ส่วนเทคโนฯ ปทุมวัน ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นนักศึกษาของตนหรือไม่ ก็อยากขอให้ตำรวจเร่งจับกุมผู้ก่อเหตุ เรื่องจะได้จบและเหตุการณ์จะได้สงบลง
***เผยมีมาตรการป้องกันเข้มข้นอยู่แล้ว
รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน (สปท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา สถาบันฯ ได้มีมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองนักศึกษาเข้าเรียน การคุ้มครองดูแลนักศึกษา ให้นักศึกษาเลิกเรียนตั้งแต่เวลา 15.00 น. และทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือจากนักศึกษาให้ดูแลตัวเอง และไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท เป็นต้น แต่สุดท้ายก็ยังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับนักศึกษาของเรา โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ตน นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่ารู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก เพราะนักศึกษาที่เข้าเรียนทุกคนเป็นเสมือนลูกหลานของเราเมื่อเขาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็ได้สร้างความเศร้าสลดทุกครั้ง
ส่วนที่จะเลขาธิการ กกอ. ขอให้สถาบันฯ ปทุมวัน ไปหามาตรการป้องกันการทะเลาะวิวาท หรือความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ทางสถาบันฯ คงรับไปดำเนินการและวางมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะดำเนินการอะไรเพิ่มเติมบ้าง เพราะมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาของเราที่ผ่านมา ก็เข้มข้นมากอยู่แล้ว