เมื่อเวลา 07.45 น. วานนี้ (15 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำงานที่เนียบรัฐบาล โดยทำการสักการะพระพรหม ศาลพระภูมิ และศาลตา ศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล จากนั้น นายสุวพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ ถึงการแบ่งงานในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำสั่งของนายกฯในเรื่องการแบ่งงาน คาดว่าหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 16 ก.ย. น่าจะรู้ว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านใดบ้าง
อย่างไรก็ตาม ตนมารับตำแหน่งนี้ คงจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองพอสมควร เพราะในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) จะไม่ค่อยพูดอะไร ทุกวันนี้ยังไม่คิดว่าจะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ แต่เมื่อนายกฯ เชื่อใจว่าจะทำงานให้รัฐบาลได้ ก็จะทำให้เต็มที่และดีที่สุด ส่วนคนที่จะมาทำหน้าที่แทนตนในหน้าที่ ผอ.สำนักข่าวกรองคนใหม่ หลังจากตนปลดเกษียนในสิ้นเดือนนี้ ตนจะเสนอรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ท่านหนึ่ง ที่มีลำดับอาวุโสสุงสุด ให้ครม.ได้พิจารณา ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน
นายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้สิ่งที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการคือ การทำหน้าที่ประสานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งในการทำงาน คิดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาประมาณ 20 คน แต่ยังไม่ได้มีการหารือกับนายกฯ เป็นกิจลักษณะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวที่เคยดูงานด้านความมั่นคงมา ห่วงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ห่วงเป็นธรรมดา ซึ่งเราต้องยึดหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยึดหลักตามนายกฯ คือ ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์ และยั่งยืน ซึ่งเราก็ต้องทำแอคชั่นแพลนให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านั้น ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้น และคิดว่าภาคใต้คงจะมีหลายคนที่มีความรู้มาช่วยกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพอดี ก็รอไปอีกระยะหนึ่ง รอให้รัฐบาลได้มีโอกาสทำงานตามแนวทางของรัฐบาลก่อน และในพื้นที่ก็ให้ทำงานของเขาไปก่อน โดยเฉพาะการเจรจาสันติสุข ที่ขณะนี้กำลังเดินไปตามที่ควรจะเป็น ตนไม่อยากจะพูดว่าจะดีขึ้นทันตาเห็น หรือ ทันทีทันใด
“อยากให้รอดูก่อน ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลได้มีโอกาสแก้ปัญหาภาคใต้ประมาณสัก 3 เดือน ก็น่าจะเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น บางอย่างเจ้าหน้าที่ทำอยู่และเขาก็พูดไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างที่เขาทำจะทำให้การแก้ไขปัญหาภาคใต้เป็นเอกภาพมากขึ้น และน่าจะทำให้เกิดความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลเรา กับข้างนอก และในพื้นที่ได้ ลองให้โอกาสรัฐบาลได้ทำในสิ่งที่รัฐบาลได้วางแนวทางเอาไว้ เพราะนายกฯ และคนที่มาช่วยกันแก้ปัญหาในพื้นที่ไม่ได้มีวาระทางการเมือง หรือมีเรื่องส่วนตัว มีวาระเดียวคือ ทำให้เกิดสันติสุข และเกิดความยั่งยั่น วาระเดียวเท่านั้นไม่มีเรื่องอื่น" นายสุวพันธุ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ เป็นผบ.ทบ. ดูเรื่องนี้มานานควรจะเข้าถึงปัญหาภาคใต้ได้หรือยัง นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า นายกฯรับผิดชอบเต็มที่ทั้งหมด ตนเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ลองให้โอกาสรัฐบาล มีอะไรก็ชี้แนะมา เมื่อถามว่า การเจรจาสันติสุขรอบใหม่ เชื่อว่าจะส่งผลดีหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า การพูดคุยถือเป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างสันติสุข เป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้เกิดสันติสุขได้ และจะเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เกิดความไว้วางใจและเชื่อมั่นกัน จึงเชื่อว่าถ้าทุกอย่างเดินไปได้ จะมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพูดคุยต้องทำผสมผสานกันไปทั้งทางลับ และเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ตนมารับตำแหน่งนี้ คงจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองพอสมควร เพราะในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) จะไม่ค่อยพูดอะไร ทุกวันนี้ยังไม่คิดว่าจะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ แต่เมื่อนายกฯ เชื่อใจว่าจะทำงานให้รัฐบาลได้ ก็จะทำให้เต็มที่และดีที่สุด ส่วนคนที่จะมาทำหน้าที่แทนตนในหน้าที่ ผอ.สำนักข่าวกรองคนใหม่ หลังจากตนปลดเกษียนในสิ้นเดือนนี้ ตนจะเสนอรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ท่านหนึ่ง ที่มีลำดับอาวุโสสุงสุด ให้ครม.ได้พิจารณา ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน
นายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้สิ่งที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการคือ การทำหน้าที่ประสานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งในการทำงาน คิดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาประมาณ 20 คน แต่ยังไม่ได้มีการหารือกับนายกฯ เป็นกิจลักษณะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวที่เคยดูงานด้านความมั่นคงมา ห่วงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ห่วงเป็นธรรมดา ซึ่งเราต้องยึดหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยึดหลักตามนายกฯ คือ ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์ และยั่งยืน ซึ่งเราก็ต้องทำแอคชั่นแพลนให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านั้น ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้น และคิดว่าภาคใต้คงจะมีหลายคนที่มีความรู้มาช่วยกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพอดี ก็รอไปอีกระยะหนึ่ง รอให้รัฐบาลได้มีโอกาสทำงานตามแนวทางของรัฐบาลก่อน และในพื้นที่ก็ให้ทำงานของเขาไปก่อน โดยเฉพาะการเจรจาสันติสุข ที่ขณะนี้กำลังเดินไปตามที่ควรจะเป็น ตนไม่อยากจะพูดว่าจะดีขึ้นทันตาเห็น หรือ ทันทีทันใด
“อยากให้รอดูก่อน ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลได้มีโอกาสแก้ปัญหาภาคใต้ประมาณสัก 3 เดือน ก็น่าจะเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น บางอย่างเจ้าหน้าที่ทำอยู่และเขาก็พูดไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างที่เขาทำจะทำให้การแก้ไขปัญหาภาคใต้เป็นเอกภาพมากขึ้น และน่าจะทำให้เกิดความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลเรา กับข้างนอก และในพื้นที่ได้ ลองให้โอกาสรัฐบาลได้ทำในสิ่งที่รัฐบาลได้วางแนวทางเอาไว้ เพราะนายกฯ และคนที่มาช่วยกันแก้ปัญหาในพื้นที่ไม่ได้มีวาระทางการเมือง หรือมีเรื่องส่วนตัว มีวาระเดียวคือ ทำให้เกิดสันติสุข และเกิดความยั่งยั่น วาระเดียวเท่านั้นไม่มีเรื่องอื่น" นายสุวพันธุ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ เป็นผบ.ทบ. ดูเรื่องนี้มานานควรจะเข้าถึงปัญหาภาคใต้ได้หรือยัง นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า นายกฯรับผิดชอบเต็มที่ทั้งหมด ตนเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ลองให้โอกาสรัฐบาล มีอะไรก็ชี้แนะมา เมื่อถามว่า การเจรจาสันติสุขรอบใหม่ เชื่อว่าจะส่งผลดีหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า การพูดคุยถือเป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างสันติสุข เป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้เกิดสันติสุขได้ และจะเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เกิดความไว้วางใจและเชื่อมั่นกัน จึงเชื่อว่าถ้าทุกอย่างเดินไปได้ จะมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพูดคุยต้องทำผสมผสานกันไปทั้งทางลับ และเปิดเผย