ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-ผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ แจงกรณีผู้โดยสารอ้างนำปืนปลอมผ่านสแกนขึ้นเครื่องบินได้หน้าตาเฉย ยืนยันระบบรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานเชียงใหม่ เข้มงวดเป็นไปตามมาตรฐานสากล เผยอยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบ รับหากพลาดจริงพร้อมปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ระบุผู้โดยสารคนดังกล่าว มีโทษตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ
วานนี้ (10 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ นาวาอากาศโทหลักชัย เฉลยปราชญ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ชี้แจงกรณีที่มีผู้นำภาพและข้อความไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียอ้างว่าเป็นผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยสามารถนำอาวุธปืนปลอมขึ้นไปบนเครื่องบินได้โดยไม่ตั้งใจและไม่ทราบว่าผ่านระบบตรวจค้นของท่าอากาศยานเชียงใหม่ไปได้อย่างไร ทั้งที่มีเครื่องสแกนบุคคลและเครื่องสแกนสัมภาระ
ทั้งนี้ ผู้อำนวยท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้นำสื่อมวลชนดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย การตรวจค้นคน และสัมภาระที่เข้ามาภายในท่าอากาศยาน และขึ้นเครื่อง พร้อมทั้งมีการสาธิตกระบวนการขั้นตอนการตรวจค้นด้วยอุปกรณ์ ซึ่งมีการทำอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รวมทั้งมีการทดลองนำอาวุธปืนผ่านเข้าเครื่องตรวจค้นด้วย ซึ่งเครื่องสแกน และเอกซเรย์สามารถตรวจพบได้อย่างแม่นยำ
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยหากเกิดขึ้นจริงก็จะต้องมีการพิจารณาว่าเกิดความบกพร่องขึ้นที่ส่วนใด และทำการแก้ไขปรับปรุงไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก แต่ยังคงยืนยันว่าระบบรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบต่างๆ ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นไปตามมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับท่าอากาศยานพาณิชย์ต่างๆ ทั่วโลก
สำหรับผู้โดยสารที่อ้างว่านำอาวุธปืนปลอมขึ้นไปบนเครื่องบินได้นั้น นาวาอากาศโทหลักชัย ระบุว่า การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 จากการการที่ผู้โดยสารนำสิ่งเทียมอาวุธปืนขึ้นไปบนเครื่องบิน ซึ่งมีโทษทั้งปรับและจำคุก โดยหากตรวจสอบพบว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจริงและติดตามจนพบตัวผู้โดยสารคนดังกล่าวก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
"หากเป็นอาวุธปืนจริง ไม่สามารถพกติดตัวนำขึ้นไปได้อย่างแน่นนอน ซึ่งเครื่องเอ็กซเรย์จะตรวจสอบพบ โดยเรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จทุกขั้นตอนถึงจะระบุได้ชัดเจน สำหรับข้อกฎหมาย มีการระบุไว้ชัดเจนว่า หากนำอาวุธหรือวัตถุอันตรายขึ้นบนอากาศยานตาม พ.ร.บ.การบิน มีโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 8 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนจะมีการดิสเครดิสบริษัทรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ไม่อยากมองในเรื่องนั้น ซึ่งใกล้จะหมดสัญญา และมีการประมูลในต้นปีหน้า" นาวาอากาศโทหลักชัยกล่าว
วานนี้ (10 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ นาวาอากาศโทหลักชัย เฉลยปราชญ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ชี้แจงกรณีที่มีผู้นำภาพและข้อความไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียอ้างว่าเป็นผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยสามารถนำอาวุธปืนปลอมขึ้นไปบนเครื่องบินได้โดยไม่ตั้งใจและไม่ทราบว่าผ่านระบบตรวจค้นของท่าอากาศยานเชียงใหม่ไปได้อย่างไร ทั้งที่มีเครื่องสแกนบุคคลและเครื่องสแกนสัมภาระ
ทั้งนี้ ผู้อำนวยท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้นำสื่อมวลชนดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย การตรวจค้นคน และสัมภาระที่เข้ามาภายในท่าอากาศยาน และขึ้นเครื่อง พร้อมทั้งมีการสาธิตกระบวนการขั้นตอนการตรวจค้นด้วยอุปกรณ์ ซึ่งมีการทำอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รวมทั้งมีการทดลองนำอาวุธปืนผ่านเข้าเครื่องตรวจค้นด้วย ซึ่งเครื่องสแกน และเอกซเรย์สามารถตรวจพบได้อย่างแม่นยำ
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยหากเกิดขึ้นจริงก็จะต้องมีการพิจารณาว่าเกิดความบกพร่องขึ้นที่ส่วนใด และทำการแก้ไขปรับปรุงไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก แต่ยังคงยืนยันว่าระบบรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบต่างๆ ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นไปตามมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับท่าอากาศยานพาณิชย์ต่างๆ ทั่วโลก
สำหรับผู้โดยสารที่อ้างว่านำอาวุธปืนปลอมขึ้นไปบนเครื่องบินได้นั้น นาวาอากาศโทหลักชัย ระบุว่า การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 จากการการที่ผู้โดยสารนำสิ่งเทียมอาวุธปืนขึ้นไปบนเครื่องบิน ซึ่งมีโทษทั้งปรับและจำคุก โดยหากตรวจสอบพบว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจริงและติดตามจนพบตัวผู้โดยสารคนดังกล่าวก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
"หากเป็นอาวุธปืนจริง ไม่สามารถพกติดตัวนำขึ้นไปได้อย่างแน่นนอน ซึ่งเครื่องเอ็กซเรย์จะตรวจสอบพบ โดยเรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จทุกขั้นตอนถึงจะระบุได้ชัดเจน สำหรับข้อกฎหมาย มีการระบุไว้ชัดเจนว่า หากนำอาวุธหรือวัตถุอันตรายขึ้นบนอากาศยานตาม พ.ร.บ.การบิน มีโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 8 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนจะมีการดิสเครดิสบริษัทรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ไม่อยากมองในเรื่องนั้น ซึ่งใกล้จะหมดสัญญา และมีการประมูลในต้นปีหน้า" นาวาอากาศโทหลักชัยกล่าว