xs
xsm
sm
md
lg

"อุดมเดช"ชี้ โยกมทภ.4เรื่องปกติ แก้ใต้ยึดระบบสำคัญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (3 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาภาคใต้ ว่า สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ยังมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากไปกว่าเดิม และเจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หลายอย่างเราพยายามปรับ อย่างเช่น เรื่องกระบวนการยุติธรรม ก็มีการร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม ให้งานด้านการสืบสวนและดำเนินคดีมีความกระชับ และรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการทำสำนวนที่ก่อนหน้านี้อาจจะมีส่วนหนึ่งที่พยานหลักฐานไม่รัดกุม ทำให้ผู้กระทำความผิดไม่ถูกสั่งฟ้อง ก็จะมีการอบรมชี้แจงเจ้าหน้าที่ในการทำกระบวนการให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยการแก้ปัญหาเป็นอย่างดี
"ก่อนหน้านี้เราสามารถจับกุมคนที่อยู่ในกระบวนการได้ แต่ก็มีส่วนหนึ่งซึ่งหลักฐานไม่เพียงพอ อาจจะเกิดจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่นัก ครั้งที่แล้วในการประชุม คปต. ก็มีการเร่งรัดเรื่องนี้ไปยังกระทรวงยุติธรรม และทางศาล และอัยการ ก็ได้ชี้แจงว่า จะมีการปรับวิธีการในทางปฏิบัติ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ให้มากยิ่งขึ้น คงจะสามารถทำให้กระบวนการตรงนี้มีความกระชับและรวดเร็วขึ้น และยืนยันว่า เราจะพยายามในการแก้ปัญหาต่อไป เพราะไม่ใช้เรื่องง่ายในการทำความเข้าใจกับคนที่ไม่เข้าใจอีกจำนวนพอสมควรที่แอบแฝงอยู่ ขณะนี้การขับเคลื่อนของเราดำเนินการด้วยทุกกระทรวงทบวงกรม ในการจัดโครงการต่างๆ ทั้งการฝึกอบรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน คิดว่าคงใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเราต้องพยายามต่อไป" รมช.กลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาค 4 จะมีผลต่อการทำงานหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า การหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ในรอบปีเป็นเรื่องปกติ ยอมรับว่า ตัวบุคคลมีความสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าคือ ระบบในการทำงาน ไม่จำเป็นต้องยึดถือตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว เพราะระบบต้องเดินไปได้ และตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามารับตำแหน่งผบ.ทบ. ก็ได้พยายามวางระบบมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า ต่อไปพล.อ.อุดมเดช จะเป็นทั้ง รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. จะมีมาตรการเชิงรุกอะไร หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เรื่องของตำแหน่งยังไม่ได้ออกมาชัดเจน ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนั้น ตนเป็นข้าราชการต้องให้มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา มีพระบรมราชโองการก่อน แต่ยืนยันว่า การดำเนินงานต้องทำเต็มที่ ต้องปรับงานการข่าวให้ลงลึกมากยิ่งขึ้น บูรณาการมากยิ่งขึ้น รวมถึงงานด้านมวลชน ก็จะมีการจัดกำลังลงมาไปมากยิ่งขึ้น เพราะมีความสำคัญเท่าเทียมกับงานด้านยุทธการ
เมื่อถามถึงการพูดคุยสันติสุข พล.อ. อุดมเดช กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมการเพิ่มเติมจากที่ผ่านมา และเร็วๆนี้ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการขออนุมัติ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเดินทางไปพบปะหารือเพิ่มเติม ในเรื่องรายละเดียดของการพูดคุยกันในระดับบน ส่วนตัวบุคคลนั้น ในส่วนของไทย พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้กำหนดให้ชัดเจน แต่มีการเตรียมคนไว้แล้ว เมื่อมีความชัดเจนแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนโครงสร้างการพูดคุยเพื่อสันติสุข ก็ได้มีการปรับโครงสร้างแล้ว ได้มีการให้แนวทางมาแล้ว และจะมีการอนุมัติใน 1-2 วันนี้ และทางมาเลเซีย ที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก จะต้องหาบุคคลที่มีความเกี่ยวพันกันอย่างแท้จริงมาให้ครบถ้วน เพื่อให้การพูดคุยเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และขอยืนยันว่า การพูดคุยเพื่อสันติสุข มีตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน แต่รายละเอียด เมื่อถึงเวลาจะเรียนให้ทราบ
"เรื่องพูดคุยสันติสุข มีการปฏิบัติแล้ว ดูกลุ่ม ดูอะไรต่างๆในพื้นที่ ระดับบนก็เช่นกัน ขอให้รับทราบและมั่นใจว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ละเลย จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนคณะพูดคุยนั้น ขอให้มีความชัดเจนแล้วจะเรียนให้ทราบ ส่วนจำนวนนั้น เดิมกำหนดว่าแต่ละฝ่ายไม่เกิน 15 คน ของเราก็มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการกำหนดตัวบุคคลไว้พอสมควรแล้ว ส่วนตนเองก็อยู่ในขณะอำนวยการระดับบน และยอมรับว่าการคุยภายในก็ยังคงมีอยู่" พล.อ.อุดมเดช กล่าว

**ศปก.ทบ.ติดตามสถานการณ์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุทิศ สุนทร หัวหน้าคณะทำงานติดตามการเเก้ไขปัญหาจังหวัดชายเเดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากนั้น พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังการประชุมศปก.ทบ. ว่าในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้บรรยายสรุปด้วยระบบการประชุมทางไกล ผ่านระบบวีดีโอ (วีทีซี) ว่า ช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 27 ส.ค. -2 ก.ย. 57 มีเหตุการณ์เกิดขึ้น 8 เหตุ เป็นเหตุคดีความมั่นคงเพียง 1 เหตุ ที่เหลือเป็นเรื่องส่วนตัว และเหตุก่อกวน
ทั้งนี้แนวโน้มสถานการณ์คาดว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายอาจจะมีการตอบโต้การปฏิบัติเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ ด้วยการใช้ระเบิดแสวงเครื่องซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ และลอบยิงเป้าหมายอ่อนแอ เพื่อลดทอนความเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัย ส่วนการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 5 ราย ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 2 ราย ยึดอาวุธปืน 3 กระบอก สามารถทำลายความพยายามในการก่อเหตุวางระเบิดแสวงเครื่อง 2 ครั้ง ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การตัดไม้ทำลายป่า และภัยแทรกซ้อน สามารถยึดยาบ้าได้ 4,327 เม็ด พืชใบกระท่อม 95 ก.ก. เฮโรอีน 10 หลอด ผู้ต้องหา 6 คน น้ำมันหนีภาษี 25,400 ลิตร และยึดอายัดไม้ซุง 69 ท่อน พร้อมไม้แปรรูปได้จำนวนมาก นอกจากนี้ การจัดส่งผู้แสวงบุญเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประจำปี 2557 จำนวน 575 คน และการรับจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามนโยบายของ คสช. ตั้งแต่ 22 ก.ค.57 ถึงปัจจุบัน จำนวน 17,470 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมาร์ 9,175 คน กัมพูชา 7,198 คน ลาว 1,097 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น