วานนี้ (21 ส.ค.) จากเหตุคนไทยเมาแล้วขับรถชนนักเรียนญี่ปุ่น ที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา และเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึงไทย มีรายงานความคืบหน้าจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แจ้งว่า นักเรียนชาวญี่ปุ่นอีก 1 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ขณะนี้ได้เสียชีวิตลงแล้ว รวมแล้วจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทยจะเข้าไปสอบถามผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 3 คน เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ได้มีหนังสือแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตถึงกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งขอใช้สิทธิตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล พ.ศ. 2505 ข้อ 36 ในการพบผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 3 ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตจะประสานกับทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของคดี
อนึ่ง ตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น โทษสำหรับเหตุเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุในกรณีเช่นนี้นั้น มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้งก่อนหน้านี้ ว่า หากผู้ต้องหาโดนตัดสินโทษประหารชีวิต ทางการไทยก็อาจจะดำเนินการช่วยเหลือและพิจารณาความเป็นไปได้ในการขอลดโทษและประสานงานในการที่ผู้ต้องโทษจะขออภัยโทษในกรณีประหารชีวิต
ก่อนหน้านี้ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ได้มีหนังสือแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตถึงกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งขอใช้สิทธิตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล พ.ศ. 2505 ข้อ 36 ในการพบผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 3 ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตจะประสานกับทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของคดี
อนึ่ง ตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น โทษสำหรับเหตุเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุในกรณีเช่นนี้นั้น มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้งก่อนหน้านี้ ว่า หากผู้ต้องหาโดนตัดสินโทษประหารชีวิต ทางการไทยก็อาจจะดำเนินการช่วยเหลือและพิจารณาความเป็นไปได้ในการขอลดโทษและประสานงานในการที่ผู้ต้องโทษจะขออภัยโทษในกรณีประหารชีวิต