วานนี้ (17 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (หน.คสช.) ซึ่งเป็นประธาน คณะกรรมการนโนบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ได้นัดวันประชุม ก.ต.ช. ในวันที่ 20 ส.ค. เวลา 10.00 น. ที่ห้อง162 ชั้น 6 กองบัญชาการทหารบก (บก.ทบ.)
โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโนบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ได้มีหนังสือแจ้งให้ ก.ต.ช.ทั้ง 7 คนได้ทราบแล้ว ในการประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานก.ต.ช.พร้อมด้วยคณะกรรมการ ก.ต.ช. ประกอบด้วย ผู้ทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณและพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. เป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง จะทำหน้าที่เป็นผู้เสนอชื่อผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ต่อประธานในที่ประชุม ก.ต.ช.ในครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในการประชุมก.ต.ช. ตามโครงสร้างใหม่
สำหรับผู้ที่คาดว่าน่าจะได้รับการพิจารณาเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. ในการประชุมฯครั้งนี้พิจารณาจาก รอง ผบ.ตร.4 นายและ จตช. อีก 1นาย นั้นรวมเป็น 5 นาย ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่าเหลือเพียง 2 รายเท่านั้น ซึ่งสูสีกันมากคือ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. (ม.ค.) เท่านั้น
แหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ในแวดวงสีกากีก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ทั้ง 2 ท่านนั้นมีความเหมาะสมทั้งคู่ด้วยผลงานที่แตกต่างกัน แต่ที่จริงแล้วจากการข่าวในเชิงลึกนั้น พล.ต.อ.สมยศ อาจจะดูมีโอกาสมากกว่า เนื่องจากมีผลงานที่ คสช. ให้การยอมรับ อาทิ คดีการจับคุมผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน คดีจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับอาวุธสงคราม และคดีโจรกรรมรถยนต์
ขณะที่ พล.ต.อ.เอก ก็มีผลงานการจับกุมกวาดล้าง อาชญากรรมต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ จับกุมตู้ม้าจำนวนนับพันตู้ และคลี่คลายคดีสำคัญที่เกิดขึ้นทั่วประเทศได้เช่นกัน พร้อมทั้ง พล.ต.อ.เอก ก็มีลำดับอาวุโสเหนือกว่า ทำให้ทั้งสองนายคู่คี่สูสีกันมาก.
โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโนบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ได้มีหนังสือแจ้งให้ ก.ต.ช.ทั้ง 7 คนได้ทราบแล้ว ในการประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานก.ต.ช.พร้อมด้วยคณะกรรมการ ก.ต.ช. ประกอบด้วย ผู้ทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณและพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. เป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง จะทำหน้าที่เป็นผู้เสนอชื่อผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ต่อประธานในที่ประชุม ก.ต.ช.ในครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในการประชุมก.ต.ช. ตามโครงสร้างใหม่
สำหรับผู้ที่คาดว่าน่าจะได้รับการพิจารณาเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. ในการประชุมฯครั้งนี้พิจารณาจาก รอง ผบ.ตร.4 นายและ จตช. อีก 1นาย นั้นรวมเป็น 5 นาย ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่าเหลือเพียง 2 รายเท่านั้น ซึ่งสูสีกันมากคือ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. (ม.ค.) เท่านั้น
แหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ในแวดวงสีกากีก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ทั้ง 2 ท่านนั้นมีความเหมาะสมทั้งคู่ด้วยผลงานที่แตกต่างกัน แต่ที่จริงแล้วจากการข่าวในเชิงลึกนั้น พล.ต.อ.สมยศ อาจจะดูมีโอกาสมากกว่า เนื่องจากมีผลงานที่ คสช. ให้การยอมรับ อาทิ คดีการจับคุมผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน คดีจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับอาวุธสงคราม และคดีโจรกรรมรถยนต์
ขณะที่ พล.ต.อ.เอก ก็มีผลงานการจับกุมกวาดล้าง อาชญากรรมต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ จับกุมตู้ม้าจำนวนนับพันตู้ และคลี่คลายคดีสำคัญที่เกิดขึ้นทั่วประเทศได้เช่นกัน พร้อมทั้ง พล.ต.อ.เอก ก็มีลำดับอาวุโสเหนือกว่า ทำให้ทั้งสองนายคู่คี่สูสีกันมาก.