วานนี้ (14 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดี ดีเอสไอ เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนกรณี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีต อธิบดีดีเอสไอ และพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เป็นพนักงานสอบสวน กลั่นแกล้งให้บุคคลได้รับโทษทางอาญา จากการดำเนินคดีการบริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วม และหักเงินเข้าบำรุงพรรคประชาธิปัตย์ โดยวิธีหักเงินเดือนส.ส.เข้าบัญชีพรรคเดือนล ะ2 หมื่นบาท
นายวัชระ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบพล.ต.อ.ชัชวาลย์ว่า ที่ผ่านมา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยทำหนังสือขอความเป็นธรรมจากนายธาริต แต่ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่กรณีดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีคำวินิจฉัยแล้วว่า ไม่ผิด ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า สามารถหักเงินบริจาคผ่านบัญชีเงินเดือนได้ และการที่ อดีตอธิบดีดีเอสไอ รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษนั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า มีเจตนากลั่นแกล้งโดยใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ เพื่อเอาใจฝ่ายการเมือง เข้าข่ายผิดกฎหมาย มาตรา 157 และ 200 ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดด้วย
ทั้งนี้ ตนได้รับคำชี้แจงจากอธิบดีดีเอสไอแล้วว่า ได้ยุติการสอบสวนคดีดังกล่าวแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ได้รับฟังคำชี้แจงจากรองอธิบดีดีเอสไอ ที่ดูแลคดีดังกล่าว ทราบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่า สามารถให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หักบัญชีเงินเดือนส.ส.แทนได้ ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 57 วรรคสอง เรื่องการบริจาคแก่พรรคการเมือง ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป จะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือเช็คขีดคร่อม แต่อย่างใด
ดังนั้น จึงถือว่า นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพวกรวม 22 คน ไม่ต้องมารับทราบข้อกล่าวหา และให้ปากคำในคดีนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้รับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษแล้วก็ตาม ต่อจากนี้ จะเป็นขั้นตอนดำเนินการมีคำสั่งไม่ส่งฟ้องคดี และยุติการสอบสวนคดีนี้
รายงานข่าวจาก ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ทางพล.ต.อ.ชัชวาลย์ ให้นำเอกสารคำสั่งของกกต. เรื่องการบริจาคเงินของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้มีคำวินิจฉัยไปก่อนหน้านี้มาประกอบในสำนวนคดี หลังจากนั้น จึงมีความเห็นประกอบสำนวนส่งอัยการ มีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว
นายวัชระ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบพล.ต.อ.ชัชวาลย์ว่า ที่ผ่านมา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยทำหนังสือขอความเป็นธรรมจากนายธาริต แต่ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่กรณีดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีคำวินิจฉัยแล้วว่า ไม่ผิด ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า สามารถหักเงินบริจาคผ่านบัญชีเงินเดือนได้ และการที่ อดีตอธิบดีดีเอสไอ รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษนั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า มีเจตนากลั่นแกล้งโดยใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ เพื่อเอาใจฝ่ายการเมือง เข้าข่ายผิดกฎหมาย มาตรา 157 และ 200 ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดด้วย
ทั้งนี้ ตนได้รับคำชี้แจงจากอธิบดีดีเอสไอแล้วว่า ได้ยุติการสอบสวนคดีดังกล่าวแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ได้รับฟังคำชี้แจงจากรองอธิบดีดีเอสไอ ที่ดูแลคดีดังกล่าว ทราบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่า สามารถให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หักบัญชีเงินเดือนส.ส.แทนได้ ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 57 วรรคสอง เรื่องการบริจาคแก่พรรคการเมือง ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป จะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือเช็คขีดคร่อม แต่อย่างใด
ดังนั้น จึงถือว่า นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพวกรวม 22 คน ไม่ต้องมารับทราบข้อกล่าวหา และให้ปากคำในคดีนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้รับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษแล้วก็ตาม ต่อจากนี้ จะเป็นขั้นตอนดำเนินการมีคำสั่งไม่ส่งฟ้องคดี และยุติการสอบสวนคดีนี้
รายงานข่าวจาก ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ทางพล.ต.อ.ชัชวาลย์ ให้นำเอกสารคำสั่งของกกต. เรื่องการบริจาคเงินของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้มีคำวินิจฉัยไปก่อนหน้านี้มาประกอบในสำนวนคดี หลังจากนั้น จึงมีความเห็นประกอบสำนวนส่งอัยการ มีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว
