ASTVผู้จัดการรายวัน-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ตามคำกราบบังคมทูลฯ ของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา หลังจากเสด็จฯ มาประทับที่วังไกลกังวล นับเวลา 1 ปีเศษ การนี้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จฯ ด้วย
วานนี้ (6 ส.ค.) สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 1 มีใจความว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการดูแลพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ วังไกลกังวล ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 นับเวลาได้ 1 ปีเศษ ซึ่งถึงกำหนดเวลาที่จะขอพระราชทานถวายตรวจพระวรกายอย่างละเอียด แต่เนื่องจากจะต้องใช้เครื่องมือตรวจพิเศษหลายรายการเช่นที่เคยถวายตรวจมาแล้ว คณะแพทย์ฯ จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ไปตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 6 สิงหาคม พุทธศักราช 2557
จากนั้น เมื่อเวลา18.15น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสด็จพระราชดำเนินมายังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อพระราชทานพระราชาอนุญาตให้คณะแพทย์ตรวจพระวรกายตามคำกราบบังคมทูลฯของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา การนี้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถโดยเสด็จฯ ด้วย และรถยนต์พระที่นั่งถึงยังโรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 20.42 น.
สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ได้จัดพื้นที่ให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ ตั้งแต่ประตู 8 โรงพยาบาลศิริราช จนถึงหอประชุมราชแพทย์วิทยาลัย ซึ่งเป็นระยะทางรวม 1 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เส้นทางการเสด็จพระราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งโดยใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร ตัดเข้าถนนกาษจนาภิเษก ขึ้นคู่ขนานลอยฟ้า จากนั้นกลับรถที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า เลี้ยวซ้ายแยกอรุณอัมรินทร์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายแยกศิริราช แล้วเลี้ยวซ้ายประตู 8 ซึ่งเป็นประตูท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช จากนั้นรถยนต์พระที่นั่งจะเลี้ยวซ้ายที่แยกหอประชุมราชแพทยาลัย ลงชั้นใต้ดินอาคารเฉลิมพระเกียรติ และประทับลิฟต์เสด็จฯ ขึ้นยังชั้น 16 ที่ประทับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่พสกนิกรที่มารอเฝ้ารับเสด็จฯ ได้ชื่นชมพระพักตร์ของทั้งสองพระองค์ต่างเปล่งเสียงร้องทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่งทั้งบริเวณโรงพยาบาลศิริราช บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปีติ
ด้านนางเสริมสุข เนียมสุวรรณ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 300/1 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 เขตบางกองใหญ่ กทม. ซึ่งได้รับการผ่าตัดกระดูกสะโพกหัก นั่งรถเข็นมาเฝ้ารับเสด็จฯ กล่าวว่า เคยรับเสด็จฯ ในหลวงเมื่อหลายปีก่อนครั้งที่เสด็จมาที่ท้องสนามหลวง ครั้งนี้ทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่า จะทรงมาตรวจพระวรกาย จึงได้ให้ลูกสาวช่วยเข็นรถจากห้องพักชั้น 4 ตึก 84 ปี มาเฝ้ารอรับเสด็จที่ใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ รู้สึกดีในที่ได้เห็นในหลวง อยากจะรู้ว่าพระอาการประชวรเป็นอย่างไรบ้าง และอยากจะถวายพระพรของให้ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของคนไทยตลอดไป
นางทิพา นุชจรีพร อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/3 หมู่ 10 ตำบลไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2549 แล้วที่มาเฝ้ารับเสด็จและเฝ้าพระองค์อยู่ที่ทรงประทับรักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลศิริราช จนมีเพื่อนๆ ที่รักในหลวงกว่า 20 คน ตั้งเป็นไลน์ชื่อว่า “คณะหน้าลานพระบิดา” คอยส่งข้อมูลต่างๆ ให้กับสมาชิก ในครั้งนี้ก็เช่นกันมีเพื่อนๆ ส่งข่าวมา จึงได้รีบเดินทางมาเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีและตั้งใจว่า จะอยู่จนกระทั่งพระองค์จะเสด็จฯกลับวังไกลกังวล
วานนี้ (6 ส.ค.) สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 1 มีใจความว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการดูแลพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ วังไกลกังวล ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 นับเวลาได้ 1 ปีเศษ ซึ่งถึงกำหนดเวลาที่จะขอพระราชทานถวายตรวจพระวรกายอย่างละเอียด แต่เนื่องจากจะต้องใช้เครื่องมือตรวจพิเศษหลายรายการเช่นที่เคยถวายตรวจมาแล้ว คณะแพทย์ฯ จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ไปตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 6 สิงหาคม พุทธศักราช 2557
จากนั้น เมื่อเวลา18.15น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสด็จพระราชดำเนินมายังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อพระราชทานพระราชาอนุญาตให้คณะแพทย์ตรวจพระวรกายตามคำกราบบังคมทูลฯของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา การนี้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถโดยเสด็จฯ ด้วย และรถยนต์พระที่นั่งถึงยังโรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 20.42 น.
สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ได้จัดพื้นที่ให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ ตั้งแต่ประตู 8 โรงพยาบาลศิริราช จนถึงหอประชุมราชแพทย์วิทยาลัย ซึ่งเป็นระยะทางรวม 1 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เส้นทางการเสด็จพระราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งโดยใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร ตัดเข้าถนนกาษจนาภิเษก ขึ้นคู่ขนานลอยฟ้า จากนั้นกลับรถที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า เลี้ยวซ้ายแยกอรุณอัมรินทร์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายแยกศิริราช แล้วเลี้ยวซ้ายประตู 8 ซึ่งเป็นประตูท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช จากนั้นรถยนต์พระที่นั่งจะเลี้ยวซ้ายที่แยกหอประชุมราชแพทยาลัย ลงชั้นใต้ดินอาคารเฉลิมพระเกียรติ และประทับลิฟต์เสด็จฯ ขึ้นยังชั้น 16 ที่ประทับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่พสกนิกรที่มารอเฝ้ารับเสด็จฯ ได้ชื่นชมพระพักตร์ของทั้งสองพระองค์ต่างเปล่งเสียงร้องทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่งทั้งบริเวณโรงพยาบาลศิริราช บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปีติ
ด้านนางเสริมสุข เนียมสุวรรณ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 300/1 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 เขตบางกองใหญ่ กทม. ซึ่งได้รับการผ่าตัดกระดูกสะโพกหัก นั่งรถเข็นมาเฝ้ารับเสด็จฯ กล่าวว่า เคยรับเสด็จฯ ในหลวงเมื่อหลายปีก่อนครั้งที่เสด็จมาที่ท้องสนามหลวง ครั้งนี้ทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่า จะทรงมาตรวจพระวรกาย จึงได้ให้ลูกสาวช่วยเข็นรถจากห้องพักชั้น 4 ตึก 84 ปี มาเฝ้ารอรับเสด็จที่ใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ รู้สึกดีในที่ได้เห็นในหลวง อยากจะรู้ว่าพระอาการประชวรเป็นอย่างไรบ้าง และอยากจะถวายพระพรของให้ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของคนไทยตลอดไป
นางทิพา นุชจรีพร อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/3 หมู่ 10 ตำบลไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2549 แล้วที่มาเฝ้ารับเสด็จและเฝ้าพระองค์อยู่ที่ทรงประทับรักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลศิริราช จนมีเพื่อนๆ ที่รักในหลวงกว่า 20 คน ตั้งเป็นไลน์ชื่อว่า “คณะหน้าลานพระบิดา” คอยส่งข้อมูลต่างๆ ให้กับสมาชิก ในครั้งนี้ก็เช่นกันมีเพื่อนๆ ส่งข่าวมา จึงได้รีบเดินทางมาเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีและตั้งใจว่า จะอยู่จนกระทั่งพระองค์จะเสด็จฯกลับวังไกลกังวล
