ศูนย์ข่าวหาดใหญ่-ทหาร ตำรวจยะลา บุกรวบกลุ่มแนวร่วมใช้อาวุธสงครามโจมตีฐานทหารตามหมายจับ คุมตัวไปสอบสวน แต่ยังปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ตรวจดีเอ็นเอเทียบหลักฐานวันเกิดเหตุ พร้อมคุมตัวขยายผล ผู้ว่าฯ ยะลา สั่งคุมเข้มทุกพื้นที่ หลังเมืองเบตงโดนคนร้ายลอบวางระเบิด หวั่นถูกลอบบึ้มซ้ำ
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้กำชับถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์ เมื่อบ่ายวันที่ 25 ก.ค. โดยได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทบทวนแผนปฏิบัติการทั้งหมด ซึ่งแผนเดิมที่มีความรัดกุมอยู่แล้ว จะยังคงไว้เช่นเดิม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นส่วนที่นึกไม่ถึง ซึ่งคนร้ายใช้เส้นทางตามหมู่บ้านที่ไม่ผ่านด่านตรวจ มีการลัดเลาะหาช่วงจังหวะที่การตรวจตรามีน้อย อาศัยจุดอ่อนตรงส่วนนี้ นำระเบิดเข้ามา กระทั่งเข้าไปถึงในเขตเมืองเบตง ซึ่งในส่วนนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ปัญหาแล้วโดยระดมกำลังขึ้นมาใหม่โดยขอกำลังด้วยการตั้งจุดตรวจถาวรเพิ่ม
ขณะเดียวกันได้วิเคราะห์ในจุดอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายหาเส้นทางลัดเลาะเข้าไปในพื้นที่ อ.เบตงก่อเหตุซ้ำได้ พร้อมได้เสริมกำลังปิดช่องว่างตามจุดต่างๆ โดยทุกฝ่ายของ อ.เบตง ได้มีการวางกำลังเข้มแข็งขึ้น
พ.ต.อ.มานิตย์ ยิ้มซ้าย ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี กล่าวว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าพบผู้ต้องสงสัยได้มาเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จึงประสานเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ประมาณ 50 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 2 ต.ท่ากำชำ จนสามารถควบคุมตัวนายหาสัน สะแต อายุ 36 ปีไว้ได้ และจากการตรวจสอบในสารบบบัญชีรายชื่อคดีความมั่นคง พบว่านายหาสัน มีหมายจับ ป.วิอาญาปี 2555 ในคดีความมั่นคงข้อหาก่อเหตุพร้อมพวกจำนวน 13 คนร่วมก่อเหตุโดยใช้อาวุธสงครามบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสันติ 421 และฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4213 ในพื้นที่หมู่ 1 ต.เกาะแลหนัง อ.เทพา จ.สงขลาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อเหตุดังกล่าวไว้ได้จำนวน 8 คน
จากการสอบสวนทราบว่านายหาสัน เป็นระดับสั่งการ แต่เบื้องต้นยังให้การภาคเสธ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่เกิดเหตุในวันดังกล่าว พร้อมนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนควบคุมตัวเข้าศูนย์ซักถามเพื่อขยายผลต่อไป
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกว่า 10 คนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ดักปล้นรถส่งนมโรงเรียนของนายก อบต.ท่าข้าม และได้จับพนักงาน 2 คนมัดมือเท้าและปิดตาพาไปทิ้งไว้เขต อ.สายบุรี จนมีชาวบ้านมาช่วยได้ทัน จากนั้นคนร้ายได้นำรถกระบะส่งนมที่ปล้นนำระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัมซุกไว้ในรถแล้วขับมาจอดไว้หน้า สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้ไว้ได้ทัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
วานนี้ (30 ก.ค.ป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง หลังจากได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวทั้งในเขตเทศบาลตำบลปะนาเระ ไปจนถึงรอยต่อสายบุรี และถนนสายต่างๆ ปรากฏว่า กล้องสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยได้ชัดเจน โดยในภาพจะมีผู้ต้องสงสัยสวมหมวกกันน็อกสีขาวขับขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่หน้า สภ.ปะนาเระ เพื่อดูเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะโทรศัพท์บอกให้เพื่อนขับรถคันดังกล่าวมามาจอด
กระทั่งเพียง 15 นาที รถยนต์คาร์บอมบ์ก็ได้ขับผ่านกล้องมาจอดไว้หน้า สภ.ปะนาเระ โดยมีคนขับเพียง 1 คนแต่งกายในชุดดาห์วะสีดำปิดใบหน้าเดินออกจากรถแล้วมาขึ้นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปทางเส้นทางสายปะนาเระ-จะรัง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำภาพดังกล่าวไปตรวจสอบกับเครื่องมือขยายภาพเพื่อเปรียบเทียบกับแฟ้มภาพในคดีความมั่นคงว่าเป็นใคร
ส่วนการสืบสวนสอบสวนพยานจนถึงขณะนี้คดีมีความคืบหน้าจนสามารถเชื่อมโยง และรู้กลุ่มที่ก่อเหตุ เบื้องต้นกลุ่มที่ก่อเหตุมาจากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มบางแก้ว กลุ่มป่าทุ่ง กลุ่มน้ำบ่อ ซึ่งมีเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะมีนายอัสมาน นายอารียาสะ นายอิสมาแอ นายปาตะ นายมะรูดิน นายสุไลมาน และนายซาการียา โดยทั้ง 7 ราย มีหมายจับคดีความมั่นคง และมาจากหลายกลุ่ม ขณะนี้กำลังรอผลตรวจจากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุว่าจะตรงกับดีเอ็นเอหรือไม่ ซึ่งหากตรงตามข้อมูลพยานหลักฐานก็จะสามารถออกหมายจับทันที
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้กำชับถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์ เมื่อบ่ายวันที่ 25 ก.ค. โดยได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทบทวนแผนปฏิบัติการทั้งหมด ซึ่งแผนเดิมที่มีความรัดกุมอยู่แล้ว จะยังคงไว้เช่นเดิม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นส่วนที่นึกไม่ถึง ซึ่งคนร้ายใช้เส้นทางตามหมู่บ้านที่ไม่ผ่านด่านตรวจ มีการลัดเลาะหาช่วงจังหวะที่การตรวจตรามีน้อย อาศัยจุดอ่อนตรงส่วนนี้ นำระเบิดเข้ามา กระทั่งเข้าไปถึงในเขตเมืองเบตง ซึ่งในส่วนนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ปัญหาแล้วโดยระดมกำลังขึ้นมาใหม่โดยขอกำลังด้วยการตั้งจุดตรวจถาวรเพิ่ม
ขณะเดียวกันได้วิเคราะห์ในจุดอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายหาเส้นทางลัดเลาะเข้าไปในพื้นที่ อ.เบตงก่อเหตุซ้ำได้ พร้อมได้เสริมกำลังปิดช่องว่างตามจุดต่างๆ โดยทุกฝ่ายของ อ.เบตง ได้มีการวางกำลังเข้มแข็งขึ้น
พ.ต.อ.มานิตย์ ยิ้มซ้าย ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี กล่าวว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าพบผู้ต้องสงสัยได้มาเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จึงประสานเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ประมาณ 50 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 2 ต.ท่ากำชำ จนสามารถควบคุมตัวนายหาสัน สะแต อายุ 36 ปีไว้ได้ และจากการตรวจสอบในสารบบบัญชีรายชื่อคดีความมั่นคง พบว่านายหาสัน มีหมายจับ ป.วิอาญาปี 2555 ในคดีความมั่นคงข้อหาก่อเหตุพร้อมพวกจำนวน 13 คนร่วมก่อเหตุโดยใช้อาวุธสงครามบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสันติ 421 และฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4213 ในพื้นที่หมู่ 1 ต.เกาะแลหนัง อ.เทพา จ.สงขลาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อเหตุดังกล่าวไว้ได้จำนวน 8 คน
จากการสอบสวนทราบว่านายหาสัน เป็นระดับสั่งการ แต่เบื้องต้นยังให้การภาคเสธ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่เกิดเหตุในวันดังกล่าว พร้อมนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนควบคุมตัวเข้าศูนย์ซักถามเพื่อขยายผลต่อไป
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกว่า 10 คนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ดักปล้นรถส่งนมโรงเรียนของนายก อบต.ท่าข้าม และได้จับพนักงาน 2 คนมัดมือเท้าและปิดตาพาไปทิ้งไว้เขต อ.สายบุรี จนมีชาวบ้านมาช่วยได้ทัน จากนั้นคนร้ายได้นำรถกระบะส่งนมที่ปล้นนำระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัมซุกไว้ในรถแล้วขับมาจอดไว้หน้า สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้ไว้ได้ทัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
วานนี้ (30 ก.ค.ป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง หลังจากได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวทั้งในเขตเทศบาลตำบลปะนาเระ ไปจนถึงรอยต่อสายบุรี และถนนสายต่างๆ ปรากฏว่า กล้องสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยได้ชัดเจน โดยในภาพจะมีผู้ต้องสงสัยสวมหมวกกันน็อกสีขาวขับขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่หน้า สภ.ปะนาเระ เพื่อดูเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะโทรศัพท์บอกให้เพื่อนขับรถคันดังกล่าวมามาจอด
กระทั่งเพียง 15 นาที รถยนต์คาร์บอมบ์ก็ได้ขับผ่านกล้องมาจอดไว้หน้า สภ.ปะนาเระ โดยมีคนขับเพียง 1 คนแต่งกายในชุดดาห์วะสีดำปิดใบหน้าเดินออกจากรถแล้วมาขึ้นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปทางเส้นทางสายปะนาเระ-จะรัง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำภาพดังกล่าวไปตรวจสอบกับเครื่องมือขยายภาพเพื่อเปรียบเทียบกับแฟ้มภาพในคดีความมั่นคงว่าเป็นใคร
ส่วนการสืบสวนสอบสวนพยานจนถึงขณะนี้คดีมีความคืบหน้าจนสามารถเชื่อมโยง และรู้กลุ่มที่ก่อเหตุ เบื้องต้นกลุ่มที่ก่อเหตุมาจากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มบางแก้ว กลุ่มป่าทุ่ง กลุ่มน้ำบ่อ ซึ่งมีเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะมีนายอัสมาน นายอารียาสะ นายอิสมาแอ นายปาตะ นายมะรูดิน นายสุไลมาน และนายซาการียา โดยทั้ง 7 ราย มีหมายจับคดีความมั่นคง และมาจากหลายกลุ่ม ขณะนี้กำลังรอผลตรวจจากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุว่าจะตรงกับดีเอ็นเอหรือไม่ ซึ่งหากตรงตามข้อมูลพยานหลักฐานก็จะสามารถออกหมายจับทันที
