ASTVผู้จัดการรายวัน – ทีวีดาวเทียมตั้งแผนรับมืออุตสาหกรรมทีวีแข่งเดือด “มีเดีย สตูดิโอ” ยุบ2ช่อง เหลือ “มีเดียแชนแนล”เพียงช่องเดียว ชูละครดัง7สีสร้างเรตติ้งดูดโฆษณา หวังขึ้นแท่นท็อป3ในกลุ่มวาไรตี้ พร้อมกรุยทางรับจ้างผลิตรายการป้อนทีวีดิจิตอล2 ช่องใหม่ มั่นใจปี58 รายได้ทะลุ1,000 ล้านบาท โตขึ้น10%
นางสาวสุภาพรรณ วิสฤตาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด หนึ่งในบริษัทลูกของช่อง 7 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุตสาหกรรมทีวีที่เปลี่ยนแปลงไป ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นใหม่ 24 ช่อง จากเดิมฟรีทีวีเป็นอันดับหนึ่งในแง่เรตติ้งและจำนวนผู้ชมรวมถึงโฆษณา และทีวีดาวเทียมเป็นทางเลือกอันดับสอง แต่ปัจจุบันลงมาเป็นทางเลือกอันดับสามต่อจากฟรีทีวี และทีวีดิจิตอลตามลำดับ
ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับตัว จากการดำเนินธุรกิจอยู่ 2 กลุ่ม คือ 1. ฟรีทีวี ในการรับจ้างผลิตรายการข่าว และละคร ให้กับทางช่อง7รวม 5 รายการ และ2.ทีวีดาวเทียม 2 ช่อง คือ มีเดียนิวส์ และมีเดียแชนแนล ล่าสุดในเดือนส.ค.นี้ ธุรกิจทีวีดาวเทียมจะปรับให้เหลือเพียง 1 ช่อง คือ ช่องมีเดียแชนแนล โดยคัดเลือกรายการจากช่องมีเดียนิวส์ ที่มีเรตติ้งดีมา 7 รายการ คือ เช้านี้ที่หมอชิต ที่ออกอากาศคู่ขนานกับทางช่อง7, สภากาแฟ, ข่าวเที่ยง, แจ้งคลายทุกข์, ข่าวภาคค่ำ, เรื่องไม่เป็นเรื่อง, หมอชิตสุดสัปดาห์ และบันเทิงสุดสัปดาห์ .
พร้อมรีลอนซ์ช่องมีเดียแชนแนลกับผังรายการใหม่ ชูละครดังจากช่อง7ที่เคยได้รับความนิยมสูงเป็นคอนเท้นท์หลักสร้างรายได้ พร้อมรายการบันเทิงต่างๆ ภายใต้โพซิชั่นนิ่งของช่อง เป็นช่องวาไรตี้ จับกลุ่มผู้หญิง แม่บ้านอายุ 35 ปีขึ้นไป เน้นคนเมืองมากขึ้น มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และก้าวขึ้นมาเป็นท็อป3 ของช่องวาไรตี้ในแพลทฟอร์มทีวีดาวเทียม
โดยในแง่ของรายได้โฆษณานั้น ขณะนี้ได้เริ่มพรีเซลไปบ้างแล้ว เอเจนซี่ให้การตอบรับอย่างดี เชื่อว่าเฉลี่ยแล้วราคาโฆษณาจะขยับขึ้นเป็น 10,000 บาทต่อนาทีภายในไตรมาสหนึ่งปีหน้าได้ จากที่ผ่านมาราคาโฆษณาต่ำกว่า 10,000 บาทต่อนาทีอยู่มาก โดยผังรายการใหม่นี้ เวลาไพร์มไทม์อยู่ที่ช่วงเวลา 17.00-21.00น. ประกอบด้วย รายการข่าว และละคร เป็นต้น ถึงสิ้นปี2558 มั่นใจว่า ช่องมีเดียแชนแนลจะมีรายได้โตขึ้น 20% จากรายได้รวมทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาทในปีก่อน
“ที่ผ่านมาช่องมีเดียนิวส์ เป็นช่องข่าวที่มีเรตติ้งค่อนข้างดีในของกลุ่มช่องข่าวทีวีดาวเทียมด้วยกัน แต่จากการเปลี่ยนแปลงที่มีทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น และเป็นช่องข่าว7 ช่อง ส่วนใหญ่เป็นช่องที่ปรับขึ้นมาจากทีวีดาวเทียม จึงมองว่าการแข่งขันเปลี่ยนไป ผู้ชมจะเลือกชมฟรีทีวีและทีวีดิจิตอล ก่อนที่จะเลือกชมช่องทีวีดาวเทียมที่มีหมายเลขช่องอยู่ในอันดับท้ายๆ”
ดังนั้นช่องข่าวในทีวีดาวเทียมจึงไม่ใช่ในเวลานี้ จึงได้ปรับช่องมีเดียนิวส์มารวมกับช่องมีเดียแชนแนล และปรับช่องมีเดียแชนแนลให้มีคอนเท้นท์น่าสนใจมากขึ้น เพื่อเรียกเรตติ้งและดึงรายได้จากโฆษณาเข้ามา จากการเปลี่ยนแปลงของทีวีดาวเทียมเองที่ต้องจัดอยู่ในกลุ่มบอกรับสมาชิก และหารายได้จากโฆษณาได้ชั่วโมงละ 5-6 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การยุบช่องมีเดียนิวส์นั้น ช่วยให้ต้นทุนในการทำธุรกิจทีวีดาวเทียมลดลง 20% ขณะที่ในแง่บุคลลากรไม่ได้ปรับลดลง ยังคงอยู่ที่ 300 คน และเป็นทีมข่าวกว่า 200 คน ทั้งนี้เพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ คือ ทีวีดิจิตอล ในลักษณะผลิตรายการป้อนให้กับช่องทีวีดิจิตอลรายใหม่ๆ ในทุกรูปแบบ ทั้งรับจ้างผลิต และไทม์แชร์ริ่ง เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ 2 ช่อง โดยรูปแบบรายการมีทั้งข่าว และละคร รวมถึงคอนเท้นท์ที่ทางช่องสนใจให้ร่วมผลิตให้
นางสาวสุภาพรรณ กล่าวต่อว่า จากการเพิ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลเข้ามานั้น จะส่งผลให้ในปี2558 บริษัทจะมีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจ คือ 1.ฟรีทีวี 80% 2.ทีวีดาวเทียม 10% และ3. ทีวีดิจิตอล 10% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โตจากปี2557 อย่างน้อย 10% ขณะที่ปีนี้มองว่าจะมีรายได้รวมโตขึ้น 10% จากรายได้รวม 960 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ฟรีทีวี 800 ล้านบาท และทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาท
โดยปีนี้บริษัทยังได้ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบHD ทั้งหมด พร้อมคืนช่องทรานสปอนเดอร์เหลือเพียง 1 ช่อง ขณะที่ธุรกิจฟรีทีวีนั้นมีการผลิตละครรวม 4 เรื่อง ปีนี้ออกอากาศ 2 เรื่อง คือ วีระบุรุษกองขยะ ที่เพิ่งจบไป และคีตโลกา ในเดือนก.ย.นี้ และอีก 2 เรื่อง กำลังจะเริ่มถ่ายทำ พร้อมออกอากาศต้นปีหน้า
นางสาวสุภาพรรณ วิสฤตาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด หนึ่งในบริษัทลูกของช่อง 7 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุตสาหกรรมทีวีที่เปลี่ยนแปลงไป ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นใหม่ 24 ช่อง จากเดิมฟรีทีวีเป็นอันดับหนึ่งในแง่เรตติ้งและจำนวนผู้ชมรวมถึงโฆษณา และทีวีดาวเทียมเป็นทางเลือกอันดับสอง แต่ปัจจุบันลงมาเป็นทางเลือกอันดับสามต่อจากฟรีทีวี และทีวีดิจิตอลตามลำดับ
ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับตัว จากการดำเนินธุรกิจอยู่ 2 กลุ่ม คือ 1. ฟรีทีวี ในการรับจ้างผลิตรายการข่าว และละคร ให้กับทางช่อง7รวม 5 รายการ และ2.ทีวีดาวเทียม 2 ช่อง คือ มีเดียนิวส์ และมีเดียแชนแนล ล่าสุดในเดือนส.ค.นี้ ธุรกิจทีวีดาวเทียมจะปรับให้เหลือเพียง 1 ช่อง คือ ช่องมีเดียแชนแนล โดยคัดเลือกรายการจากช่องมีเดียนิวส์ ที่มีเรตติ้งดีมา 7 รายการ คือ เช้านี้ที่หมอชิต ที่ออกอากาศคู่ขนานกับทางช่อง7, สภากาแฟ, ข่าวเที่ยง, แจ้งคลายทุกข์, ข่าวภาคค่ำ, เรื่องไม่เป็นเรื่อง, หมอชิตสุดสัปดาห์ และบันเทิงสุดสัปดาห์ .
พร้อมรีลอนซ์ช่องมีเดียแชนแนลกับผังรายการใหม่ ชูละครดังจากช่อง7ที่เคยได้รับความนิยมสูงเป็นคอนเท้นท์หลักสร้างรายได้ พร้อมรายการบันเทิงต่างๆ ภายใต้โพซิชั่นนิ่งของช่อง เป็นช่องวาไรตี้ จับกลุ่มผู้หญิง แม่บ้านอายุ 35 ปีขึ้นไป เน้นคนเมืองมากขึ้น มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และก้าวขึ้นมาเป็นท็อป3 ของช่องวาไรตี้ในแพลทฟอร์มทีวีดาวเทียม
โดยในแง่ของรายได้โฆษณานั้น ขณะนี้ได้เริ่มพรีเซลไปบ้างแล้ว เอเจนซี่ให้การตอบรับอย่างดี เชื่อว่าเฉลี่ยแล้วราคาโฆษณาจะขยับขึ้นเป็น 10,000 บาทต่อนาทีภายในไตรมาสหนึ่งปีหน้าได้ จากที่ผ่านมาราคาโฆษณาต่ำกว่า 10,000 บาทต่อนาทีอยู่มาก โดยผังรายการใหม่นี้ เวลาไพร์มไทม์อยู่ที่ช่วงเวลา 17.00-21.00น. ประกอบด้วย รายการข่าว และละคร เป็นต้น ถึงสิ้นปี2558 มั่นใจว่า ช่องมีเดียแชนแนลจะมีรายได้โตขึ้น 20% จากรายได้รวมทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาทในปีก่อน
“ที่ผ่านมาช่องมีเดียนิวส์ เป็นช่องข่าวที่มีเรตติ้งค่อนข้างดีในของกลุ่มช่องข่าวทีวีดาวเทียมด้วยกัน แต่จากการเปลี่ยนแปลงที่มีทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น และเป็นช่องข่าว7 ช่อง ส่วนใหญ่เป็นช่องที่ปรับขึ้นมาจากทีวีดาวเทียม จึงมองว่าการแข่งขันเปลี่ยนไป ผู้ชมจะเลือกชมฟรีทีวีและทีวีดิจิตอล ก่อนที่จะเลือกชมช่องทีวีดาวเทียมที่มีหมายเลขช่องอยู่ในอันดับท้ายๆ”
ดังนั้นช่องข่าวในทีวีดาวเทียมจึงไม่ใช่ในเวลานี้ จึงได้ปรับช่องมีเดียนิวส์มารวมกับช่องมีเดียแชนแนล และปรับช่องมีเดียแชนแนลให้มีคอนเท้นท์น่าสนใจมากขึ้น เพื่อเรียกเรตติ้งและดึงรายได้จากโฆษณาเข้ามา จากการเปลี่ยนแปลงของทีวีดาวเทียมเองที่ต้องจัดอยู่ในกลุ่มบอกรับสมาชิก และหารายได้จากโฆษณาได้ชั่วโมงละ 5-6 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การยุบช่องมีเดียนิวส์นั้น ช่วยให้ต้นทุนในการทำธุรกิจทีวีดาวเทียมลดลง 20% ขณะที่ในแง่บุคลลากรไม่ได้ปรับลดลง ยังคงอยู่ที่ 300 คน และเป็นทีมข่าวกว่า 200 คน ทั้งนี้เพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ คือ ทีวีดิจิตอล ในลักษณะผลิตรายการป้อนให้กับช่องทีวีดิจิตอลรายใหม่ๆ ในทุกรูปแบบ ทั้งรับจ้างผลิต และไทม์แชร์ริ่ง เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ 2 ช่อง โดยรูปแบบรายการมีทั้งข่าว และละคร รวมถึงคอนเท้นท์ที่ทางช่องสนใจให้ร่วมผลิตให้
นางสาวสุภาพรรณ กล่าวต่อว่า จากการเพิ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลเข้ามานั้น จะส่งผลให้ในปี2558 บริษัทจะมีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจ คือ 1.ฟรีทีวี 80% 2.ทีวีดาวเทียม 10% และ3. ทีวีดิจิตอล 10% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โตจากปี2557 อย่างน้อย 10% ขณะที่ปีนี้มองว่าจะมีรายได้รวมโตขึ้น 10% จากรายได้รวม 960 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ฟรีทีวี 800 ล้านบาท และทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาท
โดยปีนี้บริษัทยังได้ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบHD ทั้งหมด พร้อมคืนช่องทรานสปอนเดอร์เหลือเพียง 1 ช่อง ขณะที่ธุรกิจฟรีทีวีนั้นมีการผลิตละครรวม 4 เรื่อง ปีนี้ออกอากาศ 2 เรื่อง คือ วีระบุรุษกองขยะ ที่เพิ่งจบไป และคีตโลกา ในเดือนก.ย.นี้ และอีก 2 เรื่อง กำลังจะเริ่มถ่ายทำ พร้อมออกอากาศต้นปีหน้า