xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ฟุ้งสินเชื่อพุ่งครึ่งหลังSMEดันกู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติคาดครึ่งหลังปี 57 สัญญาณสินเชื่อรวมแจ่ม หลังผลสำรวจภาคธุรกิจชัดความเชื่อมั่นดีขึ้นและการค้าขายเริ่มขยับ ขณะที่ความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อจากเศรษฐกิจไทยก็ผ่านจุดต่ำสุดช่วง Q2/57 แล้ว ต่อจากนี้การฟื้นฟูจะมีมากขึ้น ล่าสุดเดือนมิ.ย.มีสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 4.6 หมื่นล้านบาท หรือสินเชื่อรวมแตะ 7.3% ว่าที่ประธานแบงก์เอสเอ็มอีระบุสินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัวสูงกว่าที่ระดับ 9.1% ดันให้สินเชื่อรวมโต

นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้อัตราการขยายตัวสินเชื่อโดยรวมลดลงอยู่ที่ 7.3% ล่าสุดในเดือนมิ.ย.57 หรือมียอดสินเชื่อรวม 10.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินค่อนข้างเยอะภายในเดือนเดียว และจากการสำรวจภาคธุรกิจ พบว่า ขณะนี้ความเชื่อมั่นดีขึ้น
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ช่วยดูแลผู้ประกอบการ จึงมองว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้สินเชื่อรวมจะดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้แล้ว

“จากการสำรวจภาคธุรกิจ พบว่า ความเชื่อมั่นดีขึ้นมีการประกอบธุรกิจค้าขายและการลงทุนมากขึ้น แม้การลงทุนขนาดใหญ่อาจจะรอความชัดเจนอยู่บ้าง แต่เป็นสัญญาณที่ดี และเมื่อมีการสอบถามไปยังแบงก์พาณิชย์ส่วนใหญ่ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั้งยืดอายุหนี้และปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อในแง่ภาวะเศรษฐกิจก็ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ต่อจากนี้ไปเข้าสู่ภาวะการฟื้นฟูที่จะมีมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามปัจจัยในและนอกประเทศประกอบกัน”

ทั้งนี้ ปัจจุบันระบบธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อได้ดีเป็นผลจากธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นตัวหลัก ล่าสุดในเดือนมิ.ย.57 อัตราการขยายตัวสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สูงกว่าการขยายตัวสินเชื่อรวม โดยขยายตัวอยู่ที่ 9.1% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน หรือมียอดสินเชื่อธุรกิจนี้ 4 ล้านล้านบาท ซึ่งธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
มีการปล่อยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีมากที่สุดในระบบ ขณะที่อัตราการขยายตัวสินเชื่อรายใหญ่ 3.9% และสินเชื่อรายย่อยอยู่ที่ 8.8% ซึ่งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวดีส่งผลให้สินเชื่อรายย่อยขยายตัวสูง

สำหรับสถานการณ์หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทรงตัว ล่าสุดในเดือนมิ.ย.สัดส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ 2.3%ของสินเชื่อรวม เทียบกับเดือนก่อนอยู่ที่ 2.4% จากเม็ดเงินสินเชื่อใหม่เข้ามาในระบบ อีกทั้งคุณภาพสินเชื่อไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงมองว่าไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้ นอกจากนี้ ฐานะระบบธนาคารพาณิชย์แข็งแกร่ง ผลกำไรค่อนข้างสูง
และมีเงินกองทุนของระบบธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างสูงอยู่ที่ 15%ในปัจจุบัน การตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญก็สูงกว่ายอดเอ็นพีแอลค่อนข้างมากและเอ็นพีแอลก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น ฉะนั้น ภาคธนาคารไม่มีอะไรน่าห่วง

**ประธานแบงก์SMEยันหนี้เสียน้อย**
ต่อข้อซักถามที่ว่าเอ็นพีแอลในระบบเกิดจากธุรกิจเอสเอ็มอีนั้น ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.ซึ่งไปรับตำแหน่งประธานแบงก์เอสเอ็มอีหลังเกษียณอายุ ก.ย.นี้กล่าวว่า ปกติการปล่อยสินเชื่อออกไปจะมีค่าเฉลี่ยอัตราความเสียหายของธุรกิจเอสเอ็มอี 3.6% ขณะที่สินเชื่อรวมจะมีค่าเฉลี่ยอัตราความเสียหายอยู่ที่ 3.3% แสดงว่าธุรกิจเอสเอ็มอีจะมีโอกาสเกิดปัญหาเอ็นพีแอลได้สูงกว่า แต่ความเสียหายของธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยกู้ไม่มาก
เนื่องจากสามารถเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้และยึดหลักประกันได้ ซึ่งมูลค่าหลักประกันธุรกิจนี้จะมีมากกว่าธุรกิจอื่น

“ในฐานะผู้ดูแลสถาบันการเงิน ไม่ต้องการสินเชื่อโตน้อยหรือมากเกินไป แต่พยายามเป็นตัวกลางประสานให้ภาคธุรกิจได้รับสินเชื่อ และสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์มีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แบงก์ชาติไม่ได้มีกฎห้ามปล่อยสินเชื่อเกินวงเงินหลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อประเภทไหนก็ตาม และขอย้ำว่าปัจจุบันเราไม่ได้เข้มงวดมากเกินไป ในทางกลับกันเราจะตรวจสอบตามสถานการณ์ ตามมาตรฐานสากล ซึ่งภายใต้หลักเหตุผลเป็นสำคัญ”.
กำลังโหลดความคิดเห็น