ASTVผู้จัดการรายวัน - “ซีทีเอช” ฮุบ “จีเอ็มเอ็มบี” 100% รุกตลาดเพย์ทีวีเต็มสตรีม หลังอากู๋ตัดสินใจปล่อยเพย์ทีวีออกจากมือ แลกกับการนำ แซท เทรดดิ้ง ถือหุ้นใน ซีทีเอช 10% ซีทีเอชแย้มพร้อมเฟ้นหาผู้ถือหุ้น 20% ภายในไตรมาสสามนี้เพิ่ม หลังเพิ่มทุนมาเป็น 3,000 กว่าล้านบาท
วานนี้ ( 23 ก.ค.) นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการลงนามในสัญญาข้อตกลง ในการรวมบริษัท ซีทีเอช แอล ซี โอ จำกัด กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด ดำเนินธุรกิจเพย์ทีวี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยซีทีเอช แอล ซี โอ จะเข้ามาถือหุ้นใน จีเอ็มเอ็ม บี 100% และแซท เทรดดิ้ง จะเข้ามาถือหุ้นใน ซีทีเอช 10% ส่งผลให้ซีทีเอชจะกลายมาเป็นบริษัทแม่ในการดำเนินธุรกิจเพย์ทีวีของทั้ง ซีทีเอช แอล ซี โอ และจีเอ็มเอ็ม บี
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการลงนามสัญญาข้อตกลงกันในครั้งนี้ ส่งผลให้แกรมมี่เข้ามาถือหุ้นในซีทีเอช 10% ส่วนที่เหลือมาจากการถือหุ้นของนายวิชัย ทองแตง 30% นางยิ่งลักษณ์ วัชรพล จากทางไทยรัฐ 30% และผู้ประกอบการเคเบิลทีวี 10% โดยที่เหลืออีก 20% นั้น ในช่วงหลังไตรมาสสามนี้น่าจะสรุปได้ โดยขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ 4-5 ราย เน้นเป็นกลุ่มทุนต่างชาติ ที่มีธุรกิจต่อยอดหรือเอื้อต่อซีทีเอช จากปัจจุบันซีทีเอช เพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นมาเป็น 3,300 กว่าล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ซีทีเอชจะเข้ามาดูแลด้านการตลาดในธุรกิจเพย์ทีวีของจีเอ็มเอ็ม แซท ทั้งหมด ส่งผลให้หลังจากนี้ซีทีเอช จะก้าวสู่ความเป็น มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เต็มรูปแบบ ซึ่งทางจีเอ็มเอ็ม แซท ยังคงขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ต่อเนื่อง หลังจากต่างเป็นเบอร์2 และเบอร์ 3 ในธุรกิจเพย์ทีวี การดำเนินงานร่วมกันหลังจากนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้งสองฝ่ายใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.Advertising อำนาจในการหาโฆษณามีมากขึ้น 2.Box จากฐานสมาชิกของจีเอ็มเอ็ม แซท 1.5-2 ล้านกล่อง จะเป็นฐานที่สำคัญของซีทีเอช 3.Content ทำให้มีคอนเท้นท์มากที่สุด และ 4.Distribution การต่อรอง และการกระจายสินค้ามีมากขึ้น
ขณะเดียวกันระบบโครงข่ายจากทั้งสองบริษัทรวมกัน จะมีมากถึง 17 ทรานสปอนเดอร์ถือเป็นกลุ่มที่มีทรานสปอนเดอร์มากที่สุด การรวมกันครั้งนี้ จะช่วยให้การใช้งานอย่างทรานสปอนเดอร์ที่มีอยู่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่องทับซ้อนจะลดลง บางแผนกอาจจะทับซ้อนกันบ้าง เช่น คอลเซ็นเตอร์ และทีมงานที่มีอยู่จากทั้งสองฝ่ายจะยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ปรับลดพนักงานลง
หลังจากนี้บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรทุกรูปแบบอีกกว่า 10 ราย ทั้งฟรีทีวี กลุ่มโมบายโฟน และดิสทริบิวเตอร์ เป็นต้น ในการช่วยกระจายคอนเท้นท์ของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม แซท ไปสู่กลุ่มผู้ชม มั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะเข้าถึงผู้ชมร่วม 10 ล้านคน ส่วนในแง่ของการขายกล่องซีทีเอชแล้ว จากปัจจุบันอยู่ที่ 500,000-1,000,000 กล่อง สิ้นปีนี้จะทำให้ได้อีก 2,000,000 กล่อง รวมเป็น 3 ล้านกล่อง พร้อมรายได้ที่น่าจะคุ้มทุน หรือมีรายได้ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้
“การดำเนินงานของซีทีเอช หลังจากนี้จะเน้นหาพันธมิตรเป็นหลัก โครงสร้างการทำงานอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง โดยตนยังคงพร้อมทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหารต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีกระแสข่าวว่าตนจะลาออกก็ตาม ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 2 ปี จะนำจีเอ็มเอ็ม บี เข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป” นายเชิดศักดิ์ กล่าวสรุป
นายชนวัฒน์ วาจานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารผังรายการและผลิตรายการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การลงนามในสัญญาของทั้งสองบริษัทครั้งนี้ ในแง่การดำเนินงานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ในแง่คอนเท้นท์นั้น อาจจะมีการทับซ้อนกันบ้าง เช่น ช่องรายการของทางฟ็อกซ์ และยูนิเวอร์แซล เป็นต้น หลังจากนี้ก็จะเลือกรับสัญญาณเพียงทรานสปอนเดอร์เดียว เพื่อให้มีพื้นที่เหลือ และอนาคตหากสัญญาหมดลง จะเลือกพิจารณาในการซื้อจากบริษัทเดียวเท่านั้น
“ทั้งสองฝ่ายยังต่างขายกล่องของตัวเองอยู่ ขณะที่ทีมบริหารเป็นชุดเดียวกัน โดยทางซีทีเอช ในช่วงไตรมาสสาม จะมีการเปิดตัวแพกเกจใหม่ รองรับกลุ่มลูกค้าพรีเมียร์ลีก และเปิดตัวกล่องรุ่นใหม่ออกมารองรับตลาดอีกอย่างน้อย 2 รุ่น สำหรับกลุ่มแมสและพรีเมี่ยม ในรูปแบบปลั๊ก แอนด์ เพย์ คือ สามารถติดตั้งกับจานรับสัญญาณดาวเทียมแบรนด์ใดก็ได้ ซึ่งจะมีราคาใกล้เคียงกับทางจีเอ็มเอ็ม แซท ภายใต้งบการตลาดที่ยังคงตามแผนเดิม”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ช่องรายการในรูปแบบเอ็นคลิปสัญญาณจากซีทีเอช มีอยู่กว่า 70 ช่อง และจากทางจีเอ็มเอ็ม แซท มีอยู่ 40 ช่อง และเมื่อรวมกับช่องอื่นๆในรูปแบบฟรีทูแอร์แล้ว จะส่งผลให้ทั้ง2กลุ่มมีช่องรายการรวมกันกว่า 150 ช่อง ซึ่งทางซีทีเอช ยังเปิดโอกาสให้กับผู้ผลิตรายการเข้ามานำเสนอรายการอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลิตรายการขึ้นมาใหม่เอง เช่น เรียลิตี้ ลูกทุ่งเงินล้าน เป็นต้น
นายกริช ทอมมัส ผู้บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด กล่าวว่า การรวมกันของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม บี จะช่วยในเรื่องการบริหารทรัพยากร และใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ต่างๆร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญถือเป็นการลดต้นทุนต่างๆได้เป็นอย่างดี สมาชิกจากทั้งสองฝ่าย สามารถดูรายการจากอีกฝ่ายเพิ่มได้ ส่งผลให้แต่ละฝ่ายมีพื้นที่คอนเท้นท์เพิ่มขึ้น
วานนี้ ( 23 ก.ค.) นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการลงนามในสัญญาข้อตกลง ในการรวมบริษัท ซีทีเอช แอล ซี โอ จำกัด กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด ดำเนินธุรกิจเพย์ทีวี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยซีทีเอช แอล ซี โอ จะเข้ามาถือหุ้นใน จีเอ็มเอ็ม บี 100% และแซท เทรดดิ้ง จะเข้ามาถือหุ้นใน ซีทีเอช 10% ส่งผลให้ซีทีเอชจะกลายมาเป็นบริษัทแม่ในการดำเนินธุรกิจเพย์ทีวีของทั้ง ซีทีเอช แอล ซี โอ และจีเอ็มเอ็ม บี
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการลงนามสัญญาข้อตกลงกันในครั้งนี้ ส่งผลให้แกรมมี่เข้ามาถือหุ้นในซีทีเอช 10% ส่วนที่เหลือมาจากการถือหุ้นของนายวิชัย ทองแตง 30% นางยิ่งลักษณ์ วัชรพล จากทางไทยรัฐ 30% และผู้ประกอบการเคเบิลทีวี 10% โดยที่เหลืออีก 20% นั้น ในช่วงหลังไตรมาสสามนี้น่าจะสรุปได้ โดยขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ 4-5 ราย เน้นเป็นกลุ่มทุนต่างชาติ ที่มีธุรกิจต่อยอดหรือเอื้อต่อซีทีเอช จากปัจจุบันซีทีเอช เพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นมาเป็น 3,300 กว่าล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ซีทีเอชจะเข้ามาดูแลด้านการตลาดในธุรกิจเพย์ทีวีของจีเอ็มเอ็ม แซท ทั้งหมด ส่งผลให้หลังจากนี้ซีทีเอช จะก้าวสู่ความเป็น มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เต็มรูปแบบ ซึ่งทางจีเอ็มเอ็ม แซท ยังคงขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ต่อเนื่อง หลังจากต่างเป็นเบอร์2 และเบอร์ 3 ในธุรกิจเพย์ทีวี การดำเนินงานร่วมกันหลังจากนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้งสองฝ่ายใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.Advertising อำนาจในการหาโฆษณามีมากขึ้น 2.Box จากฐานสมาชิกของจีเอ็มเอ็ม แซท 1.5-2 ล้านกล่อง จะเป็นฐานที่สำคัญของซีทีเอช 3.Content ทำให้มีคอนเท้นท์มากที่สุด และ 4.Distribution การต่อรอง และการกระจายสินค้ามีมากขึ้น
ขณะเดียวกันระบบโครงข่ายจากทั้งสองบริษัทรวมกัน จะมีมากถึง 17 ทรานสปอนเดอร์ถือเป็นกลุ่มที่มีทรานสปอนเดอร์มากที่สุด การรวมกันครั้งนี้ จะช่วยให้การใช้งานอย่างทรานสปอนเดอร์ที่มีอยู่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่องทับซ้อนจะลดลง บางแผนกอาจจะทับซ้อนกันบ้าง เช่น คอลเซ็นเตอร์ และทีมงานที่มีอยู่จากทั้งสองฝ่ายจะยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ปรับลดพนักงานลง
หลังจากนี้บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรทุกรูปแบบอีกกว่า 10 ราย ทั้งฟรีทีวี กลุ่มโมบายโฟน และดิสทริบิวเตอร์ เป็นต้น ในการช่วยกระจายคอนเท้นท์ของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม แซท ไปสู่กลุ่มผู้ชม มั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะเข้าถึงผู้ชมร่วม 10 ล้านคน ส่วนในแง่ของการขายกล่องซีทีเอชแล้ว จากปัจจุบันอยู่ที่ 500,000-1,000,000 กล่อง สิ้นปีนี้จะทำให้ได้อีก 2,000,000 กล่อง รวมเป็น 3 ล้านกล่อง พร้อมรายได้ที่น่าจะคุ้มทุน หรือมีรายได้ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้
“การดำเนินงานของซีทีเอช หลังจากนี้จะเน้นหาพันธมิตรเป็นหลัก โครงสร้างการทำงานอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง โดยตนยังคงพร้อมทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหารต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีกระแสข่าวว่าตนจะลาออกก็ตาม ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 2 ปี จะนำจีเอ็มเอ็ม บี เข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป” นายเชิดศักดิ์ กล่าวสรุป
นายชนวัฒน์ วาจานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารผังรายการและผลิตรายการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การลงนามในสัญญาของทั้งสองบริษัทครั้งนี้ ในแง่การดำเนินงานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ในแง่คอนเท้นท์นั้น อาจจะมีการทับซ้อนกันบ้าง เช่น ช่องรายการของทางฟ็อกซ์ และยูนิเวอร์แซล เป็นต้น หลังจากนี้ก็จะเลือกรับสัญญาณเพียงทรานสปอนเดอร์เดียว เพื่อให้มีพื้นที่เหลือ และอนาคตหากสัญญาหมดลง จะเลือกพิจารณาในการซื้อจากบริษัทเดียวเท่านั้น
“ทั้งสองฝ่ายยังต่างขายกล่องของตัวเองอยู่ ขณะที่ทีมบริหารเป็นชุดเดียวกัน โดยทางซีทีเอช ในช่วงไตรมาสสาม จะมีการเปิดตัวแพกเกจใหม่ รองรับกลุ่มลูกค้าพรีเมียร์ลีก และเปิดตัวกล่องรุ่นใหม่ออกมารองรับตลาดอีกอย่างน้อย 2 รุ่น สำหรับกลุ่มแมสและพรีเมี่ยม ในรูปแบบปลั๊ก แอนด์ เพย์ คือ สามารถติดตั้งกับจานรับสัญญาณดาวเทียมแบรนด์ใดก็ได้ ซึ่งจะมีราคาใกล้เคียงกับทางจีเอ็มเอ็ม แซท ภายใต้งบการตลาดที่ยังคงตามแผนเดิม”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ช่องรายการในรูปแบบเอ็นคลิปสัญญาณจากซีทีเอช มีอยู่กว่า 70 ช่อง และจากทางจีเอ็มเอ็ม แซท มีอยู่ 40 ช่อง และเมื่อรวมกับช่องอื่นๆในรูปแบบฟรีทูแอร์แล้ว จะส่งผลให้ทั้ง2กลุ่มมีช่องรายการรวมกันกว่า 150 ช่อง ซึ่งทางซีทีเอช ยังเปิดโอกาสให้กับผู้ผลิตรายการเข้ามานำเสนอรายการอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลิตรายการขึ้นมาใหม่เอง เช่น เรียลิตี้ ลูกทุ่งเงินล้าน เป็นต้น
นายกริช ทอมมัส ผู้บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด กล่าวว่า การรวมกันของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม บี จะช่วยในเรื่องการบริหารทรัพยากร และใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ต่างๆร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญถือเป็นการลดต้นทุนต่างๆได้เป็นอย่างดี สมาชิกจากทั้งสองฝ่าย สามารถดูรายการจากอีกฝ่ายเพิ่มได้ ส่งผลให้แต่ละฝ่ายมีพื้นที่คอนเท้นท์เพิ่มขึ้น