คล้อยหลังประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97/2557 มีเสียงครางฮืออื้ออึงตามมา เป็นเผด็จการเต็มรูปแบบแล้วกระนั้นหรือ ??
ไม่แน่ใจถึงเจตนาเบื้องลึกที่แท้จริง หากจะเป็นการกระชับคำสั่งเดิม ฉบับที่ 14 และ 18 ตามที่กล่าวอ้าง ก็ไม่น่าจะเขียนคำสั่งใหม่กว้างขวาง จำกัดสิทธิกันมากมายถึงเพียงนี้ เพราะมันกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งทางตรง และทางอ้อม
**จะปิดหูปิดตาประชาชนกันหมดแล้วหรืออย่างไร
คำสั่งคสช. ฉบับที่ 97 มีข้อกำหนดหลายประการ ห้ามเสนอข้อมูลข่าวสารต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของ คสช. เจ้าหน้าที่ของคสช. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ห้ามเฉียด ห้ามแตะต้องกันไปเลย สร้างความกังวลใจต่อใครหลายคน โดยเฉพาะสื่อสารมวลชน ที่หัวใจการทำงาน คือ การบอกเล่า วิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย
เพราะต้องไม่ลืมว่า คำสั่งนี้ ครอบคลุมไปถึงคนที่เกี่ยวข้องกับ คสช. เช่น ที่ปรึกษา 5-6 คน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล พวกนี้ห้ามเขียนถึงไปด้วย จะไปเคลื่อนไหวเปิดงาน ประมูล ตัดริบบิ้นอะไร ยังเขียนไม่ได้ ให้ความคุ้มครองคนเหล่านี้มากเกินไปหรือเปล่า ห้ามวิจารณ์อะไรเลยอย่างนั้นหรือ
และถ้ามองไกลไปอีกหน่อย ต่อไปจะต้องมีสภาปฏิรูป มี สนช. กรรมาธิการ ร่าง รัฐธรรมนูญ อีกหลายร้อยคน จะมีใครต่อใครที่คลอดออกมาจากการแต่งตั้งของคสช. เรื่อยๆ คนเหล่านี้จะแตะต้องไม่ได้เลย เพราะได้รับการคุ้มครองจาก คำสั่งฉบับที่ 97 นี้
**กลายเป็น “อภิสิทธิ์ชน”กันไปหมด !!!
**แล้วจะปรองดองกันได้ยังไง ลดความเหลื่อมล้ำอีท่าไหน ปิดหู ปิดตา ปิดปาก กันแบบนี้
คสช. กำลังผลักประชาชนออกไปไกลตัวทีละหน่อยๆ จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่มันไม่เหมือนกับที่ปากพร่ำบอก จะคืนความสุขให้ประชาชน ต่อไปหูตาของ คสช. จะไม่มีแล้ว จะไม่มีใครกล้าบอก กล้าเตือน ใครจะไปทำตำบอนที่ไหน คนของคสช. ใครที่เกี่ยวข้องกับ คสช. ไปทำอะไร ก็ไม่มีใครรู้ เพราะพูดถึงไม่ได้
แนวคิดของคสช. เป็นทัศนคติที่อันตราย เกรงกลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่กล้ายอมรับคำชมคำด่าแบบยืดอกตรงไปตรงมา กังวลว่าถ้าถูกวิจารณ์มากๆ กระแสจะเสีย งานจะล่มไม่เป็นท่า วิตกจริตมากไปหรือไม่ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ก็เอาใจช่วย ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็มีแต่เชียร์ให้ทำให้ดี เรียกว่าแก้ไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน
**คสช.เป็นรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจเบ็ดเสร็จในมืออยู่แล้ว ใครทำอะไรไม่ถูกต้อง สื่อไหนเสนอข่าวเป็นเท็จ บ่อนทำลาย ก็จัดการได้ทันทีอยู่แล้ว ไม่รู้จะออกประกาศออกมาเขย่าขวัญสั่นประสาทกันเพื่ออะไร ปิดหูปิดตาประชาชน ผลักมิตรไปเป็นศัตรูโดยใช่เหตุ
ไม่เคยมีคณะปฏิวัติชุดไหนออกคำสั่งห้ามปรามรุนแรงเท่าครั้งนี้ ถือเป็นกฎหมายร้ายแรงที่สุด กระทบสิทธิเสรีภาพอย่างฉกาจฉกรรจ์
เมื่อก่อนสื่อไหนผิดข้อกำหนด ก็เตือนก็บอกกันก่อน แต่มาคราครั้งนี้เขียนว่า ปิดทันที หยุดกิจการไปเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 97 ออกมา ปรากฏว่า ในสังคมโซเชียลมีเดีย มิได้เกรงกลัว นักเลงคีย์บอร์ดวิพากษ์วิจารณ์กันแป้นกระจุย สับแหลกแจกของลับกันสนั่นลั่นทุ่ง ก็ต้องบอก ต้องรายงานให้ คสช. ทราบเอาไว้ ...
**จะจองจำสิทธิเสรีภาพของคนไม่ได้ เพราะสุดท้ายผลร้ายจะตกกับตัวเอง
ไม่แน่ใจถึงเจตนาเบื้องลึกที่แท้จริง หากจะเป็นการกระชับคำสั่งเดิม ฉบับที่ 14 และ 18 ตามที่กล่าวอ้าง ก็ไม่น่าจะเขียนคำสั่งใหม่กว้างขวาง จำกัดสิทธิกันมากมายถึงเพียงนี้ เพราะมันกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งทางตรง และทางอ้อม
**จะปิดหูปิดตาประชาชนกันหมดแล้วหรืออย่างไร
คำสั่งคสช. ฉบับที่ 97 มีข้อกำหนดหลายประการ ห้ามเสนอข้อมูลข่าวสารต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของ คสช. เจ้าหน้าที่ของคสช. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ห้ามเฉียด ห้ามแตะต้องกันไปเลย สร้างความกังวลใจต่อใครหลายคน โดยเฉพาะสื่อสารมวลชน ที่หัวใจการทำงาน คือ การบอกเล่า วิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย
เพราะต้องไม่ลืมว่า คำสั่งนี้ ครอบคลุมไปถึงคนที่เกี่ยวข้องกับ คสช. เช่น ที่ปรึกษา 5-6 คน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล พวกนี้ห้ามเขียนถึงไปด้วย จะไปเคลื่อนไหวเปิดงาน ประมูล ตัดริบบิ้นอะไร ยังเขียนไม่ได้ ให้ความคุ้มครองคนเหล่านี้มากเกินไปหรือเปล่า ห้ามวิจารณ์อะไรเลยอย่างนั้นหรือ
และถ้ามองไกลไปอีกหน่อย ต่อไปจะต้องมีสภาปฏิรูป มี สนช. กรรมาธิการ ร่าง รัฐธรรมนูญ อีกหลายร้อยคน จะมีใครต่อใครที่คลอดออกมาจากการแต่งตั้งของคสช. เรื่อยๆ คนเหล่านี้จะแตะต้องไม่ได้เลย เพราะได้รับการคุ้มครองจาก คำสั่งฉบับที่ 97 นี้
**กลายเป็น “อภิสิทธิ์ชน”กันไปหมด !!!
**แล้วจะปรองดองกันได้ยังไง ลดความเหลื่อมล้ำอีท่าไหน ปิดหู ปิดตา ปิดปาก กันแบบนี้
คสช. กำลังผลักประชาชนออกไปไกลตัวทีละหน่อยๆ จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่มันไม่เหมือนกับที่ปากพร่ำบอก จะคืนความสุขให้ประชาชน ต่อไปหูตาของ คสช. จะไม่มีแล้ว จะไม่มีใครกล้าบอก กล้าเตือน ใครจะไปทำตำบอนที่ไหน คนของคสช. ใครที่เกี่ยวข้องกับ คสช. ไปทำอะไร ก็ไม่มีใครรู้ เพราะพูดถึงไม่ได้
แนวคิดของคสช. เป็นทัศนคติที่อันตราย เกรงกลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่กล้ายอมรับคำชมคำด่าแบบยืดอกตรงไปตรงมา กังวลว่าถ้าถูกวิจารณ์มากๆ กระแสจะเสีย งานจะล่มไม่เป็นท่า วิตกจริตมากไปหรือไม่ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ก็เอาใจช่วย ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็มีแต่เชียร์ให้ทำให้ดี เรียกว่าแก้ไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน
**คสช.เป็นรัฏฐาธิปัตย์ มีอำนาจเบ็ดเสร็จในมืออยู่แล้ว ใครทำอะไรไม่ถูกต้อง สื่อไหนเสนอข่าวเป็นเท็จ บ่อนทำลาย ก็จัดการได้ทันทีอยู่แล้ว ไม่รู้จะออกประกาศออกมาเขย่าขวัญสั่นประสาทกันเพื่ออะไร ปิดหูปิดตาประชาชน ผลักมิตรไปเป็นศัตรูโดยใช่เหตุ
ไม่เคยมีคณะปฏิวัติชุดไหนออกคำสั่งห้ามปรามรุนแรงเท่าครั้งนี้ ถือเป็นกฎหมายร้ายแรงที่สุด กระทบสิทธิเสรีภาพอย่างฉกาจฉกรรจ์
เมื่อก่อนสื่อไหนผิดข้อกำหนด ก็เตือนก็บอกกันก่อน แต่มาคราครั้งนี้เขียนว่า ปิดทันที หยุดกิจการไปเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 97 ออกมา ปรากฏว่า ในสังคมโซเชียลมีเดีย มิได้เกรงกลัว นักเลงคีย์บอร์ดวิพากษ์วิจารณ์กันแป้นกระจุย สับแหลกแจกของลับกันสนั่นลั่นทุ่ง ก็ต้องบอก ต้องรายงานให้ คสช. ทราบเอาไว้ ...
**จะจองจำสิทธิเสรีภาพของคนไม่ได้ เพราะสุดท้ายผลร้ายจะตกกับตัวเอง