ASTVผู้จัดการรายวัน- คนร้ายจ่อยิงหัว 2 นักศึกษาสาวฝึกงาน รพ.สมเด็จพระยุพราช ยะหา เสียชีวิตกลางตลาดนัดบ้านลากอ อ.ยะหา จ.ยะลา ส่วนกรณียิงรถโดยสาร สายนิคมกือลอง-ยะลา เชื่อฝีมือแนวร่วมใหม่ที่ผ่านการฝึกของ "ฮูไบดีละห์ รอมมือลี" แกนนำก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ เผย "เสี่ยโจ้"ขาใหญ่จริง ตัวถูกขังในเรือนจำปัตตานี แต่สรรพากรไม่กล้ายึดทรัพย์ใช้หนี้ภาษีย้อนหลัง 414 ล้าน ส่วนป่าไม้ไม่แจ้งจับ ทั้งที่พบไม่เถื่อนคาโรงค้าไม้ ปล่อยทหารเฝ้าไม่มีกำหนด เตรียมรายงานปัญหาถึง คสช. ช่วยจัดการ
เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (9 ก.ค.) ศูนย์วิทยุสภ.ยะหา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2 รายในตลาดนัดบ้านลากอ หมู่ 4 ต.ยะหา จึงแจ้งร.ต.ท.มนตรี วิจิตรเวช ร้อยเวรสภ.ยะหา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบนถนนในตลาดนัด พบศพน.ส.สุธีรา เพชรจันทร์ อายุ 29 ปี ชาวจ.สงขลา และน.ส.กุลรดี เพชรมาก อายุ 21 ปี ชาว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิงเข้าที่ศีรษะคนละ 1 นัด พบหัวกระสุนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองคน เป็นนักศึกษาวิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร จ.ยะลา มาฝึกงานที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุหลังเสร็จจากการฝึกงาน ได้เดินจากโรงพยาบาลมายังตลาดนัดเพื่อซื้ออาหาร คนร้ายเป็นชาย 2 คนแฝงตัวมากับชาวบ้าน ประกบยิงศีรษะ จากนั้นหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่ในพื้นที่สร้างสถานการณ์
พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงใส่รถโดยสาร สายนิคมกือลอง-ยะลา ทำให้ให้มีผู้บาดเจ็บ 8 คน เหตุเกิดที่หมู่ 3 บ้านบราแง ต.ปุโรง อ.กรงปินัง เมื่อเวลา 06.49 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ว่าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 3 ปลอก และขนาด 5.56 จำนวน 5 ปลอก สอบสวนทราบว่าช่วงเกิดเหตุรถโดยสารมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองยะลา มีวัยรุ่น 2 คน อายุประมาณ 20 ปีเศษ ดักรออยู่ทางเข้าบ้านบราแง ชักปืนพกยิงใส่รถ และใช้ปืนยาวยิงตาม แต่ในรถมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งยิงตอบโต้กลับไป ทำให้คนร้ายล่าถอยไปโดยใช้รถจักรยานยนต์
"เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มฝึกมาใหม่ เพราะยังเด็ก อายุประมาณ 20 ปี ถูกบ่มเพาะชักจูงในทางที่ผิด รวมทั้งเชื่อว่าการก่อเหตุในช่วงนี้จะได้บุญเป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตามการปิดล้อมตรวจค้นก็ไม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย มีเพียงการตรวจเก็บหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น"
พ.ต.อ.สุคนธ์ กล่าวว่า บ้านบราแงเป็นเขตรับผิดชอบของนายฮูไบดีละห์ รอมมือลี แกนนำที่มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายพื้นที่ โดยนายฮูไบดีละห์รับผิดชอบอ.ยะหา อ.กาบัง และอ.กรงปินัง
สำหรับความคืบหน้า หลังจากที่ได้มีการปิดล้อม ตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ เลขที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จตุพร กลัมพสูต รองผู้บังคับหน่วย และคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คดีนายสหชัยไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าตรวจสอบแจ้งผลพบว่ามีการกระทำความผิดจริง แต่กลับไม่แจ้งความเอาผิดตามขั้นตอน โดยเฉพาะสรรพกรจังหวัดปัตตานี จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้ดำเนินการกับทรัพย์สินของนายสหชัย ทั้งที่นายสหชัยถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปี 2555 และมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว โดยถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บเงินภาษีย้อนหลัง 414.2 ล้านบาท
สำหรับป่าไม้จังหวัดแจ้งผลการตรวจสอบไม้แปรรูป พบมีบางส่วนไม่มีตราประทับถูกต้อง แต่กลับไม่ดำเนินคดี ส่วนเงินสดและทรัพย์สินอีกหลายรายการ สรรพกรจังหวัดปัตตานีกลับไม่ยึดหรือพิทักษ์ทรัพย์ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลางตั้งแต่ปี 2555 เพื่อคืนหนี้ให้กับรัฐที่มีมูลค่าถึง 414.2 ล้านบาท แต่กลับบอกว่าไม่กล้า เพราะมีเรื่องความปลอดภัยมาเกี่ยวข้อง จึงปล่อยให้ทหารจัดเวรยามเฝ้าต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนนายสหชัยยังคงถูกฝากขังในเรือนจำกลางปัตตานีระหว่างการสอบสวน หลังจากที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
"ขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการติดตามคดีพิเศษ ที่แม่ทัพภาคที่ 4 แต่งตั้งขึ้น ได้บันทึกรายงานทั้งหมดให้ทาง คสช. ทราบแล้ว เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนจะทำเรื่องโย้กย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา"พ.อ.จตุพรกล่าว
เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (9 ก.ค.) ศูนย์วิทยุสภ.ยะหา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2 รายในตลาดนัดบ้านลากอ หมู่ 4 ต.ยะหา จึงแจ้งร.ต.ท.มนตรี วิจิตรเวช ร้อยเวรสภ.ยะหา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบนถนนในตลาดนัด พบศพน.ส.สุธีรา เพชรจันทร์ อายุ 29 ปี ชาวจ.สงขลา และน.ส.กุลรดี เพชรมาก อายุ 21 ปี ชาว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิงเข้าที่ศีรษะคนละ 1 นัด พบหัวกระสุนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองคน เป็นนักศึกษาวิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร จ.ยะลา มาฝึกงานที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุหลังเสร็จจากการฝึกงาน ได้เดินจากโรงพยาบาลมายังตลาดนัดเพื่อซื้ออาหาร คนร้ายเป็นชาย 2 คนแฝงตัวมากับชาวบ้าน ประกบยิงศีรษะ จากนั้นหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่ในพื้นที่สร้างสถานการณ์
พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงใส่รถโดยสาร สายนิคมกือลอง-ยะลา ทำให้ให้มีผู้บาดเจ็บ 8 คน เหตุเกิดที่หมู่ 3 บ้านบราแง ต.ปุโรง อ.กรงปินัง เมื่อเวลา 06.49 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ว่าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 3 ปลอก และขนาด 5.56 จำนวน 5 ปลอก สอบสวนทราบว่าช่วงเกิดเหตุรถโดยสารมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองยะลา มีวัยรุ่น 2 คน อายุประมาณ 20 ปีเศษ ดักรออยู่ทางเข้าบ้านบราแง ชักปืนพกยิงใส่รถ และใช้ปืนยาวยิงตาม แต่ในรถมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งยิงตอบโต้กลับไป ทำให้คนร้ายล่าถอยไปโดยใช้รถจักรยานยนต์
"เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มฝึกมาใหม่ เพราะยังเด็ก อายุประมาณ 20 ปี ถูกบ่มเพาะชักจูงในทางที่ผิด รวมทั้งเชื่อว่าการก่อเหตุในช่วงนี้จะได้บุญเป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตามการปิดล้อมตรวจค้นก็ไม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย มีเพียงการตรวจเก็บหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น"
พ.ต.อ.สุคนธ์ กล่าวว่า บ้านบราแงเป็นเขตรับผิดชอบของนายฮูไบดีละห์ รอมมือลี แกนนำที่มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายพื้นที่ โดยนายฮูไบดีละห์รับผิดชอบอ.ยะหา อ.กาบัง และอ.กรงปินัง
สำหรับความคืบหน้า หลังจากที่ได้มีการปิดล้อม ตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ เลขที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จตุพร กลัมพสูต รองผู้บังคับหน่วย และคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คดีนายสหชัยไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าตรวจสอบแจ้งผลพบว่ามีการกระทำความผิดจริง แต่กลับไม่แจ้งความเอาผิดตามขั้นตอน โดยเฉพาะสรรพกรจังหวัดปัตตานี จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้ดำเนินการกับทรัพย์สินของนายสหชัย ทั้งที่นายสหชัยถูกศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปี 2555 และมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว โดยถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บเงินภาษีย้อนหลัง 414.2 ล้านบาท
สำหรับป่าไม้จังหวัดแจ้งผลการตรวจสอบไม้แปรรูป พบมีบางส่วนไม่มีตราประทับถูกต้อง แต่กลับไม่ดำเนินคดี ส่วนเงินสดและทรัพย์สินอีกหลายรายการ สรรพกรจังหวัดปัตตานีกลับไม่ยึดหรือพิทักษ์ทรัพย์ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลางตั้งแต่ปี 2555 เพื่อคืนหนี้ให้กับรัฐที่มีมูลค่าถึง 414.2 ล้านบาท แต่กลับบอกว่าไม่กล้า เพราะมีเรื่องความปลอดภัยมาเกี่ยวข้อง จึงปล่อยให้ทหารจัดเวรยามเฝ้าต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนนายสหชัยยังคงถูกฝากขังในเรือนจำกลางปัตตานีระหว่างการสอบสวน หลังจากที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
"ขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการติดตามคดีพิเศษ ที่แม่ทัพภาคที่ 4 แต่งตั้งขึ้น ได้บันทึกรายงานทั้งหมดให้ทาง คสช. ทราบแล้ว เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนจะทำเรื่องโย้กย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา"พ.อ.จตุพรกล่าว
