เข้าสู่เดือนที่สองของห้วงเวลาที่ประเทศไทย อยู่ภายใต้การปกครองของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (คสช.) ที่นำโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช.
ตลอดช่วงเดืนแรกที่เข้ามา จนถึงตอนนี้ คสช.ประกาศเดินหน้าในหลายเรื่องที่รัฐบาลเกือบทุกชุดไม่กล้าทำ และไม่อยากทำ เพราะเกรงว่าจะกระทบผลประโยชน์ที่โยงใยมาถึงทุนการเมืองของพรรคพวกตัวเอง
ยาเสพติด บ่อนการพนัน ตู้ม้า-ตู้สล็อต โต๊ะบอล พนันออนไลน์ ไม้เถื่อน เงินกู้นอกระบบ วินรถตู้-มอเตอร์ไซต์รับจ้างฯลฯ ต่างๆนานาที่มีสีเทาจนไปถึงสีดำเข้ม เส้นเล็กเส้นใหญ่ขนาดไหน ก็เจอฤทธิ์ คสช.กันแบบถ้วนหน้า
เรื่องหนึ่งที่ได้รับเชียร์กระหึ่มประเทศ และถูกจับตามากที่สุด หนีไม่พ้นการ “กำหนดราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล” ซึ่งยังมีการขายเกินราคาที่หน้าสลากพิมพ์แบบตัวโตๆว่า 80 บาท จนฝังรากลึกเคยชินกันไป
รู้กันดีในหมู่ผู้นิยมเสี่ยงโชคผ่านการซื้อล็อตเตอรี่ว่า ราคาตลาดปัจจุบันไม่ต่ำกว่าคู่ละ 90 บาท จนถึง 120 บาท ส่วนที่จัดชุด 2-10 คู่ยิ่งแพงขึ้นไปอีก สตาร์ทกันที่ 110 บาท
หรือเลขเด่น-เลขดังบางงวดราคาถีบสูงไปถึงคู่ละ 150-200 บาทก็มี
ถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบกันแบบโจ่งครึ่ม แต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้ ทนก้มหน้าซื้อกันต่อไป
พลันที่ “บิ๊กตู่” ขึงขังว่าจะเข้ามาตรวจสอบเรื่อง และจะทำให้ราคาเป็นธรรม บรรดา “คอหวย” ก็ดีอกดีใจว่าต่อไปนี้จะได้ซื้อล็อตเตอรี่ที่ราคา 80 บาท
เมื่อติดตามไถ่ถามความคืบหน้ากันมากเข้า ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ว่าตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.เป็นต้นไปจะมีการตีกรอบให้ขายล็อตเตอรี่คู่ละ 80 บาททั่วประเทศ
แต่ไม่ทันไรจุดยืนของ คสช.ในเรื่องนี้ก็สร้างความประหลาดใจให้กับกองเชียร์เป็นอย่างมาก เพราะทำได้เพียง "ขอความร่วมมือ" ผู้ค้าให้อย่าขายสลากเกินราคาจนน่าเกลียด วางกรอบกว้างๆไว้ว่าไม่ควรเกินคู่ละ 90-92 บาท
ส่วนใครอยากซื้อในราคาพาร์ 80 บาทต่อคู่ก็ให้ไปที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งร้ฐบาลที่ตอนนี้ตั้งอยู่สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นู่น หรือที่ศาลากลางของบางจังหวัดอาจใจดีขายราคานี้ด้วย
กลายเป็นว่า คสช.อ่อนข้อให้กับปัญหาหวยเกินราคาอย่างน่าฉงน สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะม่อำนาจคับประเทศ แต่งานนี้ชนตอเข้าอย่างจัง
โดยเฉพาะสุ่มเสียงของ "บิ๊กตู่" ผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ระบุเองว่า ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเห็นใจประชาชนเป็นอย่าง แต่เวลานี้ คสช.ทำได้เพียงขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายไม่ให้ขายล็อตเตอรี่เกินจากเพดาน 92 บาท
แถมย้ำด้วยว่า ยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายใดๆออกมาบังคับ เสมือนชี้ช่องว่า ขายเกินราคากันต่อไปได้ ยังไม่ผิดกฎหมาย
ช่วงหนึ่ง "บิ๊กตู่" พูดว่า เหตุที่ไม่สามารถเข้มงวดแบเรื่องนี้ไอ้ เพราะผู้ค้ายังติด "สัญญาเดิม" อยู่
จนเป็นที่มาของข้อสงสัยว่า สัญญาที่อ้างถึงนั้นรายละเอียดเป็นอย่างไร
ทราบกันดีว่า การขาย “ล็อตเตอรี่" แต่ละงวดของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นเป็นระบบ "โควต้า" มานานแสนนานแล้ว สนนราคาต้นน้ำที่ออกจากสำนักงานสลากฯ อยู่ที่ 72.50 บาทต่อคู่ไม่ขาดไม่เกิน จะมีก็เพียงผู้พิการที่ได้รับการลดหย่อนอยู่ที่คู่ละ 71.50 บาท
“ผู้ค้ารายใหญ่” หรือในวงการเรียกว่า "ตั้วปั๊ว" นั้นก็มาบวกราคาเพิ่มเติมก่อนปล่อยให้ "ยี่ปั๋ว-ซาปั๊ว" รับช่วงไปขายต่อ กว่าจะถึงปลายทางหรือบรรดาผู้ค้าเร่ ราคาก็พุ่งทะยานไปเกินกว่า 80 บาทต่อคู่แล้ว
เป็นที่มาของสลากที่ราคาสูงกว่าที่กำหนด เพราะบวกกำไรกันหลายทอดหลายเท
ส่วนต่างที่เกิดขึ้น ทางสำนักงานสลากฯไม่มีเอี่ยวด้วยซ้ำ งานนี้บรรดา "ตั้วปั๋ว-ยี่ปั๊ว" นอนตีพุงสบายสุดๆ เพราะไม่ฟันกำไรงามๆ แบบไม่ต้องเหนื่อส แถมยังไม่ต้องแบกรับภาระความเสี่ยง เพราะโควต้าในมือมีผู้จับจองรับช่วงต่อล่วงหน้าหลายงวด ไม่มีภาวะความเสี่ยงต้องถือไว้เอง หากขายไม่หมด เหมือนกับบรรดาผู้ค้ารายย่อย
"ตั้วปั๊ว" ที่อิ่มหมีพลีมันอยู่ตอนนี้ก็ “แก๊งค์ 5 เสือ” กับอีก “1 หมา” ผู้ทรงอิทธิพลในวงการ “ล็อตเตอรี่” ยังอยู่กับครบครัน คนในวงการรู้กันดีว่ามีใครบ้าง แล้วมีหรือที่ คสช.จะไม่รู้
"สัญญาเดิม" ที่ "บิ๊กตู่" พูดถึงเมื่อวันก่อน ก็หนีไม่พ้น “แก๊ง 5 เสือ 1 หมา” ที่เซ็นสัญญาผูกมัดไว้กับสำนักงานสลากฯ ถือโควต้าจัดจำหน่ายล็อตเตอรี่กันไวัในมือ
ร้ายไปกว่านั้น "สัญญาเดิม" ที่ว่าเพิ่งเซ็นกันไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานี่เอง อายุสัญญาก็ไม่มากไม่น้อย กินยาวกันไป 2 ปี 48 งวด โดยที่ผ่านมาเมื่อผ่านไป 1 ปีก็จะมีการพิจารณาต่อสัญญากันหนหนึ่ง
แม้จะขึ้นชื่อว่า "สัญญา" แต่ข้อเท็จจริงปรากฎชัดว่า ผู้ได้รับโควต้าทำผิดสัญญาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการจำหน่ายสลากเกินราคา ดังนั้นสำนักงานสลากฯในฐานะผู้รับผิดชอบก็สามารถยกเลิกสัญญาได้อย่างไม่ยากเย็น
คสช.เองก็ทาาบดีว่า ทุบโต๊ะเปรี้ยงเดียวสัญญาที่ว่าก็ปลิวไปแบบไร้ร่องรอย แตืในทางกลับกัน คสช.ยังให้ท้ายว่า เมื่อสัญญาดังกล่าวหมดลง จะไม่ยอมให้ต่อสัญญาลักษณะที่ว่านี้อีก แล้วจึงเอาจริงเอาจังออกมาตรการเกี่ยวกับการจำหน่ายล็อตเตอรี่เกินราคา
ถามว่าเมื่อใด นับนิ้วถึงตอนนี้ก็อีกราวปีครึ่ง หรืออีกกว่า 40 งวดกันเลยทีเดียว ถึงวันนั้นแล้วจุดยืนของ คสช.หรือผู้มีอำนาจในตอนนั้นจะเปลี่ยนไปอีกหรือไม่
จากที่เคยขึงขังจะเอาจริงเอาจังในทุกๆเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่กลับโอนอ่อนผ่อนตามกับเรื่องที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง แถมเรียกคะแนนนิยมได้เพียบ
หนีไม่พ้นกับเครื่องหมายคำถามที่มีต่อภาพลักษณ์ ของ คสช.ที่เคยแข็งกร้าวกับทุกเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลับมาส่อพิรุธกับเรื่อง “หวย” ซึ่งอยู่ในความสนใจของคนไทยทั้งชาติ
จนมีคำถามว่า คสช.กินอะไรเข้าไปเสียงจึงเพี้ยน จากแข็งกลายเป็นอ่อนฉับพลันขนาดนี้
ตลอดช่วงเดืนแรกที่เข้ามา จนถึงตอนนี้ คสช.ประกาศเดินหน้าในหลายเรื่องที่รัฐบาลเกือบทุกชุดไม่กล้าทำ และไม่อยากทำ เพราะเกรงว่าจะกระทบผลประโยชน์ที่โยงใยมาถึงทุนการเมืองของพรรคพวกตัวเอง
ยาเสพติด บ่อนการพนัน ตู้ม้า-ตู้สล็อต โต๊ะบอล พนันออนไลน์ ไม้เถื่อน เงินกู้นอกระบบ วินรถตู้-มอเตอร์ไซต์รับจ้างฯลฯ ต่างๆนานาที่มีสีเทาจนไปถึงสีดำเข้ม เส้นเล็กเส้นใหญ่ขนาดไหน ก็เจอฤทธิ์ คสช.กันแบบถ้วนหน้า
เรื่องหนึ่งที่ได้รับเชียร์กระหึ่มประเทศ และถูกจับตามากที่สุด หนีไม่พ้นการ “กำหนดราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล” ซึ่งยังมีการขายเกินราคาที่หน้าสลากพิมพ์แบบตัวโตๆว่า 80 บาท จนฝังรากลึกเคยชินกันไป
รู้กันดีในหมู่ผู้นิยมเสี่ยงโชคผ่านการซื้อล็อตเตอรี่ว่า ราคาตลาดปัจจุบันไม่ต่ำกว่าคู่ละ 90 บาท จนถึง 120 บาท ส่วนที่จัดชุด 2-10 คู่ยิ่งแพงขึ้นไปอีก สตาร์ทกันที่ 110 บาท
หรือเลขเด่น-เลขดังบางงวดราคาถีบสูงไปถึงคู่ละ 150-200 บาทก็มี
ถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบกันแบบโจ่งครึ่ม แต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้ ทนก้มหน้าซื้อกันต่อไป
พลันที่ “บิ๊กตู่” ขึงขังว่าจะเข้ามาตรวจสอบเรื่อง และจะทำให้ราคาเป็นธรรม บรรดา “คอหวย” ก็ดีอกดีใจว่าต่อไปนี้จะได้ซื้อล็อตเตอรี่ที่ราคา 80 บาท
เมื่อติดตามไถ่ถามความคืบหน้ากันมากเข้า ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ว่าตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.เป็นต้นไปจะมีการตีกรอบให้ขายล็อตเตอรี่คู่ละ 80 บาททั่วประเทศ
แต่ไม่ทันไรจุดยืนของ คสช.ในเรื่องนี้ก็สร้างความประหลาดใจให้กับกองเชียร์เป็นอย่างมาก เพราะทำได้เพียง "ขอความร่วมมือ" ผู้ค้าให้อย่าขายสลากเกินราคาจนน่าเกลียด วางกรอบกว้างๆไว้ว่าไม่ควรเกินคู่ละ 90-92 บาท
ส่วนใครอยากซื้อในราคาพาร์ 80 บาทต่อคู่ก็ให้ไปที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งร้ฐบาลที่ตอนนี้ตั้งอยู่สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นู่น หรือที่ศาลากลางของบางจังหวัดอาจใจดีขายราคานี้ด้วย
กลายเป็นว่า คสช.อ่อนข้อให้กับปัญหาหวยเกินราคาอย่างน่าฉงน สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะม่อำนาจคับประเทศ แต่งานนี้ชนตอเข้าอย่างจัง
โดยเฉพาะสุ่มเสียงของ "บิ๊กตู่" ผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ระบุเองว่า ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเห็นใจประชาชนเป็นอย่าง แต่เวลานี้ คสช.ทำได้เพียงขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายไม่ให้ขายล็อตเตอรี่เกินจากเพดาน 92 บาท
แถมย้ำด้วยว่า ยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายใดๆออกมาบังคับ เสมือนชี้ช่องว่า ขายเกินราคากันต่อไปได้ ยังไม่ผิดกฎหมาย
ช่วงหนึ่ง "บิ๊กตู่" พูดว่า เหตุที่ไม่สามารถเข้มงวดแบเรื่องนี้ไอ้ เพราะผู้ค้ายังติด "สัญญาเดิม" อยู่
จนเป็นที่มาของข้อสงสัยว่า สัญญาที่อ้างถึงนั้นรายละเอียดเป็นอย่างไร
ทราบกันดีว่า การขาย “ล็อตเตอรี่" แต่ละงวดของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นเป็นระบบ "โควต้า" มานานแสนนานแล้ว สนนราคาต้นน้ำที่ออกจากสำนักงานสลากฯ อยู่ที่ 72.50 บาทต่อคู่ไม่ขาดไม่เกิน จะมีก็เพียงผู้พิการที่ได้รับการลดหย่อนอยู่ที่คู่ละ 71.50 บาท
“ผู้ค้ารายใหญ่” หรือในวงการเรียกว่า "ตั้วปั๊ว" นั้นก็มาบวกราคาเพิ่มเติมก่อนปล่อยให้ "ยี่ปั๋ว-ซาปั๊ว" รับช่วงไปขายต่อ กว่าจะถึงปลายทางหรือบรรดาผู้ค้าเร่ ราคาก็พุ่งทะยานไปเกินกว่า 80 บาทต่อคู่แล้ว
เป็นที่มาของสลากที่ราคาสูงกว่าที่กำหนด เพราะบวกกำไรกันหลายทอดหลายเท
ส่วนต่างที่เกิดขึ้น ทางสำนักงานสลากฯไม่มีเอี่ยวด้วยซ้ำ งานนี้บรรดา "ตั้วปั๋ว-ยี่ปั๊ว" นอนตีพุงสบายสุดๆ เพราะไม่ฟันกำไรงามๆ แบบไม่ต้องเหนื่อส แถมยังไม่ต้องแบกรับภาระความเสี่ยง เพราะโควต้าในมือมีผู้จับจองรับช่วงต่อล่วงหน้าหลายงวด ไม่มีภาวะความเสี่ยงต้องถือไว้เอง หากขายไม่หมด เหมือนกับบรรดาผู้ค้ารายย่อย
"ตั้วปั๊ว" ที่อิ่มหมีพลีมันอยู่ตอนนี้ก็ “แก๊งค์ 5 เสือ” กับอีก “1 หมา” ผู้ทรงอิทธิพลในวงการ “ล็อตเตอรี่” ยังอยู่กับครบครัน คนในวงการรู้กันดีว่ามีใครบ้าง แล้วมีหรือที่ คสช.จะไม่รู้
"สัญญาเดิม" ที่ "บิ๊กตู่" พูดถึงเมื่อวันก่อน ก็หนีไม่พ้น “แก๊ง 5 เสือ 1 หมา” ที่เซ็นสัญญาผูกมัดไว้กับสำนักงานสลากฯ ถือโควต้าจัดจำหน่ายล็อตเตอรี่กันไวัในมือ
ร้ายไปกว่านั้น "สัญญาเดิม" ที่ว่าเพิ่งเซ็นกันไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานี่เอง อายุสัญญาก็ไม่มากไม่น้อย กินยาวกันไป 2 ปี 48 งวด โดยที่ผ่านมาเมื่อผ่านไป 1 ปีก็จะมีการพิจารณาต่อสัญญากันหนหนึ่ง
แม้จะขึ้นชื่อว่า "สัญญา" แต่ข้อเท็จจริงปรากฎชัดว่า ผู้ได้รับโควต้าทำผิดสัญญาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการจำหน่ายสลากเกินราคา ดังนั้นสำนักงานสลากฯในฐานะผู้รับผิดชอบก็สามารถยกเลิกสัญญาได้อย่างไม่ยากเย็น
คสช.เองก็ทาาบดีว่า ทุบโต๊ะเปรี้ยงเดียวสัญญาที่ว่าก็ปลิวไปแบบไร้ร่องรอย แตืในทางกลับกัน คสช.ยังให้ท้ายว่า เมื่อสัญญาดังกล่าวหมดลง จะไม่ยอมให้ต่อสัญญาลักษณะที่ว่านี้อีก แล้วจึงเอาจริงเอาจังออกมาตรการเกี่ยวกับการจำหน่ายล็อตเตอรี่เกินราคา
ถามว่าเมื่อใด นับนิ้วถึงตอนนี้ก็อีกราวปีครึ่ง หรืออีกกว่า 40 งวดกันเลยทีเดียว ถึงวันนั้นแล้วจุดยืนของ คสช.หรือผู้มีอำนาจในตอนนั้นจะเปลี่ยนไปอีกหรือไม่
จากที่เคยขึงขังจะเอาจริงเอาจังในทุกๆเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่กลับโอนอ่อนผ่อนตามกับเรื่องที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง แถมเรียกคะแนนนิยมได้เพียบ
หนีไม่พ้นกับเครื่องหมายคำถามที่มีต่อภาพลักษณ์ ของ คสช.ที่เคยแข็งกร้าวกับทุกเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลับมาส่อพิรุธกับเรื่อง “หวย” ซึ่งอยู่ในความสนใจของคนไทยทั้งชาติ
จนมีคำถามว่า คสช.กินอะไรเข้าไปเสียงจึงเพี้ยน จากแข็งกลายเป็นอ่อนฉับพลันขนาดนี้