ASTVผู้จัดการรายวัน – “ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่นฯ” เครือสหพัฒน์ แตกไลน์ธุรกิจ นำร่องซื้อขายมันเส้นให้ตปท. จัดหาวัตถุดิบอาหารให้โรงพยาบาล ต่อยอดโลจิสติกส์ เตรียมพร้อมรับเออีซี ซุ่มร่วมทุนพันธมิตรรับงานโลจิสติกส์เปิดเออีซี ล่าสุดผนึกเอ็มเคกรุ๊ปตั้งบริษัทในพม่า
นายวิเชียร กันตถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติคส์ จำกัด ในเครือสหพัฒน์ ผู้ให้บริการโลจิสติคส์ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯมีนโยบายที่จะขยายไลน์ธุรกิจต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยไทยนั้นในปีนี้ได้เริ่มขยายธุรกิจซื้อมาขายไปด้วยการทำระบบโลจิสติกส์เองคือ การรับซื้อมันเส้นจากทางเกษตรกรเพื่อนำไปขายต่อในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ผ่านระบบโลจิสติกส์ของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นธุรกิจที่ดีไม่น้อย
นอกจากนั้นยังได้ขยายไลน์ธุรกิจในการเป็นผู้จัดหาสินค้าวัตถุดิบอาหารให้กับโรงอาหารของโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งที่เป็นลูกค้าขณะนี้คือ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลที่อยุธยา ที่จันทบุรี เป็นต้น รวม 5 แห่ง คาดว่าจะมีรายได้ในปีแรกนี้ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงการเปิดบริการขนส่งแบบเอ็กซ์เพรส ที่ส่งของเร็วทั่วประเทศด้วยการลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท ลงทุนซื้อรถขนส่งขนาดเล็ก ประมาณ 15 คัน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นร้านค้าย่อย ธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นต้น ซึ่งธุรกิจพวกนี้จะเติบโตมากขึ้นในอนาคตและความต้องการในการส่งสินค้าจะมีมาก
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เออีซี ลอจิสติกส์ เพื่อร่วมถือหุ้นขยายธุรกิจและศักยภาพของบริษัทฯให้มากขึ้น และรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซี ที่จะมีผลในปี 2558 อีกด้วย เนื่องจากพันธมิตรรายนี้มีเป้าหมายใหญ่ในการรองรับการบริการในตลาดเออีซีเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่อีกทั้งหลังเปิดเออีซีแล้วการค้าขายในย่านนี้จะมีการเติบโตมากขึ้นและความต้องการด้านโลจิสติกส์ก็จะมีเพิ่มตามไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายวิเชียรกล่าวว่า นอกจากพันธมิตรรายนี้แล้ว ในการเตรียมพร้อมรับเออีซีของบริษัทฯก็มีอีกเช่นกัน ซึ่งล่าสุดได้ลงนามเซ็นสัญญาร่วมทุนกับทางกลุ่มบริษัท เอ็มเคกรุ๊ป ของเมียนมาร์ ด้วยการจัดตั้งบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติคส์ (เมียนมาร์) จำกัดทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ฝ่ายไทยเราถือหุ้น 60% เอ็มเคกรุ๊ปเมียนมาร์ถือหุ้นอยู่ 40% ตั้งที่เมียนมาร์เพื่อดำเนินธุรกิจทางด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ซึ่งในเมียนมาร์นี้นับได้ว่าธุรกิจครบวงจรแบบนี้แทบจะไม่ค่อยมี เพราะส่วนใหญ่ระบบของประเทศเขายังไม่แข็งแรงดีพอ ลักษณะต่างคนต่างทำ
นายวิเชียร กันตถาวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติคส์ จำกัด ในเครือสหพัฒน์ ผู้ให้บริการโลจิสติคส์ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯมีนโยบายที่จะขยายไลน์ธุรกิจต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยไทยนั้นในปีนี้ได้เริ่มขยายธุรกิจซื้อมาขายไปด้วยการทำระบบโลจิสติกส์เองคือ การรับซื้อมันเส้นจากทางเกษตรกรเพื่อนำไปขายต่อในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ผ่านระบบโลจิสติกส์ของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นธุรกิจที่ดีไม่น้อย
นอกจากนั้นยังได้ขยายไลน์ธุรกิจในการเป็นผู้จัดหาสินค้าวัตถุดิบอาหารให้กับโรงอาหารของโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งที่เป็นลูกค้าขณะนี้คือ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลที่อยุธยา ที่จันทบุรี เป็นต้น รวม 5 แห่ง คาดว่าจะมีรายได้ในปีแรกนี้ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงการเปิดบริการขนส่งแบบเอ็กซ์เพรส ที่ส่งของเร็วทั่วประเทศด้วยการลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท ลงทุนซื้อรถขนส่งขนาดเล็ก ประมาณ 15 คัน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นร้านค้าย่อย ธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นต้น ซึ่งธุรกิจพวกนี้จะเติบโตมากขึ้นในอนาคตและความต้องการในการส่งสินค้าจะมีมาก
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เออีซี ลอจิสติกส์ เพื่อร่วมถือหุ้นขยายธุรกิจและศักยภาพของบริษัทฯให้มากขึ้น และรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซี ที่จะมีผลในปี 2558 อีกด้วย เนื่องจากพันธมิตรรายนี้มีเป้าหมายใหญ่ในการรองรับการบริการในตลาดเออีซีเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่อีกทั้งหลังเปิดเออีซีแล้วการค้าขายในย่านนี้จะมีการเติบโตมากขึ้นและความต้องการด้านโลจิสติกส์ก็จะมีเพิ่มตามไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายวิเชียรกล่าวว่า นอกจากพันธมิตรรายนี้แล้ว ในการเตรียมพร้อมรับเออีซีของบริษัทฯก็มีอีกเช่นกัน ซึ่งล่าสุดได้ลงนามเซ็นสัญญาร่วมทุนกับทางกลุ่มบริษัท เอ็มเคกรุ๊ป ของเมียนมาร์ ด้วยการจัดตั้งบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติคส์ (เมียนมาร์) จำกัดทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ฝ่ายไทยเราถือหุ้น 60% เอ็มเคกรุ๊ปเมียนมาร์ถือหุ้นอยู่ 40% ตั้งที่เมียนมาร์เพื่อดำเนินธุรกิจทางด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ซึ่งในเมียนมาร์นี้นับได้ว่าธุรกิจครบวงจรแบบนี้แทบจะไม่ค่อยมี เพราะส่วนใหญ่ระบบของประเทศเขายังไม่แข็งแรงดีพอ ลักษณะต่างคนต่างทำ
