xs
xsm
sm
md
lg

ชำแหละ“บ่อนเบี้ยพิษณุโลก”ส่วยสะพัด 5 ล้านอัปต่อเดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) กองทัพภาคที่ 3 นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าฯ พิษณุโลก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่บุกทลายบ่อนภายใน โรงแรมลาพาโลมา
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในเรื่องราวตำนานบ่อนเบี้ยอากรในสยามประเทศ กล่าวกันมาเนิ่นนานว่า “ยามไม่มีศึกสงคราม ผู้คนค้าขายปกติ เงินอากรบ่อนเบี้ยก็ดีขึ้นตามความเจริญ เก็บหมดทั้งไพ่จีน ไพ่ไทย วิ่งวัวควาย แข่งเรือ ชนไก่ กัดปลา ฯลฯ”

นายอากรบ่อนเบี้ย ต้องเสียภาษีก่อน ถึงจะเล่นได้ ใครอยากเป็นนายบ่อนฯ ท้องที่ไหน ก็ทำเรื่องราวยื่นต่อเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติว่าจะขอผูกอากรบ่อนเบี้ย ยินยอมส่งเงินหลวงปีละเท่านั้น จะตั้ง “บ่อนเบี้ย”ท้องที่ใด มากน้อยสักกี่แห่งก็ได้ ขอให้พอเหมาะแก่ผู้คนท้องที่นั้นๆ จะแทงได้สะดวกทั่วกัน

บ่งชี้ให้เห็นว่า แท้จริงแล้วบ่อนเบี้ยการพนัน มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้
….

การจับกุมบ่อนที่พิษณุโลก ของทหารทัพภาค 3 ที่เข้าทลายบ้านหลังหนึ่ง ข้างๆ โรงแรมลาพาโลมา ถ.ศรีธรรมไตรปิฎก อ.เมืองพิษณุโลก ที่มีถนนซอยกั้นขวาง แต่มีประตูเชื่อมไปมาระหว่างกันได้ตลอด และบนอาคารจอดรถชั้น 5 ของโรงแรมฯ ปรากฏหลักฐาน รถจักรยานยนต์ 212 คันและรถยนต์จำนวน 13 คันเป็นของกลางที่เซียนพนันวางจำนำไว้กับนายอากรบ่อนเบี้ย

โรงแรมลาพาโลมา ของ “เฮียเคี้ยง”หรือนายกริช จินต์วุฒิ เคยใช้จัดเวทีชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) อยู่บ่อยครั้ง กลายเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่ถูก พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บังคับการกองพลทหารราบที่ 4 (รอง ผบ.พล.ร.4 ) พร้อมกำลังตรวจค้นห้องพัก สุดท้ายก็เจออุปกรณ์การเล่นไพ่ตามห้องวีไอพีต่างๆ

แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือ บ้านของหลานชายวัยหนุ่ม “เสี่ยติ่ง” ที่นำอาคารมาดัดแปลงเป็นสถานที่เปิดให้เล่นบ่อนเบี้ย ถือว่า เป็น 1 ใน 5 นายอากรบ่อนเบี้ยขาใหญ่พิษณุโลก ที่กำลังทหารบุกจู่โจมตรวจพบสำรับไพ่ กุญแจรถ, สมุดทะเบียนขนส่งฯลฯของกลางหรือสิ่งของบรรดานักพนันดวงตกวางจำนำของไว้กับบ่อน

นายเฉลิม อายุ 25 ปีแรงงานชาวพม่าให้การว่า ตนเคยมาทำงานโรงแรม ก่อนจะย้ายมาทำงานในบ่อนการพนันได้ 2 เดือนแล้ว รับค่าจ้าง 9,000 บาท ก่อนหน้ามีการเปิดบ่อนเล่นการพนันทุกวัน โดยเปิดให้นักพนันเข้ามาเล่นตั้งแต่เวลา 11.00 น.ไปจนถึง 02.00 น. โดยนักพนันที่จะเข้ามาในบ่อนจะต้องมาก่อนเวลา หากเกินเวลาที่กำหนด ไม่อนุญาตใครเข้าไปด้านใน และบ่อนเพิ่งปิดไปได้ 8 วัน หลังทหารประกาศกฎอัยการศึก

แหล่งข่าวเซียนพนันระบุว่า คนที่โรงแรมลาพาโลมาไม่ยำเกรงต่อกฎอัยการศึก มีการชักชวนเซียนพนันจากบ่อนอื่นในจังหวัดพิษณุโลกมาเล่น ถือว่าไม่ให้เกียรติทหาร แม้จะอ้างมีผู้คุ้มหัวบารมียิ่งใหญ่คุมบ่อนเบี้ยเพียงใดก็ตาม

เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ กำลังทหารกองทัพภาคที่ 3 จึงจู่โจมทลายบ่อนเป็นรายแรก

ว่ากันว่า มีสัญญาณเตือนก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ทหารจะบุกทลายบ่อนเบี้ยแห่งนี้ เมื่อเงินระดับ 7 หลัก หรือประมาณ 3 ล้านบาท ที่เคยส่งจากนายอากรบ่อนเบี้ยขึ้นไปคลังฯ ตามปกตินั้น ถูกตีคืนกลับ!!

วันรุ่งขึ้น กำลังทหารจาก พล.ร.4. ก็เปิดฉาก ไล่ล่า บ่อนอีก 4 จุดในเขตเทศบาลเมืองพิษณุโลก โดยเฉพาะซอยดีอินทร์ และป่าช้าจีน แต่กลับต้องเจอสภาพว่างเปล่า เพราะนายบ่อนฯ ไหวตัวก่อน


จนทำให้ พล.ต.คู่ชีพ เลิศหงิม ผู้บังคับการกองพลทหารราบที่ 4 (ผบ.พล.ร.4) , นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ,นายภาสกร บุญญลักษม์ นายอำเภอเมืองพิษณุโลก ,พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สะอาดพรรค รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจำใจต้องกวาดบ่อนร้างๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในเป้าหมายจุดสุดท้าย คือ บ้านเลขที่ 26/1 ถนนปราบไตรจักร อ.เมือง จ.พิษณุโลก ใกล้สี่แยกบ้านคลอง ทางเข้าวัดยาง กำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองบุกตรวจพบว่า ห้องถูกแบ่งไว้ 3 ห้องรื้อสิ่งของออกไปหมด แม้กระทั่งกล้องวงจรปิด แต่ก็เจอสำรับไพ่จำนวน 186 ตลับไว้เป็นหลักฐาน ภายในห้องโถงอันว่างเปล่า

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า บ่อนใหญ่ๆ ในเมืองพิษณุโลกมีอยู่ 5 ราย เช่น บ่อน “เจ๊เรือน-เจ๊ติ๋ม(ป่าช้าจีน)-เจ๊แม้ว” เคยได้รับอนุญาตส่งส่วย รวมไปถึงบ่อนของ “เสี่ยติ่ง-ลาพาโลมา ”ที่ถูกจับรายแรก และ เจ๊เบี้ยว(มะลิ)ที่ถูกจับครั้งล่าสุด เม็ดเงินจากนายอากรบ่อนเบี้ย ถูกส่งขึ้นต่อให้เจ้าพนักงานคลัง ราว 5 ล้านบาทต่อเดือนเป็นอย่างต่ำ

งานนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดง ของ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) กองทัพภาคที่ 3 สั่งเดินหน้าตามคำสั่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่ให้บังคับใช้กฎหมาย ห้ามให้เล่นการพนัน การกระทำใดสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด ไม่ว่าอาวุธสงคราม ยาเสพติด ฯลฯ โดยมีนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และ พล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบช.ภ.6 ร่วมกวาดล้างอบายมุขครั้งนี้

งานนี้ทำเอานายตำรวจบาดเจ็บไป 4 นาย คือ พล.ต.ต.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 6 ,พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก , พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ โล่ห์สุวรรณ ผู้กำกับการ สภ.เมืองพิษณุโลก และ พ.ต.อ.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้กำกับกลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ถูกผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 มีคำสั่งให้ช่วยราชการที่ตำรวจภูธรภาค 6

แต่คำถามก็คือ บ่อนในพิษณุโลกหมดรึยัง !!

เพราะตามหลักการแล้ว บ่อนใหญ่ๆ ทั้ง 5 แห่ง คือ เจ๊เบี้ยว, เจ๊ติ๋ม(ป่าช้าจีน), เจ๊เรือน, เจ๊แม้ว และติ่ง-ลาพา จะต้องมีสถานที่สำรองอีก คนละแห่ง (เท่ากับ10 บ่อน) เพื่อเตรียมไว้เป็นบ่อนสำรอง เพราะ จนท.ไม่ต้องการให้บ่อนเปิดนาน บ่อนต้องย้ายไปย้ายมา เรียกว่า ต้องโยกทุก 15 วัน เพื่อสะดวกด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ขณะที่แหล่งข่าววงในการพนันยืนยันว่า ยังมีบ่อนเล็ก บ่อนน้อยกระจายอยู่ แต่บ่อนพวกนี้ ถือว่าส่ง “ส่วย”นอกรายการหลัก ตัวเลขเงินมากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของบ่อน แต่อยู่ในระดับหลักหมื่นบาท ยิ่งบ่อนเล็กๆ อาจเก็บไว้ใช้จ่ายกันเอง แทบไม่ต้องส่งส่วยถึงนาย

และที่สำคัญนี่เป็นเพียงบ่อนเบี้ย 1 ใน 77 จังหวัดทั่วไทย ที่มีอยู่จริง!!



ของกลางที่เจ้าหน้าที่ยึดได้เป็นจำนวนมาก
รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่นักพนันจำนำไว้กับบ่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น