ASTVผู้จัดการรายวัน-สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเผย 5 เดือนไทยส่งออก 3.93 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 48.3% กลับมาทวงแชมป์ส่งออกได้สำเร็จ แต่ต้องแลกมาด้วยราคาขายที่ต่ำ คาดครึ่งปีหลังยังส่งออกได้ดี ทั้งปีทะลุ 9 ล้านตัน มีโอกาสทวงแชมป์คืนจากอินเดีย พร้อมทำแผนส่ง คสช. เสนอตั้งไรซ์ บอร์ด กำหนดนโยบายเรื่องข้าว
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 พ.ค. 2557 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้ปริมาณ 3.93 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 48.3% โดยอินเดียส่งออกในช่วงเดียวกันได้ 3.74 ล้านตัน เวียดนาม 2.4 ล้านตัน ทำให้ไทยกลับมาเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาข้าวที่ลดต่ำลงอย่างมาก โดยราคาข้าวไทยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 390 เหรียญสหรัฐ ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในปีนี้ สมาคมฯ ได้ปรับเป้าหมายว่าไทยจะส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านตัน จากคาดเดิมคาดว่าไทยจะส่งออกได้ 7.5 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ไทยมีสิทธิ์เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งได้ภายในปีนี้
นายเจริญกล่าวว่า สมาคมฯ ได้จัดทำข้อเสนอการบริหารจัดการข้าวไทย เพื่อเป็นข้อมูล หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการเรียกไปหารือ โดยมาตรการระยาวจะเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการข้าวภาคเอกชน (ไรซ์ บอร์ด) ซึ่งตัวแทนประกอบด้วย เกษตรกร โรงสี ผู้ค้าข้าวในประเทศและผู้ส่งออกข้าว เป็นต้น เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีสิทธิ์กำหนดนโยบายและมาตรฐานต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยรัฐบาลไหนที่เข้ามาบริหารประเทศจะต้องดำเนินการตามนโยบายที่ถูกกำหนดจากไรซ์บอร์ด
"นโยบายข้าวมักถูกกำหนดโดยพรรคการเมือง ซึ่งใช้ในการหาเสียง แต่ต่อไปควรจะต้องถูกกำหนดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หากผู้มีอำนาจเห็นด้วย เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมข้าวไทยในระยะยาว และไม่เกิดผลเสียเหมือนที่ผ่านมา"นายเจริญกล่าว
นายเจริญกล่าวว่า สำหรับมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกไม่ให้ตกต่ำ สมาคมฯ ขอให้มีการตรวจสต๊อกข้าวรัฐบาลทั้งประเทศ เพื่อแยกปริมาณ ชนิด และคุณภาพข้าว เพื่อวางแผนในการระบายข้าว และการระบายข้าวจะต้องทำอย่างโปร่งใส ผ่านช่องทางการประมูลที่เปิดเผย โดยระบายเป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับภาวะตลาด ขณะเดียวกัน จะต้องมีการจัดทำแผนการตลาดล่วงหน้าเพื่อเร่งระบายผลผลิตก่อนที่ข้าวเปลือกนาปี 2557/58 จะออกมาในช่วงเดือนต.ค.นี้
ส่วนข้อเสนอของกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการให้ คสช. ใช้มาตรการแทรกแซงตลาดข้าว มองว่าหากมีความจำเป็นก็ทำได้ แต่ควรเป็นครั้งคราว ไม่ควรดำเนินการในระยะยาว เพราะข้าวที่แทรกแซงข้าวต้องแบกภาระขาดทุน ต้องหาวิธีการให้เกิดการขาดทุนน้อยที่สุด
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ 9 ล้านตัน และทำให้กลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แซงอินเดียที่คาดว่าจะส่งออกได้น้อยกว่า 9 ล้านตัน เนื่องจากราคาข้าวไทยปัจจุบันมีราคาต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง เอื้ออำนวยต่อการส่งออก โดยราคาข้าวขาว 5% ไทยอยู่ที่ตันละ 390 เหรียญสหรัฐ อินเดีย 430 เหรียญสหรัฐ เวียดนาม 400-410 เหรียญสหรัฐ
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า รูปแบบของการตั้งไรซ์บอร์ด นอกจากจะมีตัวแทนจากภาคเอกชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วมกำหนดทิศทางแล้ว จะให้ภาครัฐเข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย ซึ่งอาจจะยุบคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ไป เพราะไม่จำเป็น หากไม่มีการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว แล้วให้มาเป็นกรรมการในชุดนี้แทน
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 พ.ค. 2557 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้ปริมาณ 3.93 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 48.3% โดยอินเดียส่งออกในช่วงเดียวกันได้ 3.74 ล้านตัน เวียดนาม 2.4 ล้านตัน ทำให้ไทยกลับมาเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาข้าวที่ลดต่ำลงอย่างมาก โดยราคาข้าวไทยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 390 เหรียญสหรัฐ ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในปีนี้ สมาคมฯ ได้ปรับเป้าหมายว่าไทยจะส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านตัน จากคาดเดิมคาดว่าไทยจะส่งออกได้ 7.5 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ไทยมีสิทธิ์เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งได้ภายในปีนี้
นายเจริญกล่าวว่า สมาคมฯ ได้จัดทำข้อเสนอการบริหารจัดการข้าวไทย เพื่อเป็นข้อมูล หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการเรียกไปหารือ โดยมาตรการระยาวจะเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการข้าวภาคเอกชน (ไรซ์ บอร์ด) ซึ่งตัวแทนประกอบด้วย เกษตรกร โรงสี ผู้ค้าข้าวในประเทศและผู้ส่งออกข้าว เป็นต้น เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีสิทธิ์กำหนดนโยบายและมาตรฐานต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยรัฐบาลไหนที่เข้ามาบริหารประเทศจะต้องดำเนินการตามนโยบายที่ถูกกำหนดจากไรซ์บอร์ด
"นโยบายข้าวมักถูกกำหนดโดยพรรคการเมือง ซึ่งใช้ในการหาเสียง แต่ต่อไปควรจะต้องถูกกำหนดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หากผู้มีอำนาจเห็นด้วย เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมข้าวไทยในระยะยาว และไม่เกิดผลเสียเหมือนที่ผ่านมา"นายเจริญกล่าว
นายเจริญกล่าวว่า สำหรับมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกไม่ให้ตกต่ำ สมาคมฯ ขอให้มีการตรวจสต๊อกข้าวรัฐบาลทั้งประเทศ เพื่อแยกปริมาณ ชนิด และคุณภาพข้าว เพื่อวางแผนในการระบายข้าว และการระบายข้าวจะต้องทำอย่างโปร่งใส ผ่านช่องทางการประมูลที่เปิดเผย โดยระบายเป็นครั้งคราวให้สอดคล้องกับภาวะตลาด ขณะเดียวกัน จะต้องมีการจัดทำแผนการตลาดล่วงหน้าเพื่อเร่งระบายผลผลิตก่อนที่ข้าวเปลือกนาปี 2557/58 จะออกมาในช่วงเดือนต.ค.นี้
ส่วนข้อเสนอของกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการให้ คสช. ใช้มาตรการแทรกแซงตลาดข้าว มองว่าหากมีความจำเป็นก็ทำได้ แต่ควรเป็นครั้งคราว ไม่ควรดำเนินการในระยะยาว เพราะข้าวที่แทรกแซงข้าวต้องแบกภาระขาดทุน ต้องหาวิธีการให้เกิดการขาดทุนน้อยที่สุด
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ 9 ล้านตัน และทำให้กลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แซงอินเดียที่คาดว่าจะส่งออกได้น้อยกว่า 9 ล้านตัน เนื่องจากราคาข้าวไทยปัจจุบันมีราคาต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง เอื้ออำนวยต่อการส่งออก โดยราคาข้าวขาว 5% ไทยอยู่ที่ตันละ 390 เหรียญสหรัฐ อินเดีย 430 เหรียญสหรัฐ เวียดนาม 400-410 เหรียญสหรัฐ
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า รูปแบบของการตั้งไรซ์บอร์ด นอกจากจะมีตัวแทนจากภาคเอกชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วมกำหนดทิศทางแล้ว จะให้ภาครัฐเข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย ซึ่งอาจจะยุบคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ไป เพราะไม่จำเป็น หากไม่มีการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว แล้วให้มาเป็นกรรมการในชุดนี้แทน
