วานนี้(26 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ได้จัดเลี้ยงอำลาสมาชิกวุฒิสภา ที่ห้องรับรอง 1-2 โดยมี อดีต ส.ว.เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายสมชาย แสวงการ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ส.ว.สมุทรสงคราม นางบุญพา ลิมปะพันธ์ ส.ว.สุโขทัย และ นายวระชาติ ทนังผล ส.ว.พังงา เป็นต้น ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยนายสุรชัย ได้กล่าวความในใจตอนหนึ่งกับสมาชิกว่า ตนเสียดายที่เราได้อยู่ร่วมทำงานกันน้อยเกินไป หากพวกเรายังทำหน้าที่อยู่ต่อไป คงจะเป็นประโยชน์กับหลายภาคส่วน ขณะที่ อดีตส.ว.ที่เข้าร่วมงานเลี้ยงอำลาได้ต่างกล่าวอำลา และขอบคุณที่ได้ทำงานร่วมกันมา ทั้งนี้ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ตนคาดหวังให้พวกเรา ละอุดมการณ์และความเชื่อโดยส่วนตัว ตนไม่ชอบการรัฐประหารและการใช้อำนาจเผด็จการ แต่เห็นว่าการดำเนินการที่มีการแสดงพลังเป็นกลุ่มย่อยที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร อาจจะกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความรุนแรง และอาจจะตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองของฝ่ายผู้สูญเสียอำนาจ โดยส่วนตัวมองว่า การควบคุมตัวบุคคลต่างๆ ก็เพื่อให้บุคคลนั้นได้มีการทบทวนการปฏิบัติตนของตัวเองที่ผ่านมา เพราะตนมองว่า ในระยะนี้ คนที่กลัวการสูญเสียอำนาจ ก็จะมีความคิดที่จะมีการต่อต้าน แต่หากได้อยู่สภาวะที่ทำให้จิตใจสงบก็จะคลายความเสียดายในการสูญเสียอำนาจลงได้
พล.อ.อ.วีรวิท กล่าวอีกว่า สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในช่วงของการสร้างเสถียรภาพ โดยเฉพาการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน แต่เชื่อว่า หลังจากเดือนกันยายน สถานการณ์โดยรวมจะเข้าสู่สภาวะปกติ เนื่องจากจะมีการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2558 ออกมา ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการลงทุน และการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ กลับมาเดินหน้าไปได้ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
**เตือนยื่นบัญชีต่อป.ป.ช.ใน30 วัน
นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่าหลังจาก ที่คสช. มีคำสั่งให้สมาชิกวุฒิสภาสิ้นสมาชิกภาพไปแล้วว่า จะเหลือหน้าที่ให้อดีต ส.ว. เข้ายื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน หลังพ้นจากตำแหน่ง โดยตามกฎหมายจะต้องยื่นภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่พ้นตำแหน่ง หรือภายในวันที่ 23 มิ.ย. เบื้องต้นนั้นได้ประสานไปยังอดีตส.ว. ให้เตรียมเรื่องเอกสาร และภายในกลางเดือนมิ.ย. ตนจะได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มาดำเนินการรับเรื่องกับอดีตสมาชิก ซึ่งถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับอดีตสมาชิก
**"นิคม" คาดกลุ่ม 40 ส.ว.ได้เป็น สนช.
นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีที่ คสช. ออกประกาศยุบวุฒิสภาว่า จากนี้ไปคสช. คงจะมีการตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ตนมองว่าสมาชิก สนช. น่าจะต้องประกอบไปด้วยความหลาย ต้องมีตัวแทนจากทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อให้สนช. มีความสมดุล มีความเป็นกลาง เพื่อใช้อำนาจหน้าที่เป็นไปด้วยความเป็นธรรม และหากจะมี ส.ว.จากกลุ่ม 40 ส.ว. ไปร่วมเป็นสนช.ด้วย ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะโอกาสของพวกเขา ดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะได้เข้าร่วมเยอะเช่นกัน อย่างไรก็ตามตนหวังว่า ปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขจนแล้วเสร็จโดยเร็วโดยผลประโยชน์ที่ได้ ต้องตกอยู่กับคนไทยทุกคน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
พล.อ.อ.วีรวิท กล่าวอีกว่า สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในช่วงของการสร้างเสถียรภาพ โดยเฉพาการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน แต่เชื่อว่า หลังจากเดือนกันยายน สถานการณ์โดยรวมจะเข้าสู่สภาวะปกติ เนื่องจากจะมีการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2558 ออกมา ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการลงทุน และการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ กลับมาเดินหน้าไปได้ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
**เตือนยื่นบัญชีต่อป.ป.ช.ใน30 วัน
นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่าหลังจาก ที่คสช. มีคำสั่งให้สมาชิกวุฒิสภาสิ้นสมาชิกภาพไปแล้วว่า จะเหลือหน้าที่ให้อดีต ส.ว. เข้ายื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน หลังพ้นจากตำแหน่ง โดยตามกฎหมายจะต้องยื่นภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่พ้นตำแหน่ง หรือภายในวันที่ 23 มิ.ย. เบื้องต้นนั้นได้ประสานไปยังอดีตส.ว. ให้เตรียมเรื่องเอกสาร และภายในกลางเดือนมิ.ย. ตนจะได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มาดำเนินการรับเรื่องกับอดีตสมาชิก ซึ่งถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับอดีตสมาชิก
**"นิคม" คาดกลุ่ม 40 ส.ว.ได้เป็น สนช.
นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีที่ คสช. ออกประกาศยุบวุฒิสภาว่า จากนี้ไปคสช. คงจะมีการตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ตนมองว่าสมาชิก สนช. น่าจะต้องประกอบไปด้วยความหลาย ต้องมีตัวแทนจากทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อให้สนช. มีความสมดุล มีความเป็นกลาง เพื่อใช้อำนาจหน้าที่เป็นไปด้วยความเป็นธรรม และหากจะมี ส.ว.จากกลุ่ม 40 ส.ว. ไปร่วมเป็นสนช.ด้วย ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะโอกาสของพวกเขา ดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะได้เข้าร่วมเยอะเช่นกัน อย่างไรก็ตามตนหวังว่า ปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขจนแล้วเสร็จโดยเร็วโดยผลประโยชน์ที่ได้ ต้องตกอยู่กับคนไทยทุกคน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
