ASTV ผู้จัดการรายวัน - รรท.ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กำชับตำรวจทุกหน่วยดูแลความสงบเรียบร้อย ยืนยันผู้บริหารของ สตช.จะร่วมมือกันสนุสนุนในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนองค์กรให้สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชี้การปฏิรูป สตช.จะเร่งดำเนินการภายใน 4 เดือนนี้ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม พร้อมสั่งเร่งรัดจับกุมคดีที่มีการออกหมายจับเกี่ยวกับการล่วงละเมิดต่อสถาบัน
วานนี้ (26 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9, ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจตระเวนชายแดน โดยการประชุมในครั้งนี้เพื่อรับทราบแนวทางการปฏิบัติราชการร่วมกัน
พล.ต.อ.วัชรพลได้สั่งการให้ทุกหน่วยเคร่งครัดการดูแลพื้นที่ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย และการชุมนุมต่างๆ นั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย นอกจากนี้ รรท.ผบ.ตร.ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความจำเป็นในการบริหาร โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล ยืนยันว่าผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะร่วมมือให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพื้นที่ โดยจะเน้นเรื่องของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กรให้สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้หน่วยงานในพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยไม่ต้องสนใจข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องการปรับย้าย เพราะยังไม่มีนโยบายในขณะนี้ หากมีการปรับเปลี่ยนก็เพราะว่าพื้นที่นั้นไม่มีการเอาใจใส่ถึงข้อสั่งการต่างๆ ที่ได้กำชับไป ที่สำคัญขอใหัยึดคำสั่งที่ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้ามีการปรับเปลี่ยนอย่างไร ผู้บังคับบัญชาจะพูดคุยกันอย่างยุติธรรม
พล.ต.ต.อนุชากล่าว่า นอกจากนี้ได้กำชับคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับล่วงละเมิดต่อสถาบันฯ ที่เป็นคดีแล้วให้ดำเนินการตามขั้นกฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง หากมีการออกหมายจับให้เร่งรัดการจับกุม และหากยังไม่มีการออกหมายจับให้ดำเนินการโดยเร็ว แต่เน้นความเป็นธรรม ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้วางแนวทางไว้ขอให้ทุกหน่วยดำเนินการต่อ ซึ่ง รรท.ผบ.ตร.จะมีการติดตามการทำงานทุกวันจึงขอให้ผู้ดูแลพื้นที่ พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่างๆ หากมีเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ใดก็ตามซึ่งผู้ดูแลพื้นที่จะต้องสามารถให้ข้อมูลได้ทันที นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำความสามัคคี และความเป็นปึกแผ่น การทำงานร่วมกับฝ่ายทหาร และหน่วยงานความมั่นคง โดยให้บูรณาการการทำงานอย่างต่อเนื่อง เหตุผลสำคัญเพื่อให้บ้านเมืองสามารถผ่านไปได้ด้วยดี
รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับที่มีกระแสของการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องสำคัญทั้งในระดับของประเทศในการปฏิรูป โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีข้อเรียกร้องของสังคมในการปฏิรูปต่างๆ ซึ่งที่เป็นข่าวไปแล้ว โดย พล.ต.ท.วัชรพลได้มีการสั่งการถึงการปฏิรูปนั้น โดยจะเน้นการกระจายอำนาจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่เป็นศูนย์กลางเพียงที่เดียว เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความเข้มแข็ง ทั้งนี้การปฏิรูปดังกล่าวจะเร่งดำเนินการภายใน 4 เดือนนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม
วานนี้ (26 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9, ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจตระเวนชายแดน โดยการประชุมในครั้งนี้เพื่อรับทราบแนวทางการปฏิบัติราชการร่วมกัน
พล.ต.อ.วัชรพลได้สั่งการให้ทุกหน่วยเคร่งครัดการดูแลพื้นที่ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย และการชุมนุมต่างๆ นั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย นอกจากนี้ รรท.ผบ.ตร.ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความจำเป็นในการบริหาร โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล ยืนยันว่าผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะร่วมมือให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพื้นที่ โดยจะเน้นเรื่องของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กรให้สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้หน่วยงานในพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยไม่ต้องสนใจข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องการปรับย้าย เพราะยังไม่มีนโยบายในขณะนี้ หากมีการปรับเปลี่ยนก็เพราะว่าพื้นที่นั้นไม่มีการเอาใจใส่ถึงข้อสั่งการต่างๆ ที่ได้กำชับไป ที่สำคัญขอใหัยึดคำสั่งที่ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้ามีการปรับเปลี่ยนอย่างไร ผู้บังคับบัญชาจะพูดคุยกันอย่างยุติธรรม
พล.ต.ต.อนุชากล่าว่า นอกจากนี้ได้กำชับคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับล่วงละเมิดต่อสถาบันฯ ที่เป็นคดีแล้วให้ดำเนินการตามขั้นกฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง หากมีการออกหมายจับให้เร่งรัดการจับกุม และหากยังไม่มีการออกหมายจับให้ดำเนินการโดยเร็ว แต่เน้นความเป็นธรรม ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้วางแนวทางไว้ขอให้ทุกหน่วยดำเนินการต่อ ซึ่ง รรท.ผบ.ตร.จะมีการติดตามการทำงานทุกวันจึงขอให้ผู้ดูแลพื้นที่ พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่างๆ หากมีเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ใดก็ตามซึ่งผู้ดูแลพื้นที่จะต้องสามารถให้ข้อมูลได้ทันที นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำความสามัคคี และความเป็นปึกแผ่น การทำงานร่วมกับฝ่ายทหาร และหน่วยงานความมั่นคง โดยให้บูรณาการการทำงานอย่างต่อเนื่อง เหตุผลสำคัญเพื่อให้บ้านเมืองสามารถผ่านไปได้ด้วยดี
รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับที่มีกระแสของการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องสำคัญทั้งในระดับของประเทศในการปฏิรูป โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีข้อเรียกร้องของสังคมในการปฏิรูปต่างๆ ซึ่งที่เป็นข่าวไปแล้ว โดย พล.ต.ท.วัชรพลได้มีการสั่งการถึงการปฏิรูปนั้น โดยจะเน้นการกระจายอำนาจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่เป็นศูนย์กลางเพียงที่เดียว เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความเข้มแข็ง ทั้งนี้การปฏิรูปดังกล่าวจะเร่งดำเนินการภายใน 4 เดือนนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม
