xs
xsm
sm
md
lg

คสช.เรียกนักธุรกิจ-วิชาการ 'อนันต์-เศรษฐา-ธีรยุทธ์” ติดกลุ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คสช.เรียกสื่อสิงพิมพ์ 18 ฉบับ ขอความมือ สร้างสรรค์บรรยากาศการเสนอข่าว และภาพ เพื่อนำไปสู่ความสงบ สามัคคี พร้อม ออกประกาศ ฉบับที่ 37 ให้คดีความผิดต่อ"สถาบันเบื้องสูง-ความมั่นคง-ประกาศ- คำสั่ง คสช.ไปขึ้นศาลทหาร เรียกรายงานตัวเพิ่มอีก 38 คน "อนันต์ อัศวโภคิน-เศรษฐา ทวีสิน- สุรพล นิติไกรพจน์-ธีรยุทธ บุญมี" ติดกลุ่ม

เมื่อเช้าวานนี้ (25 พ.ค.) ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานในการประชุมร่วมกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทหารสูงสุด) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าคณะ คสช. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. เพื่อติดตามสถานการณ์ และรับทราบรายงานการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ โดยมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศติดตามความเคลื่อนไหวจำนวนมาก

หลังจากนั้นเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยรองหัวหน้าคณะคสช. เข้าประชุมเรื่องการกำหนดแนวทางดำเนินงานด้านเศรษฐกิจเพื่อให้การดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร และการคลังเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ร่วมกับปลัดกระทรวงพาณิชย์, ปลัดกระทรวงการคลัง, เลขาธิการคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ, ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ประธานสมาคมธนาคารไทย, ประธานสมาคมหอการค้าไทย, ประธานสมาคมการค้าและประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย โดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด

เชิญผู้บริหารสื่อรับทราบแนวปฏิบัติ

ต่อมา เวลา 14.00น. ที่ห้องเทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญผู้บริหารสื่อสิงพิมพ์รวมทั้งสิ้น 18 ฉบับ เข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบแนวทางการดำเนินงาน โดยมีพล.ท.ภาณุวัชร์ นาควงษ์ ผู้ช่วยเสนาธิการกองทัพบก ฝ่ายกิจการพลเรือน (ผช.เสธ.ทบ.ฝกร.) เป็นประธานในที่ประชุม

ทั้งนี้ พล.ท.ภาณุวัชร์ กล่าวชี้แจง ถึงการเรียกผู้บริหารสื่อมาหารือว่า สื่อมีบทบาทสำคัญ คสช. เห็นว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นปัจจุบัน ตามประกาศของ คสช. ที่ออกไปก่อนหน้านี้ ได้ให้แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนแล้ว แต่เฉพาะหน้า อยากจะขอให้ช่วยกันคลี่คลายบรรยากาศให้สงบ คืนความสุขอย่างยั่งยืนให้แก่สังคม ทหารฝ่ายเดียวไม่สามารถทำได้

จากนั้น พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก (ลก.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ คสช. กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลต่อทหาร เราอึดอัดมานาน ที่สุดก็ต้องมีคนกระโดดออกมารับผิดชอบเพื่อให้บ้านเมืองสงบ อยากขอความเห็นใจแก่ทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พยายามร่วมมือแก้ปัญหา ไม่อยากใช้ยาแรง แต่เมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ จึงมีความจำเป็นเพื่อไม่ให้ประเทศเป็นรัฐที่ล้มเหลว ตั้งแต่ 22 พ.ค. เป็นต้นมา คสช.ได้เชิญส่วนต่างๆ มาชี้แจงทำความเข้าใจจนมาถึงสื่อ ในฐานะที่ทำงานกับสื่อมา ก็มีประกาศ คสช. ที่ดูเหมือนจะจำกัดสิทธิเสรีภาพในการทำงาน แต่ระยะแรกอยากจัดระเบียบ แต่ระยะต่อไปพยายามจะให้ผ่อนคลายลง

"ถึงแม้ใช้ยาแรงแล้ว แต่ก็มีกลุ่มต่างๆ ออกมาต่อต้าน ตรงนี้ก็ต้องใช้กฎหมายเข้าจัดการ เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย หลายอย่างที่ประชาชนเดือดร้อน คสช. ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เช่น เรื่องชำระหนี้ให้ชาวนา ความอึดอัดของสื่อเราก็ทราบ แต่ก็อยากให้เข้าใจทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดอยู่ สังคมจะร้อนแรงหรือเรียบร้อย สื่อคือผู้ที่มีบทบาทสำคัญ" พล.ต.พลภัทร กล่าว

ไม่ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง

ด้าน พล.ต.พลาวุฒิ กลับเจริญ เจ้ากรมพลเรือนทหาร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. คณะ คสช. พักผ่อนกันน้อยมาก ทราบดีว่ารัฐประหารไม่ใช่สิ่งที่ดี ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา แต่จุดนี้จำเป็นที่ต้องขอความร่วมมือสื่อให้ช่วยสร้างความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อก้าวเดินไปสู่ประชาธิปไตยที่ต้องการ สื่อไม่ต้องอยู่ฝ่ายทหาร แต่อยากให้อยู่ฝ่ายประเทศไทย เพราะยังมีคนอีกจำนวนมาก ที่ต้องการข้อมูลข่าวสารที่ไม่ยั่วยุ ปลุกปั่น สร้างความขัดแย้ง โดยเฉพาะความอ่อนไหวของการพาดหัวข่าว บางข่าวถ้าอยู่ในภาวะปกติถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในภาวะปัจจุบันอาจจะไม่เหมาะสม รวมถึงภาพข่าวต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนจะเสนอออกไป

ทั้งนี้หลังจากตัวแทนของ คสช.ได้กล่าวชี้แจงเสร็จ ได้เปิดโอกาสให้ผู้บริหารสื่อซักถามถึงแนวทางการทำงาน โดย คสช. ยืนยันจะไม่ใช่เป็นการควบคุมสื่อ แต่ขอความร่วมมือ หากมีกรณีที่เข้าข่ายตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 18 จะใช้วิธีเตือน และเรียกมาชี้แจง โดยจะยังไม่ปิดหรือห้ามการทำงานของสื่อ ซึ่งการประชุมดำเนินไปราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จึงยุติลง เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 พ.ค. คสช.ได้ออกประกาศฉบับที่ 18 ว่าด้วยเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะ ระบุว่า เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้องปราศจากการบิดเบือนอันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงให้ผู้ประกอบกิจการและผู้ให้บริการด้านสื่อมวลชนทุกประเภททั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกสถานีทั้งที่เป็นของราชการและเอกชนสถานีโทรทัศน์ ภาคพื้นดินสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเคเบิลโทรทัศน์ระบบดิจิตอลและสถานีโทรทัศน์อินเทอร์เน็ตทุกสถานีหนังสือพิมพ์ วารสารหรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งผู้บริโภคด้านสื่ออิเล็กทรอนิคส์ทุกประเภทอันรวมทั้งการสื่อสารทางสังคมสื่อออนไลน์งดเว้นการนำเสนอข่าวสารในลักษณะต่อไปนี้

1. ข้อความอันเป็นเท็จหรือส่อไปในทางหมิ่นประมาทหรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองศ์

2. ข่าวสารที่จัดเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมื่นประมาทบุคคลอื่น

3. การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

4. ข้อมูลเสียง ภาพ วิดีทัศน์ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ

5. ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสนยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งหรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร

6. การชักชวน ซ่องสุมให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

7. การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคลอันนำไปสู่ความตื่นตระหนกความกลัวแก่ประชาชน

ทั้งนี้ สื่อดังกล่าวขั้นต้น มีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ความผิดต่อสถาบันฯขึ้นศาลทหาร

วานนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.25 น. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้บรรดาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ได้แก่ ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107 - 112 และ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา 113 -118 ยกเว้นความผิด ซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และพ.ร.บ. ฉุกเฉิน และความผิดตามประกาศ หรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้การกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตราชอาณาจักร และในระหว่างที่ประกาศนี้ใช้บังคับอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง (อ่านรายละเอียด หน้า 7 )

พ.อ. วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. ยังได้กล่าวแจ้งเตือนประชาชน กลุ่มต่อต้านที่ออกมาชุมนุม กระจัดกระจายอยู่ในช่วงนี้ว่า จนท.อาจจำเป็นต้องบังคับใช้กฏหมายอย่างเด็ดขาด หากมีการปะทะกัน อาจมีการบาดเจ็บสูญเสีย จะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงภาวะไม่ปกติ ทหาร ตำรวจ ทำงานภายใต้กฎอัยการศึก และประกาศ/คำสั่ง ของ คสช. ในทุกพื้นที่ของประเทศ จึงอยากให้พ่อแม่พี่น้องลูกหลานแจ้งเตือนกันและกัน เพราะไม่มีประโยชน์หากมาชุมนุมต่อต้าน ขอให้เข้าใจว่า ทุกคนกำลังทำหน้าที่เพื่อให้ประเทศชาติมีความสงบ

"ประวิตร"ชู 2 นิ้วรายงานตัวคนแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันที่สามของการเข้ารายงานตัวของอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำผู้ชุมนุม และผู้เกี่ยวข้อง ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช.ตัดสินใจยึดอำนาจ และมีคำสั่งเรียกรายงานไปแล้ว 180 คน ต่อมา คสช.ได้มีคำสั่งเรียกรายงานตัวภายใน วันที่ 25 พ.ค. เพิ่มอีก 8 คน โดยเมื่อเวลา 10.00 น. ที่หน้าหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสของหนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น และคอลัมนิสต์เว็บไซต์ประชาไท เดินทางเข้ารายงานตัวเป็นคนแรก ทันทีที่นายประวิตร ลงจากรถได้เดินมายืนตรงป้ายสำนักงานวิจัยและพัฒนาทางทหารบก ที่อยู่ด้านหน้าติดถนนทางเข้าหอประชุมกองทัพบก จากนั้นหันหน้ามายังผู้สื่อข่าว ซึ่งอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม แล้วนำเทปกาวสีดำปิดปาก เป็นรูปกากบาท ใช้มือปิดหู ปิดตา และ ชูสองนิ้วแสดงสัญลักษณ์สู้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารบก จะพาตัวเข้าไปด้านใน

จากนั้น เวลา 11.00 น. ผู้ถูกเรียกต่างทยอยเดินทางเข้ารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของโบนันซ่า เขาใหญ่ นายชเยนทร์ คำนวณ ประธานกรรมการองค์กรจัดการน้ำเสีย นางวิมลรัตน์ กุลดิลก ภริยา พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลลดิลก นายพิชิต ชื่นบาน ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย โดยนายพิชิตไ ด้ลดกระจกลงยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว และให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ก่อนเข้ารายงานตัวว่า เตรียมเก็บกระเป๋ามาแล้ว ไม่กังวลอะไร

จากนั้น น.ส.ณัชชานันท์ เครือชัย เจ้าหน้าที่ระดับสูงพรรคเพื่อไทย เข้ารายงานตัวเป็นลำดับถัดมา ขณะที่ นางกาญจนา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้ตัวแทนเข้าแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า ไม่สามารถมารายงานตัวได้ เนื่องจากป่วย เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จะมารายงานตัวในภายหลัง โดยในวันดังกล่าว ผู้ที่มีคำสั่งเรียกงานตัวทั้ง 8 คน เข้ารายงานตัวครบทุกคนตามเวลาที่กำหนด ขณะที่บางคนได้เตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมาแล้ว หากทหารทำการควบคุมตัว

ควบคุม"สมศักดิ์"เก็บตัวค่ายทหาร

จากนั้นเวลา 14.45 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการควบคุมผู้ที่เข้ารายงานตัวในครั้งนี้ ทั้งหมด อาทิ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ นายชเยนทร์ คำนวณ นางวิมลรัตน์ กุลดิลก นายพิชิต ชื่นบาน รวมถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ที่ถูกเรียกรายงานตัว และได้รายงานตัวที่จ.สุโขทัย ก่อนหน้านี้ ถูกควบคุมตัวไปด้วย หลังเข้ารายงานตัวที่ สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในวันเดียวกัน โดยถูกนำตัวขึ้นรถตู้ทางราชการ 2 คัน โดยมีฮัมวี่ นำและปิดท้ายขบวน ออกจากสโมสรกองทัพบก เทเวศน์ เดินทางไปยังค่ายทหารแห่งหนึ่ง ใน จ.ราชบุรี ขณะที่ทั้งหมดได้เตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมาแล้ว ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่จึงได้เปิดให้รถของผู้ที่เข้ารายงานตัวทั้งหมดในวันเดียวกันทยอยออกจากสโมสรกองทัพบก

คสช.เรียก'เศรษฐา-อนันต์'รายงานตัว

เมื่อเวลา 20.30 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อ่านคำสั่ง คสช. 14 -16 เรื่องให้บุคคลเข้ารายงานตัวเพิ่มเติมใน วันที่ 26 พ.ค. เวลา 10.00 น.-12.00 น. ที่สโมสรกองทัพบกเทเวศร์ รวมทั้งหมด 38 ราย โดยในกลุ่มรายชื่อล่าสุดนี้ มีทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ อาทิ นางสาวขัตติยา สวัสดิผล, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นายดำรง พิเดช นายจิรายุ ห่วงทรัพย์, นายรังสี เสรีชัยใจมุ่ง นายอรรถชัย อนัตเมฆ นายเปรมชัย กรรณสูตร, นายเศรษฐา ทวีสิน, นายอนันต์ อัศวโภคิน นายสมหมาย แว่นแก้ว, นายสมหมาย สกุลเมตตา, นายวิทยา บูรณศิริ, นายบรรเจิด สิงคะเนติ นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายชัยอนันต์ สมุทวณิช และนายธีรยุทธ บุญมี รวมอยู่ด้วย

เรียกคนตระกูล"ชินวัตร"ขอความร่วมมือ

วันเดียวกันนี้ ที่สโมสรทหารบก พ.อ.วินธัย สุวารี พร้อมด้วย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง และ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในภาพรวมเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลเรือน และทหาร อยากวิงวอนประชาชนทุกภาคส่วนเข้าใจบ้านเมืองในขณะนี้ว่า ให้ทุกคนเสียสละในระดับที่แต่ละคนน่าจะกระทำกันได้ และยืนยันว่า คสช. ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อประโยชน์กับผู้หนึ่งผู้ใด แต่จะคืนความสุขให้กับประชาชนทั้งประเทศ สร้างเสถียรภาพให้สายตาภายในและนอกประเทศเข้าใจ และขอความร่วมมือ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ยอมรับหลักการ และขจัดข้อขัดแย้งต่างๆ พร้อมเตือนผู้ที่ปลุกปั่นในโซเชียล หยุดการกระทำเหล่านี้ เพราะสิ่งนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์ ส่วนสื่อมวลชนขอให้ลดการนำเสนอ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ยืนยันว่าสิ่งที่ คสช.ทำไปนั้นไม่ได้เกลียดชัง หรือเป็นความเห็นส่วนตัว แต่ทุกอย่างดำเนินการไปตามเหตุผล และขั้นตอนทางกฎหมาย

เมื่อถามว่า ความชัดเจนเรื่อง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะถูกเรียกเข้ามารายงานตัวหรือไม่ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ทุกท่านที่ได้มีคำสั่งให้รายงานตัว ส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าหน้าที่นำพามา ส่วนภาพที่ปรากฏว่า มีทหารนำตัวนายพานทองแท้ มาควบคุมนั้น ตนไม่มีรายละเอียด ทุกอย่างเป็นไปตามคำชี้แจงของหัวหน้าคสช.

ส่วนกรณีตระกูลชินวัตร มีการประสานงานทำความเข้าใจหรือไม่นั้น ตนเรียนว่า บุคคลที่เชิญมารายงานตัวหลักๆ เป็นการทำความเข้าใจ และเป็นการแลกเปลี่ยนกันว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไร คิดอะไร และขอความร่วมมือในการเดินไปข้างหน้าในการทำอะไรที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ส่วนใหญ่เป็นการทำความเข้าใจ ส่วนรายละเอียดบุคคลต้องเป็นไปตามคำสั่ง และประกาศที่ได้เรียนไป ตนไม่มีข้อมูลเพียงพอ

ทั้งนี้ การเชิญตัวบุคคลมี 2 ลักษณะ คือ การเชิญอย่างเป็นทางการ คือ ผ่านทางคำสั่ง และอย่างไม่เป็นทางการ ส่วนกรณีของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อยู่ในกรณีที่ไม่เป็นทางการ ถึงแม้ว่าจะไม่มีรายงานชื่อในคำสั่ง ส่วนจำเป็นที่หัวหน้า คสช. จะต้องพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูล

ส่วนการควบคุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่มีข้อมูลว่าปล่อยตัวหรือไม่ แต่ทุกอย่างดำเนินการไปตามกฎหมาย สำหรับนายจาตุรนต์ ฉายแสง และ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นั้นก็ต้องดำเนินไปตามคดี ที่ได้มีการประกาศคำสั่งไว้

ปล่อย "โอ๊ค" กลับบ้านแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผู้ที่อาศัยโซเชียลมีเดียในการยุยง ปลุกปั่น ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อใครเลย ขอให้สื่อลด หรือระวังการพูดจา วิพากษ์วิจารณ์ให้ร้ายทุกพวก ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ให้เสียหายโดยเด็ดขาด

สำหรับ นายพานทองแท้ ชินวัตร นั้น เดิมพักอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกัน จึงได้ส่งให้กลับบ้านในกรุงเทพฯ ตามที่เจ้าตัวประสงค์

"ขอให้เข้าใจ สิ่งที่ผมได้ทำไปนั้น มิได้เกิดมาจากความเกลียดชัง หรือเกิดมาจากความเห็นส่วนตัว แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องให้งานบริหารราชการ และการรักษาความสงบในห้วงนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

ไพบูลย์หนุน "ประยุทธ์" นายกฯ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต ส.ว.สรรหา และกลุ่ม 40 ส.ว. เปิดเผยว่า ไม่เกินความคาดหมาย ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประกาศยุบวุฒิสภา ในฉบับที่ 30 ซึ่งตนคาดว่า ไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้ น่าจะมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวออกมา เพื่อรองรับต่ออำนาจ 3 ฝ่าย ได้แก่ 1. ฝ่ายบริหารทำหน้าที่ ซึ่งตนหวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าคสช. จะเป็นนายกรัฐมนตรีเอง 2. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหน้าที่พิจารณากฎหมาย และ 3. สภาปฏิรูปที่จะทำหน้าที่เป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า หวังว่าการทำหน้าที่ของสภาปฏิรูป น่าจะทำหน้าที่ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญด้านต่างๆ อาทิ กฎหมายเลือกตั้งตามแนวทางของ กปปส.ด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจน และต่างไปจากการรัฐประหารของคมช. เมื่อปี 2549 ที่ร่างแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 50 แต่ไม่ได้ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ จึงทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับกติกา ที่ไม่มีความเป็นธรรมได้อย่างเบ็ดเสร็จ และมองว่า คสช. น่าจะอยู่ควบคุมสถานการณ์ให้มากกว่าคมช.ที่อยู่ 1 ปี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาด โดยตนมองว่า 1 ปี 6 เดือน น่าจะเหมาะสมสำหรับ คสช.

รวบกลุ่มต้านคาแมคโดนัลด์เชียงราย

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่ามีกลุ่มคน 8-10 คน นัดกันไปแสดงสัญลักษณ์ให้มีการเลือกตั้งส.ส.ที่ร้านแมคโดนัลด์ ภายในศูนย์การค้าเซนทรัล พลาซ่า เชียงราย เมื่อเวลาประมาณเที่ยงวัน โดยสวมหน้ากากอนามัย มีเครื่องหมายกากบาท ถือกระดาษข้อความ เช่น "เลือกตั้ง" หรือ "No coup"เมื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาแล้ว ก็จับกลุ่มถือป้ายและถ่ายภาพ ก่อนส่งภาพและข้อความไปยังไลน์ หรือเฟซบุ๊กของคนในเครือข่าย โดยช่วงจัดกิจกรรมจะนั่งโต๊ะละ 1-2 คน หรือ 2-4 คนบ้าง ต่อมา ตำรวจและทหาร จากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย ได้เข้าควบคุมตัวทั้งหมดไปจากร้าน เพื่อสอบปากคำตามขั้นตอนต่อไป

จทบ.ราชบุรี รวบกลุ่มคนรักปชต.7 คน

เวลาประมาณ 14.00 น. กลุ่มคนรักประชาธิปไตยจังหวัดราชบุรี ประมาณ 200 คน รวมตัวกันที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ ริมถนนเพชรเกษม ต.โคกหม้อ อ.เมืองฯ พร้อมชูป้ายข้อความต่อต้านรัฐประหาร ต้องการให้มีการเลือกตั้ง พร้อมกับตะโกนไม่เอาเผด็จการทหาร ขับไล่ทหาร หลังจากนั้นได้รับประทานอาหารร่วมกัน โดยมี พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผบก.ภ.จว.ราชบุรี นำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อย

ส่วนที่ถนนเพชรเกษม ทางเข้าตัวเมืองราชบุรี ก่อนถึงร้านแมคโดนัลด์ มีกำลังทหารจากจังหวัดทหารบกราชบุรี 2 กองร้อย ตั้งด่านตรวจค้นอาวุธ ซึ่งขณะที่กลุ่มคนรักประชาธิปไตยจังหวัดราชบุรี ทยอยกันออกจากร้าน กำลังทหารได้จู่โจมเข้าจับกุมกลุ่มทันที ทำให้ต่างพากันวิ่งหนีหนีแตกกระเจิง แต่สามารถจับกุมได้ 7 คน เป็นชาย 6 และหญิง 1 คน นำตัวขึ้นรถทหาร ไปยังจังหวัดทหารบกราชบุรี

มมส.ห้ามข้อความเป็นภัยความมั่นคง

รองศาสตราจารย์ดร.ศุภชัย สมัปปิโต รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ลงนามในประกาศขอความร่วมมือคณาจารย์ บุคลากร นิสิต และนักเรียนของมมส. ห้ามเขียนใบปลิว ป้ายแขวนตามสถานที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัย หรือข้อความผ่านทางสังคมออนไลน์ เชิงปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ไม่เคารพกฎหมาย เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ตลอดจนต่อต้านการปฏิบัติงานของคสช. ตามที่คสช.มีประกาศฉบับที่ 12/2557 เรื่องขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์ และฉบับที่ 18/2557 การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ บุคคลที่กระทำใดๆจะถือเป็นความผิดส่วนบุคคล ต้องได้รับโทษตามกฎหมายบ้านเมือง

เรียก13แกนนำแดงภาคใต้รายงานตัว

ที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แกนนำคนเสื้อแดงใน 3 จ.สงขลา สตูล และพัทลุง เข้ารายงานตัวต่อ พล.ต.เลอชัย มาลีเลิศ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 ตามคำสั่งมณฑลทหารบกที่ 42 จำนวน 13 คน ขณะนี้มารายงานตัวแล้ว 2 คน คือ นายสุบรรณ สุวรรณรัตน์ และนายจำแลง มงคลนิสภกุล ที่เหลือติดต่อขอเข้ารายงานตัวต่อแล้วเช่นกัน

สำหรับแกนนำเสื้อแดงทั้ง 3 จังหวัด ที่มีคำสั่งให้เข้ารายงานตัวประกอบด้วย 1.นายสมพงษ์ สระกวี 2.นายบุญญา หลีเหล็ด 3.นายไสว ณ พัทลุง 4.นายชูศักดิ์ เดชดี 5.นายสุบรรณ สุวรรณรัตน์6. นางนิษิฎภัทร วิไลรัตน์ 7.พ.ต.ท.ศักดิ์ กลิ่นเขียว 8.นายจิรายุส เนาวเกตุ 9.นายชินกฤช อุตะปะละ 10.นายกู้ชาติ ชายเกตุ 11.นายจำแลง มงคลนิสภกุล 12.นายทวีเกียรติ รองสวัสดิ์ และ13.นายพงพนธ์ จิตภักดี

ต่อมา พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางไปยังกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 และพูดคุยกับนายสุบรรณ และขอความร่วมมือให้ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นกับประเทศ

ผบ.จทบ.เชียงรายขอปชช.เสียสละ

พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย(รส.จทบ.ชร.) แถลงว่า ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัด และตำรวจภูธรจังหวัด ฝึกซ้อมแผนดำเนินการกับผู้ไม่หวังดี และต่อต้านคสช. โดยจะขึ้นหลายครั้งในสัปดาห์นี้ ประชาชนที่พบเห็นไม่ต้องตื่นตระหนก สำหรับการใช้กฎอัยการศึกนั้น คืนวันที่ 23 พ.ค. มีคนทำผิดประมาณ 120 คน คืนที่ผ่านมาอีก 120 คน อ้างว่ามีความจำเป็น แต่ตรวจสอบพบว่าไม่จริง จึงนำตัวมาอบรมหน้าที่พลเมืองดี การมีวินัย รักชาติ และละอายต่อบาป จากนั้นปล่อยตัวไป แต่หากพบทำผิดซ้ำก็จำเป็นต้องดำเนินคดี หากขึ้นศาลทหารจะมีการพิจารณาศาลเดียว หรือหากถึงที่สุดมีโทษจำคุกหรือปรับจะเสียประวัติได้ จึงขอให้ทำตามประกาศ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าจะยกเลิกเมื่อไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าจะมีการออกต่อต้านหรือไม่

พล.ต.พัฒนา กล่าวว่า ล่าสุดมีผู้ออกอากาศที่สถานีชขุมนุมแห่งหนึ่งในอ.เชียงของ ปลุกให้คนออกมาต่อต้านคสช. จึงส่งเจ้าหน้าที่ไปยึดเครื่องส่งและปิดสถานีแล้ว ส่วนสถานีอื่นปิดแล้ว 3 แห่งเพราะออกอากาศโดยไม่ได้รับอนุญาต และหากจ.เชียงราย ถูกเพ่งเล็งมาก ก็ต้องกวาดล้างหนักต่อไป

ส่งทหารคุมคลังก๊าซ-น้ำมันสุราษฎร์

นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ธีร์ณัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยให้ตั้งด่านตรวจและจุดสกัดบนถนนสายหลัก-สายรองทุกอำเภอ พร้อมจัดกำลังทหารเข้าตรึงคลังก๊าซ คลังน้ำมัน และสะพานศรีสุราษฎร์ สะพานสูงที่สุดในภาคใต้ ที่อยู่ใกล้กับคลังก๊าซและคลังน้ำมันปตท. บริเวณปากน้ำตาปีตลอด 24 ชั่วโมง สั่งห้ามประชาชนขึ้นไปจอดรถ ตกปลา ถ่ายรูปบนสะพานโดยเด็ดขาด ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรม หลังมีรายงานข่าวว่าจะมีการสร้างความปั่นป่วนในจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมสั่งให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากเคหสถานหลังเวลา 22.00-05.00 น. เพราะที่ผ่านมายังมีประชาชน สถานบริการ และสถานีวิทยุชุมชนฝ่าฝืนคำสั่ง

ค้นห้องนปช.พบหลักฐานหมิ่นสถาบัน

พล.ต.นิรุทธ เกตุสิริ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย จ.สุรินทร์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ และ พ.อ.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ เสธ.กองกำลังสุรนารี นำกำลังทหาร ตำรวจ เข้าตรวจค้น ห้อง 507 แกรนด์อพาร์ทเมนท์ ซอยสระโบราณ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นห้องพักของ นางพรทิพย์ ปราชญ์นาม แกนนำ นปช.สุรินทร์ และเป็น 1 ใน 21 คนร้ายที่เตรียมก่อเหตุ และถูกจับกุมได้ในโรงแรมดัง จ.ขอนแก่น

ทั้งนี้ จากการตรวจค้นภายในห้องพักพบเอกสารหลักฐานหมิ่นสถาบัน และโครงสร้าง นปช.เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อตรวจสอบ และรายงานให้กองทัพทราบเพื่อดำเนินการต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น