ASTV ผู้จัดการรายวัน-กองปราบฯ ขออนุมัติหมายศาล บุกเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ย่านลำลูกกา ของ “โกตี๋” แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหา พบแต่อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด พร้อมเครื่องกระสุนและวิทยุสื่อสารจำนวน 3 เครื่อง เสื้อแดงกว่า 40 คน รุมปิดล้อม พร้อมโห่ร้อง อ้างตำรวจปฏิบัติหน้าที่ 2 มาตรฐาน
วานนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผกก.รักษาราชการแทน ผกก.ปพ.บก.ป.สั่งการ พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.จอม สิงห์น้อย สว.กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.อรรพล พานประทีป รอง ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ สว.กก.ปพ.บก.ป.นำกำลังรวม 70 นาย พร้อมหมายศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 177/2557 ลงวันที่ 6 พ.ค.2557 เข้าตรวจค้นบ้านพักไม่มีเลขที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ทำการสถานนีวิทยุชุมชน “เรดการ์ด เรดิโอ” หรือวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ซึ่งนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงเคยใช้เป็นสถานที่ทำงาน เพื่อแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว
สำหรับการเข้าตรวจค้นดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มบุคคลหลายภาคส่วน เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. ให้ดำเนินคดีต่อนายวุฒิพงศ์ ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง หลังจากนายวุฒิพงศ์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไวซ์นิวส์ (Vice News) พาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง กระทั่งมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนายวุฒิวงศ์ในความผิดดังกล่าวเอาไว้ ต่อมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจาณาตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา และได้เร่งสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่กำลังตำรวจ บก.ป.เดินทางไปถึงบริเวณหน้าบ้านพักหลังดังกล่าวแล้ว ได้มีผู้ดูแลบ้านออกมาพบ จากนั้น พ.ต.ท.นิคม ได้แสดงหมายค้นศาลให้รับทราบเพื่อเข้าไปตรวจค้นภายใน แต่ทางผู้ดูแลบ้านรายนี้ กลับอ้างว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ ขอให้เจ้าหน้าที่รอก่อน จากนั้นคนที่อยู่ในบ้านดังกล่าวได้โทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลภายนอก และมีความพยายามจะยื้อเวลาการเข้าไปตรวจค้น และบางส่วนก็พยายามเก็บข้าวของภายในบ้านทันที แม้ว่าสถานวิทยุชุมชนแห่งนี้ จะยังคงออกอากาศอยู่ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังตำรวจ สภ.คูคต เจ้าของท้องที่ได้เข้ามาสบทบและมีการเจรจากับผู้ดูแลบ้านคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าไปตรวจค้นภายในได้ โดยทางตำรวจ บก.ป.พยายามประนีประนอม ไม่แจ้งว่าเป็นการขัดขืนหมายศาล ซึ่งจากการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนลูกซอง 5 นัด พร้อมกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง วิทยุสื่อสาร 3 เครื่อง มีดเดินป่า 2 เล่ม จึงยึดไว้ตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง แต่ไม่พบเอกสารหรือหลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายวุฒิพงศ์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากใช้เวลาในการตรวจค้นเกือบ 1 ชั่วโมง และได้รอเจ้าหน้าที่ กสทช. ร่วมตรวจสอบการออกอากาศของสถานีวิทยุแห่งนี้ แต่ทางผู้แทน กสทช. ไม่ได้เดินทางมา กำลังตำรวจ บก.ป.จึงเตรียมถอนกำลังออกมา แต่ระหว่างนั้นได้มีมวลชนคนเสื้อแดงในพื้นที่กว่า 40 คน เข้ามารุมล้อมแสดงความไม่พอใจในการปฏิบัติงานของตำรวจในครั้งนี้ โดยต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์และด่าทอว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกปฏิบัติ แต่เหตุการณ์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่ได้มีการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด ส่วนอาวุธปืนและสิ่งที่ตรวจค้นมาทั้งหมดได้นำส่ง สภ.คูคต เพื่อตรวจสอบและดำเนินการต่อไป
สำหรับการเข้าตรวจค้นเพื่อหาหลักฐานประกอบการดำเนินคดีนายวุฒิพงศ์ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่กำลังตำรวจ บก.ป.มีการตรวจค้นภายหลังมีการแจ้งความดำเนินคดี กระทั่งศาลได้ออกหมายจับนายวุฒิพงศ์ ท่ามกลางกระแสข่าวออกมาว่านายวุฒิพงศ์ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศแล้ว
วานนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผกก.รักษาราชการแทน ผกก.ปพ.บก.ป.สั่งการ พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.จอม สิงห์น้อย สว.กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.อรรพล พานประทีป รอง ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ สว.กก.ปพ.บก.ป.นำกำลังรวม 70 นาย พร้อมหมายศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 177/2557 ลงวันที่ 6 พ.ค.2557 เข้าตรวจค้นบ้านพักไม่มีเลขที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ทำการสถานนีวิทยุชุมชน “เรดการ์ด เรดิโอ” หรือวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ซึ่งนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงเคยใช้เป็นสถานที่ทำงาน เพื่อแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว
สำหรับการเข้าตรวจค้นดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มบุคคลหลายภาคส่วน เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. ให้ดำเนินคดีต่อนายวุฒิพงศ์ ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง หลังจากนายวุฒิพงศ์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไวซ์นิวส์ (Vice News) พาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง กระทั่งมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนายวุฒิวงศ์ในความผิดดังกล่าวเอาไว้ ต่อมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจาณาตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา และได้เร่งสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่กำลังตำรวจ บก.ป.เดินทางไปถึงบริเวณหน้าบ้านพักหลังดังกล่าวแล้ว ได้มีผู้ดูแลบ้านออกมาพบ จากนั้น พ.ต.ท.นิคม ได้แสดงหมายค้นศาลให้รับทราบเพื่อเข้าไปตรวจค้นภายใน แต่ทางผู้ดูแลบ้านรายนี้ กลับอ้างว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ ขอให้เจ้าหน้าที่รอก่อน จากนั้นคนที่อยู่ในบ้านดังกล่าวได้โทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลภายนอก และมีความพยายามจะยื้อเวลาการเข้าไปตรวจค้น และบางส่วนก็พยายามเก็บข้าวของภายในบ้านทันที แม้ว่าสถานวิทยุชุมชนแห่งนี้ จะยังคงออกอากาศอยู่ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังตำรวจ สภ.คูคต เจ้าของท้องที่ได้เข้ามาสบทบและมีการเจรจากับผู้ดูแลบ้านคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าไปตรวจค้นภายในได้ โดยทางตำรวจ บก.ป.พยายามประนีประนอม ไม่แจ้งว่าเป็นการขัดขืนหมายศาล ซึ่งจากการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนลูกซอง 5 นัด พร้อมกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง วิทยุสื่อสาร 3 เครื่อง มีดเดินป่า 2 เล่ม จึงยึดไว้ตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง แต่ไม่พบเอกสารหรือหลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายวุฒิพงศ์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากใช้เวลาในการตรวจค้นเกือบ 1 ชั่วโมง และได้รอเจ้าหน้าที่ กสทช. ร่วมตรวจสอบการออกอากาศของสถานีวิทยุแห่งนี้ แต่ทางผู้แทน กสทช. ไม่ได้เดินทางมา กำลังตำรวจ บก.ป.จึงเตรียมถอนกำลังออกมา แต่ระหว่างนั้นได้มีมวลชนคนเสื้อแดงในพื้นที่กว่า 40 คน เข้ามารุมล้อมแสดงความไม่พอใจในการปฏิบัติงานของตำรวจในครั้งนี้ โดยต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์และด่าทอว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกปฏิบัติ แต่เหตุการณ์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่ได้มีการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด ส่วนอาวุธปืนและสิ่งที่ตรวจค้นมาทั้งหมดได้นำส่ง สภ.คูคต เพื่อตรวจสอบและดำเนินการต่อไป
สำหรับการเข้าตรวจค้นเพื่อหาหลักฐานประกอบการดำเนินคดีนายวุฒิพงศ์ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่กำลังตำรวจ บก.ป.มีการตรวจค้นภายหลังมีการแจ้งความดำเนินคดี กระทั่งศาลได้ออกหมายจับนายวุฒิพงศ์ ท่ามกลางกระแสข่าวออกมาว่านายวุฒิพงศ์ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศแล้ว