30 เม.ย.57
เรียนคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ
เรื่อง ประมวลภาพรวมสถานการณ์และแนวทางปฏิบัติที่จำเป็น
ผมได้ส่งข้อเขียนเชิงทฤษฎีมาให้เป็นระยะๆ(ตั้งแต่ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน) คงได้ใช้ประโยชน์สำหรับการขับเคลื่อนขบวนการประชาชนฯภายใต้การนำของคุณสุเทพและคณะไม่มากก็น้อย
วันนี้ ผมได้ประมวลภาพรวมสถานการณ์และแนวปฏิบัติที่จำเป็น เป็นข้อๆ ดังนี้
1.สถานการณ์ เคลื่อนตัวเข้าสู่ “โหมด” รุกรบแตกหัก เห็นผลแพ้ชนะเด็ดขาด เบ็ดเสร็จ
2.เมื่อขบวนการประชาชน โดย “กปปส.” นำโดยคุณสุเทพ เทือกสุบรรณและคณะแกนนำ ประกาศ “ชักธงรบ” เผด็จศึกระบอบทักษิณอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เม.ย.2557
3.ซึ่งถือว่าจำเป็นและถูกต้องอย่างยิ่ง ทั้งจังหวะและเวลา เพราะเกิดเงื่อนไขจำเป็นพร้อมรอบด้าน ด้วยประเทศไทยติดล็อกอยู่กับที่ ขยับไปไหนไม่ได้แล้ว (เลือกตั้งก็ไม่ได้ ไล่ยิ่งลักษณ์ออกไปก็ไม่ได้ รัฐประหารก็ไม่ได้)
4.การประกาศ “ชักธงรบ” มีขึ้นในสภาวะที่ดุลกำลังโดยรวมของขบวนการประชาชน ได้ก้าวมาถึงขั้นมี “ความพร้อมสูงสุด” อันเป็นผลจากการเคลื่อนไหวและซักซ้อมกำลังกันอย่างต่อเนื่องภายหลังการปรากฏขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมของมวลมหาประชาชนเรือนแสนเรือนล้านตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.2556 อันเป็นจุดเริ่มต้นของ “ความพร้อมสูงสุด”
5.สภาวะ “ความพร้อมสูงสุด” ของขบวนการประชาชน คือเงื่อนไขหรือหลักประกันที่จำเป็นของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ
6.การปรากฏขึ้นของ “ความพร้อมสูงสุด” โดยสาระสำคัญก็คือ ความพร้อมของแกนนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปัจจุบันมี “ความชัดเจน” อย่างยิ่งในการที่จะต่อสู้เอาชนะระบอบทักษิณ โดยแสดงความเชื่อมั่นสูงสุดในพลังอำนาจของมวลมหาประชาชน และในทำนองเดียวกัน มวลมหาประชาชนก็เกิดความเชื่อมั่นสูงสุดต่อการนำของคุณสุเทพ
7.ความพร้อมสูงสุดของขบวนการประชาชนเช่นนี้ ได้กลายเป็น “แรงกระทำสูงสุด” ต่อสังคมไทย ที่ไม่มีแรงกระทำอื่นใดเทียบเท่าได้ อีกนัยหนึ่ง สังคมไทยได้ตกอยู่ในการ “กำหนด” ของขบวนการประชาชนแล้ว
8.คำพูดของคุณสุเทพจะกลายเป็น “วาจาสิทธิ์” ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งยวดยิ่งกว่าใครในสังคมไทย
9.การเคลื่อนไหวของใครก็ตาม ที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณสุเทพพูด จะไม่เกิดแรงกระทบต่อขบวนการประชาชนแต่ประการใด เช่นการเคลื่อนไหวของคุณอภิสิทธิ์ ตรงกันข้าม กลับกระตุ้นให้มวลมหาประชาชนรวมตัวกันแน่นขึ้น แข็งแกร่งชัดเจนขึ้น ในการที่จะ “ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่” กับคุณสุเทพ และมวลมหาประชาชนจะพากันหลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง อย่างมืดฟ้ามัวดิน
10.ความพร้อมสูงสุดของขบวนการประชาชนเช่นนี้ กลายเป็นเงื่อนไขจำเป็นของการดำเนินมาตรการ “หักดิบ” ชิงเมือง เพื่อกำจัดระบอบทักษิณให้สำเร็จเป็นรูปธรรม
11.มาตรการ “หักดิบ” หลักๆก็คือ การประกาศสถาปนาอำนาจรัฐของประชาชนขึ้นมาหักล้างอำนาจรัฐของระบอบทักษิณ โดยประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ประกาศตั้งรัฐบาลของประชาชน นายกรัฐมนตรีของประชาชน สภานิติบัญญัติของประชาชน ฯลฯ (หรือเปิดประชุมสภาประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก)
12.การประกาศสถาปนาอำนาจรัฐของประชาชน จะทำให้คนไทยทั้งประเทศ ข้าราชการในกลไกอำนาจรัฐทุกระดับต้องตัดสินใจ “เลือกข้าง” ซึ่งคาดหมายได้ว่า ส่วนใหญ่จะเลือกข้าง “รัฐบาลประชาชน”
13.การประกาศเลือกข้างของคนไทยและกลไกอำนาจรัฐทั้งประเทศ จะทำให้ทั้งโลกประกาศรับรองรัฐบาลประชาชนของประเทศไทย
ต้องขออภัยที่ไม่ได้เรียบเรียงเป็นเรื่องเป็นราว
ด้วยจิตคารวะ
สันติ ตั้งรพีพากร
จดหมายนี้ ผู้เขียนได้นำส่งคุณสุเทพที่เวทีสวนลุมฯ ก่อนที่จะมีการแถลงการณ์ ประกาศ “บันได 3 ขั้น” ในการเผด็จศึกระบอบทักษิณไม่ถึง 2 ชั่วโมง และได้ติดตามการอ่านแถลงการณ์นี้อย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างเวทีตั้งแต่ต้นจนจบ โดยรวมแล้วรู้สึกพอใจ และเชื่อมั่นสูงสุดว่า ขบวนการประชาชนจักได้รับชัยชนะในที่สุด
เรียนคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ
เรื่อง ประมวลภาพรวมสถานการณ์และแนวทางปฏิบัติที่จำเป็น
ผมได้ส่งข้อเขียนเชิงทฤษฎีมาให้เป็นระยะๆ(ตั้งแต่ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน) คงได้ใช้ประโยชน์สำหรับการขับเคลื่อนขบวนการประชาชนฯภายใต้การนำของคุณสุเทพและคณะไม่มากก็น้อย
วันนี้ ผมได้ประมวลภาพรวมสถานการณ์และแนวปฏิบัติที่จำเป็น เป็นข้อๆ ดังนี้
1.สถานการณ์ เคลื่อนตัวเข้าสู่ “โหมด” รุกรบแตกหัก เห็นผลแพ้ชนะเด็ดขาด เบ็ดเสร็จ
2.เมื่อขบวนการประชาชน โดย “กปปส.” นำโดยคุณสุเทพ เทือกสุบรรณและคณะแกนนำ ประกาศ “ชักธงรบ” เผด็จศึกระบอบทักษิณอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เม.ย.2557
3.ซึ่งถือว่าจำเป็นและถูกต้องอย่างยิ่ง ทั้งจังหวะและเวลา เพราะเกิดเงื่อนไขจำเป็นพร้อมรอบด้าน ด้วยประเทศไทยติดล็อกอยู่กับที่ ขยับไปไหนไม่ได้แล้ว (เลือกตั้งก็ไม่ได้ ไล่ยิ่งลักษณ์ออกไปก็ไม่ได้ รัฐประหารก็ไม่ได้)
4.การประกาศ “ชักธงรบ” มีขึ้นในสภาวะที่ดุลกำลังโดยรวมของขบวนการประชาชน ได้ก้าวมาถึงขั้นมี “ความพร้อมสูงสุด” อันเป็นผลจากการเคลื่อนไหวและซักซ้อมกำลังกันอย่างต่อเนื่องภายหลังการปรากฏขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมของมวลมหาประชาชนเรือนแสนเรือนล้านตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.2556 อันเป็นจุดเริ่มต้นของ “ความพร้อมสูงสุด”
5.สภาวะ “ความพร้อมสูงสุด” ของขบวนการประชาชน คือเงื่อนไขหรือหลักประกันที่จำเป็นของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ
6.การปรากฏขึ้นของ “ความพร้อมสูงสุด” โดยสาระสำคัญก็คือ ความพร้อมของแกนนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปัจจุบันมี “ความชัดเจน” อย่างยิ่งในการที่จะต่อสู้เอาชนะระบอบทักษิณ โดยแสดงความเชื่อมั่นสูงสุดในพลังอำนาจของมวลมหาประชาชน และในทำนองเดียวกัน มวลมหาประชาชนก็เกิดความเชื่อมั่นสูงสุดต่อการนำของคุณสุเทพ
7.ความพร้อมสูงสุดของขบวนการประชาชนเช่นนี้ ได้กลายเป็น “แรงกระทำสูงสุด” ต่อสังคมไทย ที่ไม่มีแรงกระทำอื่นใดเทียบเท่าได้ อีกนัยหนึ่ง สังคมไทยได้ตกอยู่ในการ “กำหนด” ของขบวนการประชาชนแล้ว
8.คำพูดของคุณสุเทพจะกลายเป็น “วาจาสิทธิ์” ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งยวดยิ่งกว่าใครในสังคมไทย
9.การเคลื่อนไหวของใครก็ตาม ที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณสุเทพพูด จะไม่เกิดแรงกระทบต่อขบวนการประชาชนแต่ประการใด เช่นการเคลื่อนไหวของคุณอภิสิทธิ์ ตรงกันข้าม กลับกระตุ้นให้มวลมหาประชาชนรวมตัวกันแน่นขึ้น แข็งแกร่งชัดเจนขึ้น ในการที่จะ “ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่” กับคุณสุเทพ และมวลมหาประชาชนจะพากันหลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง อย่างมืดฟ้ามัวดิน
10.ความพร้อมสูงสุดของขบวนการประชาชนเช่นนี้ กลายเป็นเงื่อนไขจำเป็นของการดำเนินมาตรการ “หักดิบ” ชิงเมือง เพื่อกำจัดระบอบทักษิณให้สำเร็จเป็นรูปธรรม
11.มาตรการ “หักดิบ” หลักๆก็คือ การประกาศสถาปนาอำนาจรัฐของประชาชนขึ้นมาหักล้างอำนาจรัฐของระบอบทักษิณ โดยประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ประกาศตั้งรัฐบาลของประชาชน นายกรัฐมนตรีของประชาชน สภานิติบัญญัติของประชาชน ฯลฯ (หรือเปิดประชุมสภาประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก)
12.การประกาศสถาปนาอำนาจรัฐของประชาชน จะทำให้คนไทยทั้งประเทศ ข้าราชการในกลไกอำนาจรัฐทุกระดับต้องตัดสินใจ “เลือกข้าง” ซึ่งคาดหมายได้ว่า ส่วนใหญ่จะเลือกข้าง “รัฐบาลประชาชน”
13.การประกาศเลือกข้างของคนไทยและกลไกอำนาจรัฐทั้งประเทศ จะทำให้ทั้งโลกประกาศรับรองรัฐบาลประชาชนของประเทศไทย
ต้องขออภัยที่ไม่ได้เรียบเรียงเป็นเรื่องเป็นราว
ด้วยจิตคารวะ
สันติ ตั้งรพีพากร
จดหมายนี้ ผู้เขียนได้นำส่งคุณสุเทพที่เวทีสวนลุมฯ ก่อนที่จะมีการแถลงการณ์ ประกาศ “บันได 3 ขั้น” ในการเผด็จศึกระบอบทักษิณไม่ถึง 2 ชั่วโมง และได้ติดตามการอ่านแถลงการณ์นี้อย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างเวทีตั้งแต่ต้นจนจบ โดยรวมแล้วรู้สึกพอใจ และเชื่อมั่นสูงสุดว่า ขบวนการประชาชนจักได้รับชัยชนะในที่สุด