นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงภายหลัง กกต.ทั้ง 5 คน ประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทน 4 เหล่าทัพ และผู้แทนหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงรวม 12 หน่วยงาน เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า การจัดการเลือกตั้งใน สถานการณ์ที่บ้านเมืองมีความขัดแย้ง ยากที่จะทำให้การเลือกตั้งเกิดความสำเร็จเรียบร้อย เป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องคำนึงถึง หากจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ขึ้น และที่มีการเรียกร้องให้กกต.จัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ภายใน 45-60 วัน นับแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนั้น ไม่สามารถทำได้
อย่าไงรก็ตาม กกต.และผู้แทน 12 หน่วยงานความมั่นคง มีความเห็นที่ตรงกัน การจัดการเลือกตั้งโดยเร็วเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การให้รัฐบาลอยู่รักษาการนานเกินไป ไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง แต่ทั้งนี้ปัญหา และสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบันยังถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้การจัดการเลือกตั้งเกิดความสำเร็จได้ จึงยังไม่สามารถที่จะกำหนดวันเลืออกตั้งใหม่ได้ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งต่อไปเป็นระยะ รวมทั้งต้อง รอฟังการหารือของที่ประชุม 73 พรรคการเมือง ในวันที่ 22 เม.ย. ก่อน รวมทั้งจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน รวมถึง 7 องค์กรธุรกิจ เพื่อนำข้อเสนอในเรื่องความเหมาะสมในการจัดการเลือกตั้งใหม่มาพิจารณา ประกอบการกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป โดยในระหว่างนี้ กกต. ก็จะมีการแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เป็นอุปสรรคเพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาในการจัดการเลือกตั้งเหมือนเมื่อ 2 ก.พ. รอไว้
“ที่ประชุมยังไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เป็นอยู่จะสงบลงเมื่อใด รู้เพียงแต่ว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เบาลง จึงยังไม่เหมาะสมที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่ เพราะกลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอย เหมือนวันที่ 2 ก.พ. จนทำให้เสียงบประมาณ 3.8 พันล้านบาท" นายภุชงค์ กล่าวว่า
ส่วนที่หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายกรัฐมนตรีสิ้นสภาพ และทำให้เกิดสุญญากาศ และกระทบกับการเลือกตั้งนั้น นายภุชงค์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น และไม่เกี่ยวข้องกับกกต. เพราะกกต. มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ตามกฎหมาย
อย่าไงรก็ตาม กกต.และผู้แทน 12 หน่วยงานความมั่นคง มีความเห็นที่ตรงกัน การจัดการเลือกตั้งโดยเร็วเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การให้รัฐบาลอยู่รักษาการนานเกินไป ไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง แต่ทั้งนี้ปัญหา และสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบันยังถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้การจัดการเลือกตั้งเกิดความสำเร็จได้ จึงยังไม่สามารถที่จะกำหนดวันเลืออกตั้งใหม่ได้ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งต่อไปเป็นระยะ รวมทั้งต้อง รอฟังการหารือของที่ประชุม 73 พรรคการเมือง ในวันที่ 22 เม.ย. ก่อน รวมทั้งจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน รวมถึง 7 องค์กรธุรกิจ เพื่อนำข้อเสนอในเรื่องความเหมาะสมในการจัดการเลือกตั้งใหม่มาพิจารณา ประกอบการกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป โดยในระหว่างนี้ กกต. ก็จะมีการแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เป็นอุปสรรคเพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาในการจัดการเลือกตั้งเหมือนเมื่อ 2 ก.พ. รอไว้
“ที่ประชุมยังไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เป็นอยู่จะสงบลงเมื่อใด รู้เพียงแต่ว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เบาลง จึงยังไม่เหมาะสมที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่ เพราะกลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอย เหมือนวันที่ 2 ก.พ. จนทำให้เสียงบประมาณ 3.8 พันล้านบาท" นายภุชงค์ กล่าวว่า
ส่วนที่หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายกรัฐมนตรีสิ้นสภาพ และทำให้เกิดสุญญากาศ และกระทบกับการเลือกตั้งนั้น นายภุชงค์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น และไม่เกี่ยวข้องกับกกต. เพราะกกต. มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ตามกฎหมาย
