ASTVผู้จัดการรายวัน - พายุลูกเห็บพัดถล่ม 2 หมู่บ้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยับเยินกว่า 300 หลัง ที่ จ.เชียงราย 3 วันเดือดร้อนกว่า 7,500 ครัวเรือน หลายหน่วยงานเร่งช่วยเหลือ ด้าน "ชาวโกสัมพีนคร" อ่วม 137 หลัง พายุสงบถูกไฟไหม้ซ้ำอีกหลัง ขณะกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ วันนี้ (7 เม.ย.) ฝนลดลง-อากาศร้อนขึ้น
วานนี้ (6 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ ว่ากลางดึกวันที่ 6 เมษายน เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่ม และมีลูกเห็บตกอย่างหนัก ที่บ้านตาแท่นหมู่ 4 และ 14 ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ นานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้บ้านเรือนพังทั้งหลังประมาณ 10 หลัง และหลังคาถูกพายุหอบหายไปประมาณ 300 หลัง เสาไฟฟ้าหักโค่น หม้อแปลงตกลงมากองอยู่กับพื้น ไฟฟ้าดับ นอกจากนี้วัด 2 แห่งซึ่งจัดงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ปรากฏว่าต้นไม้ขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปีหักโค่นลงมา ชาวบ้านพากันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน หลังจากพายุสงบชาวบ้านตามไปเก็บเอาสังกะสีที่ปลิวไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร กลับมามุงหลังคาเพื่อกันแดดฝนกันอย่างทุลักทุเล
นางสมร ผิวขาว อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 3 บ้านตาแท่น ต.บึงมะลู กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุกำลังนั่งเลี้ยงหลานอยู่ใต้ถุนบ้าน เกิดพายุพัดมาอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต จากนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนัก พร้อมทั้งมีลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมา บ้านของตนและเพื่อนบ้านพังลงมาทั้งหลัง ทับรถไถนาเดินตามและรถจักรยานยนต์ โชคดีที่ไม่ใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ต่อมา นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สาขากันทรลักษ์ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเบื้องต้น เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนต่อไป
ที่ จ.เชียงราย เช้าวันเดียวกัน พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ระดมกำลังทหาร ร่วมกับเทศบาลตำบลบ้านดู่ อ.เมือง นำกระเบื้อง และวัสดุอุปกรณ์เข้าซ่อมบ้านเรือนและหลังคาบ้าน หลังถูกพายุลูกเห็บพัดถล่ม โดยเฉพาะบ้านดอยปู่ไข่ หมู่ 13 ของชาวลาหู่ ชาวบ้านไม่มีที่พักประมาณ 300 คน เนื่องจากหลังคาบ้านประมาณ 100 หลังเป็นรูพรุน ต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติที่ต่างหมู่บ้าน
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสว่าง ม่อมดี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัด ไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่อ.เชียงของ อ.พาน อ.เวียงแก่น อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.พญาเม็งราย อ.แม่จัน อ.ขุนตาล อ.เวียงชัย อ.เมือง และ อ.แม่ฟ้าหลวง ที่ลูกเห็บตกขาวโพลนไปทั้งขุนเขา
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 เมษายน เกิดฝนตก ลมกระโชกแรง ลูกเห็บขนาดใหญ่เกือบเท่าไข่ไก่ตกอย่างหนักประมาณ 30 นาที บ้านเรือน พืชผลทางการเกษตร ป้ายโฆษณา สิ่งปลูกสร้างที่ดอยแม่สลอง ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย ต.บ้านดู่ และ ต.นางแล อ.เมือง ได้รับความเสียหายจำหนวนมาก
โดยปภ.จังหวัดเชียงราย สรุปข้อมูลความเสียหายตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน รวม 37 ตำบล 323 หมู่บ้าน 7,581 ครัวเรือน แยกเป็น ต.เชียงเคี่ยน ต.ปล้อง ต.แม่ลอย ต.เวียง ต.งิ้ว ต.ตับเต่า ต.หงาว ต.หนองแรด ต.ศรีดอนไชย และ ต.สันทรายงาม อ.เทิง ประสบภัย 125 หมู่บ้าน 1,200 ตัวเรือน
ต.ห้วยซ้อ ต.ครึ่ง ต.ศรีดอนชัย ต.สถาน และต.บุญเรือง อ.เชียงของ 51 หมู่บ้าน 547 หลังคาเรือน ต.เมืองพาน ต.เจริญเมือง ต.ดอยงาม ต.ป่าหุ่ง ต.สันมะเค็ด ต.แม่อ้อ ต.สันกลาง อ.พาน 77 หมู่บ้าน 356 หลังคาเรือน ต.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น 1 หมู่บ้าน 5 หลังคาเรือน ต.ป่าซาง ต.ทุ่งก่อ และ ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง 16 หมู่บ้าน 300 หลังคาเรือน ต.เม็งราย และ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย 6 หมู่บ้าน 68 หลังคาเรือน ต.ท่าข้าวเปลือก และต.ป่าตึง อ.แม่จัน 9 หมู่บ้าน 84 หลังคาเรือน
โดยวันที่ 6 เษายน มีพื้นที่ประสบภัยเพิ่มเติม คือ ต.ผางาม ต.เมืองชุม และต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย 27 หมู่บ้าน 2,452 หลังคาเรือน ต.ป่าตึง ต.ป่าซาง ต.ศรีค้ำ และต.แม่คำ อ.แม่จัน 6 หมู่บ้าน 150 หลังคาเรือน
ที่ อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร พายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 เมษายน หลังคาบ้านปลิวหายไป 137 หลัง หลังพายุสงบยังเกิดเหตุไฟไหม้บ้านในหมู่ 7 ต.เพชรชมพู เสียหายอีก 1 หลัง ซึ่งนายวิษณุ สุขดี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/5 หมู่ 19 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร กล่าวว่า ฝนตกพร้อมมีพายุพัดรุนแรง พัดเอาหลังคาสังกะสีหลุดไปหมด ส่วนตัวบ้านสั่นไหว ต้องหลบอยู่ภายในห้องชั้นล่าง เมื่อพายุสงบลงจึงออกมาดูก็พบว่าหลังคาหายไปหมดแล้ว
ขณะที่นางทุม บัวสอน อายุ 58 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นพายุรุนแรงแบบนี้มาก่อน ต้องหลบอยู่แต่ในห้อง ส่วนบ้านให้ลูกหลานเอาสังกะสีเก่ามาตีแปะหลังคาไว้ก่อน เพื่อกันฝนที่อาจจะตกลงมาอีก ขณะเดียวกัน นายสงกรานต์ อักษร รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ปฏิบัติราชการแทน อธิบดี ซึ่งออกประกาศเตือน"พายุฤดูร้อน" วัน 6 เมษายน ระบุในตอนท้ายว่าวันที่ 7 เมษายน ประเทศไทยจะมีฝนลดลง และอากาศร้อนขึ้น.
วานนี้ (6 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ ว่ากลางดึกวันที่ 6 เมษายน เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่ม และมีลูกเห็บตกอย่างหนัก ที่บ้านตาแท่นหมู่ 4 และ 14 ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ นานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้บ้านเรือนพังทั้งหลังประมาณ 10 หลัง และหลังคาถูกพายุหอบหายไปประมาณ 300 หลัง เสาไฟฟ้าหักโค่น หม้อแปลงตกลงมากองอยู่กับพื้น ไฟฟ้าดับ นอกจากนี้วัด 2 แห่งซึ่งจัดงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ปรากฏว่าต้นไม้ขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปีหักโค่นลงมา ชาวบ้านพากันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน หลังจากพายุสงบชาวบ้านตามไปเก็บเอาสังกะสีที่ปลิวไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร กลับมามุงหลังคาเพื่อกันแดดฝนกันอย่างทุลักทุเล
นางสมร ผิวขาว อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 3 บ้านตาแท่น ต.บึงมะลู กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุกำลังนั่งเลี้ยงหลานอยู่ใต้ถุนบ้าน เกิดพายุพัดมาอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต จากนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนัก พร้อมทั้งมีลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมา บ้านของตนและเพื่อนบ้านพังลงมาทั้งหลัง ทับรถไถนาเดินตามและรถจักรยานยนต์ โชคดีที่ไม่ใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ต่อมา นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สาขากันทรลักษ์ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเบื้องต้น เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนต่อไป
ที่ จ.เชียงราย เช้าวันเดียวกัน พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ระดมกำลังทหาร ร่วมกับเทศบาลตำบลบ้านดู่ อ.เมือง นำกระเบื้อง และวัสดุอุปกรณ์เข้าซ่อมบ้านเรือนและหลังคาบ้าน หลังถูกพายุลูกเห็บพัดถล่ม โดยเฉพาะบ้านดอยปู่ไข่ หมู่ 13 ของชาวลาหู่ ชาวบ้านไม่มีที่พักประมาณ 300 คน เนื่องจากหลังคาบ้านประมาณ 100 หลังเป็นรูพรุน ต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติที่ต่างหมู่บ้าน
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสว่าง ม่อมดี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัด ไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่อ.เชียงของ อ.พาน อ.เวียงแก่น อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.พญาเม็งราย อ.แม่จัน อ.ขุนตาล อ.เวียงชัย อ.เมือง และ อ.แม่ฟ้าหลวง ที่ลูกเห็บตกขาวโพลนไปทั้งขุนเขา
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 เมษายน เกิดฝนตก ลมกระโชกแรง ลูกเห็บขนาดใหญ่เกือบเท่าไข่ไก่ตกอย่างหนักประมาณ 30 นาที บ้านเรือน พืชผลทางการเกษตร ป้ายโฆษณา สิ่งปลูกสร้างที่ดอยแม่สลอง ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย ต.บ้านดู่ และ ต.นางแล อ.เมือง ได้รับความเสียหายจำหนวนมาก
โดยปภ.จังหวัดเชียงราย สรุปข้อมูลความเสียหายตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน รวม 37 ตำบล 323 หมู่บ้าน 7,581 ครัวเรือน แยกเป็น ต.เชียงเคี่ยน ต.ปล้อง ต.แม่ลอย ต.เวียง ต.งิ้ว ต.ตับเต่า ต.หงาว ต.หนองแรด ต.ศรีดอนไชย และ ต.สันทรายงาม อ.เทิง ประสบภัย 125 หมู่บ้าน 1,200 ตัวเรือน
ต.ห้วยซ้อ ต.ครึ่ง ต.ศรีดอนชัย ต.สถาน และต.บุญเรือง อ.เชียงของ 51 หมู่บ้าน 547 หลังคาเรือน ต.เมืองพาน ต.เจริญเมือง ต.ดอยงาม ต.ป่าหุ่ง ต.สันมะเค็ด ต.แม่อ้อ ต.สันกลาง อ.พาน 77 หมู่บ้าน 356 หลังคาเรือน ต.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น 1 หมู่บ้าน 5 หลังคาเรือน ต.ป่าซาง ต.ทุ่งก่อ และ ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง 16 หมู่บ้าน 300 หลังคาเรือน ต.เม็งราย และ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย 6 หมู่บ้าน 68 หลังคาเรือน ต.ท่าข้าวเปลือก และต.ป่าตึง อ.แม่จัน 9 หมู่บ้าน 84 หลังคาเรือน
โดยวันที่ 6 เษายน มีพื้นที่ประสบภัยเพิ่มเติม คือ ต.ผางาม ต.เมืองชุม และต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย 27 หมู่บ้าน 2,452 หลังคาเรือน ต.ป่าตึง ต.ป่าซาง ต.ศรีค้ำ และต.แม่คำ อ.แม่จัน 6 หมู่บ้าน 150 หลังคาเรือน
ที่ อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร พายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 เมษายน หลังคาบ้านปลิวหายไป 137 หลัง หลังพายุสงบยังเกิดเหตุไฟไหม้บ้านในหมู่ 7 ต.เพชรชมพู เสียหายอีก 1 หลัง ซึ่งนายวิษณุ สุขดี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/5 หมู่ 19 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร กล่าวว่า ฝนตกพร้อมมีพายุพัดรุนแรง พัดเอาหลังคาสังกะสีหลุดไปหมด ส่วนตัวบ้านสั่นไหว ต้องหลบอยู่ภายในห้องชั้นล่าง เมื่อพายุสงบลงจึงออกมาดูก็พบว่าหลังคาหายไปหมดแล้ว
ขณะที่นางทุม บัวสอน อายุ 58 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นพายุรุนแรงแบบนี้มาก่อน ต้องหลบอยู่แต่ในห้อง ส่วนบ้านให้ลูกหลานเอาสังกะสีเก่ามาตีแปะหลังคาไว้ก่อน เพื่อกันฝนที่อาจจะตกลงมาอีก ขณะเดียวกัน นายสงกรานต์ อักษร รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ปฏิบัติราชการแทน อธิบดี ซึ่งออกประกาศเตือน"พายุฤดูร้อน" วัน 6 เมษายน ระบุในตอนท้ายว่าวันที่ 7 เมษายน ประเทศไทยจะมีฝนลดลง และอากาศร้อนขึ้น.