นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีรัฐบาล และ กปปส. ออกมาแสดงท่าทีปฏิเสธที่จะเสนอรายชื่อบุคคลเข้ามาเป็นคณะคนกลาง ในการเจรจายุติความขัดแย้งตามที่ 6 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เสนอ ว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่ควรที่จะรีบให้คำตอบ อยากให้ไปปรึกษาหารือ ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน เพราะ 7 วันจากนี้ไป อาจจะเกิดสถานการณ์ขึ้นอีกมากมาย ที่จะเป็นตัวตัดสินใจว่า ทั้งสองฝ่ายควรจะดำเนินการอย่างไร อีกทั้งข้อเสนอของ 6 องค์กรฯ ที่เสนอไปนั้น ต้องการให้เกิดการเจรจา เกิดคณะคนกลางขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ดังนั้นถ้าทั้งสองฝ่ายเห็นว่า วิธีการดังกล่าวเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการช่วยคลี่คลายปัญหาของประเทศไทย ก็ยังมีเวลาทบทวนในการเสนอรายชื่อบุคคลที่คิดว่าเหมาะสม จึงอย่าเพิ่งรีบตอบ เพราะยังมีเวลาจนถึงวันที่ 24 มี.ค. ที่สองฝ่ายจะตัดสินใจ แต่ถ้าครบ 7 วัน ยังไม่มีคำตอบ ไม่มีการเสนอชื่อ เราก็คงต้องขอยุติการทำหน้าที่จุดนี้ไปทันที
ทั้งนี้ หากคู่ขัดแย้งรับกระบวนการเจรจา รายชื่อบุคคลที่จะมีการเสนอมานั้น หากส่งมาเพียงฝ่ายเดียว จะยังไม่มีการเปิด จะปิดผนึกไว้ก่อน รอไว้จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะส่งมาถึงพร้อมกัน จากนั้นจะมาเปิดต่อหน้าสื่อมวลชน ว่ามีชื่อบุคคลใดบ้าง มีชื่อตรงกันกี่ชื่อ แล้ว 6 องค์กร ก็จะไปทาบทามว่าบุคคลเหล่านั้น พร้อมที่จะทำหน้าที่มาเป็นคนกลางเจรจาหรือไม่ ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นการสร้างความเป็นธรรม ไม่ให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบ ไม่ก่อให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
** "อ๋อย" ซัดไม่ใช่หน้าที่องค์กรอิสระ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาล และ กปปส. ไม่ทำตามข้อเสนอของ 6 องค์กรฯ เพราะหากทำ จะยิ่งเกิดความเสียหาย องค์กรอิสระมาเสนอข้อเสนอแบบนี้ เป็นความผิดพลาด ไม่เหมาะสม ขัดต่อหลักการขององค์กรอิสระ ที่ต้องเป็นอิสระจากทุกฝ่าย เพราะมีหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบ การเข้ามาจัดการกับการเมือง ทั้งที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีกฎหมายรองรับ โดยเฉพาะการเข้ามาทำหน้าที่ในเรื่องที่มีการกระทำขัดต่อกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ อย่างการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.
ฉะนั้นเมื่อทำในลักษณะที่เหมือน กปปส.ไม่ได้กระทำผิด จึงทำให้องค์กรเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาได้ แทนที่จะไปดูว่ามีองค์กรไหนบ้าง ที่ทำให้การเลือกตั้งสะดุด กลับมีข้อเสนอให้รัฐบาล และ กปปส.ไปหารือกัน เป็นการเข้ามาก้าวก่าย ปัญหาหลายปีที่ผ่านมานี้ ที่การเมืองต้องเสียหายมาก และแก้ปัญหาไม่จบ ก็เป็นเพราะองค์กรอิสระเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน
** ผบ.ทอ.หนุน2ฝ่ายเจรจา
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. กล่าวถึงปัฯหาความขัดแย้งทางการเมืองว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรยุติความขัดแย้ง แล้วหาทางไปสู่ความสันติ ซึ่งในเรื่องสงคราม การต่อสู้มี 2 แบบ คือ 1. ฝ่ายมีกำลังไปโจมตีฝ่ายอ่อนแอ และบังคับให้ปฏิบัติตาม 2. มีกำลังทัดเทียมกัน ใช้กำลังเผชิญหน้ากัน ยึดครองเจรจาเพื่อการต่อรอง แต่ถ้าต่อรองไม่ได้ ก็ต้องอาศัยคนกลางมาช่วย แต่ในสงครามกลางเมือง ใกล้เคียงกัน เพราะเรามีประเทศเป็นเป้าหลัก ที่ทำให้เกิดผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจ เราจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ควรใช้การเจรจาเพื่อหาทางออก พร้อมกับดูแลเรื่องการปฏิรุปประเทศ ควบคู่ไปกับการบริหารประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงต่อไป ยุติความขัดแย้ง ยุติการใช้วาทกรรมที่เสียดสี หรือทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ช่วยกัน และสร้างสรรค์ประเทศให้เดินหน้าต่อไป
"ในตัวบุคคล ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่างมีบทบาทสูง จึงน่าจะมีกลไกลในการเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติวิธี แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้กลไก วิธีการ หรือกลุ่มบุคคลใด แต่สุดท้ายการเจรจา จะดีที่สุด เราต้องมองภาพว่าหากเราไม่เจรจาแล้วเกิดความสูญเสีย จะเป็นอย่างที่ผมยกตัวอย่าง คือ สงคราม ผู้มีอำนาจใช้กำลังกับผู้ไม่มีอำนาจ เมื่อชนะแล้วก็บังคับ ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครต้องการ กับกรณีที่มีอำนาจทั้งสองฝ่าย เมื่อมาเจอกันแล้วหยุด เพื่อ เจรจาให้เกิดความสันติถือว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องเสียสละ ลดทิฐิ หวังว่าเราจะได้มีความสุขในวันสงกรานต์ ที่เป็นขึ้นปีใหม่ไทย และคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอย เหมือนช่วง เม.ย.ปี 53 ”ผบ.ทอ. กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกฯ ควรลาออก เพื่อจะได้เป็นวีรสตรี และ นายสุเทพ ควรยุติการชุมนุมจะได้เป็นวีรบุรุษ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละท่าน ว่าส่วนใดที่จะสามารถลดทิฐิ ลงได้ หรือส่วนใดที่จะเสียสละได้ เรื่องนี้ตนไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า จะแค่ไหน อย่างไร เพราะไม่มีข้อมูล หรือบทบาทสำคัญ เหมือนแต่ละท่าน ตนให้ข้อมูลในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
ทั้งนี้ หากคู่ขัดแย้งรับกระบวนการเจรจา รายชื่อบุคคลที่จะมีการเสนอมานั้น หากส่งมาเพียงฝ่ายเดียว จะยังไม่มีการเปิด จะปิดผนึกไว้ก่อน รอไว้จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะส่งมาถึงพร้อมกัน จากนั้นจะมาเปิดต่อหน้าสื่อมวลชน ว่ามีชื่อบุคคลใดบ้าง มีชื่อตรงกันกี่ชื่อ แล้ว 6 องค์กร ก็จะไปทาบทามว่าบุคคลเหล่านั้น พร้อมที่จะทำหน้าที่มาเป็นคนกลางเจรจาหรือไม่ ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นการสร้างความเป็นธรรม ไม่ให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบ ไม่ก่อให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
** "อ๋อย" ซัดไม่ใช่หน้าที่องค์กรอิสระ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาล และ กปปส. ไม่ทำตามข้อเสนอของ 6 องค์กรฯ เพราะหากทำ จะยิ่งเกิดความเสียหาย องค์กรอิสระมาเสนอข้อเสนอแบบนี้ เป็นความผิดพลาด ไม่เหมาะสม ขัดต่อหลักการขององค์กรอิสระ ที่ต้องเป็นอิสระจากทุกฝ่าย เพราะมีหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบ การเข้ามาจัดการกับการเมือง ทั้งที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีกฎหมายรองรับ โดยเฉพาะการเข้ามาทำหน้าที่ในเรื่องที่มีการกระทำขัดต่อกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ อย่างการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.
ฉะนั้นเมื่อทำในลักษณะที่เหมือน กปปส.ไม่ได้กระทำผิด จึงทำให้องค์กรเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาได้ แทนที่จะไปดูว่ามีองค์กรไหนบ้าง ที่ทำให้การเลือกตั้งสะดุด กลับมีข้อเสนอให้รัฐบาล และ กปปส.ไปหารือกัน เป็นการเข้ามาก้าวก่าย ปัญหาหลายปีที่ผ่านมานี้ ที่การเมืองต้องเสียหายมาก และแก้ปัญหาไม่จบ ก็เป็นเพราะองค์กรอิสระเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน
** ผบ.ทอ.หนุน2ฝ่ายเจรจา
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. กล่าวถึงปัฯหาความขัดแย้งทางการเมืองว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรยุติความขัดแย้ง แล้วหาทางไปสู่ความสันติ ซึ่งในเรื่องสงคราม การต่อสู้มี 2 แบบ คือ 1. ฝ่ายมีกำลังไปโจมตีฝ่ายอ่อนแอ และบังคับให้ปฏิบัติตาม 2. มีกำลังทัดเทียมกัน ใช้กำลังเผชิญหน้ากัน ยึดครองเจรจาเพื่อการต่อรอง แต่ถ้าต่อรองไม่ได้ ก็ต้องอาศัยคนกลางมาช่วย แต่ในสงครามกลางเมือง ใกล้เคียงกัน เพราะเรามีประเทศเป็นเป้าหลัก ที่ทำให้เกิดผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจ เราจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ควรใช้การเจรจาเพื่อหาทางออก พร้อมกับดูแลเรื่องการปฏิรุปประเทศ ควบคู่ไปกับการบริหารประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงต่อไป ยุติความขัดแย้ง ยุติการใช้วาทกรรมที่เสียดสี หรือทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ช่วยกัน และสร้างสรรค์ประเทศให้เดินหน้าต่อไป
"ในตัวบุคคล ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่างมีบทบาทสูง จึงน่าจะมีกลไกลในการเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติวิธี แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้กลไก วิธีการ หรือกลุ่มบุคคลใด แต่สุดท้ายการเจรจา จะดีที่สุด เราต้องมองภาพว่าหากเราไม่เจรจาแล้วเกิดความสูญเสีย จะเป็นอย่างที่ผมยกตัวอย่าง คือ สงคราม ผู้มีอำนาจใช้กำลังกับผู้ไม่มีอำนาจ เมื่อชนะแล้วก็บังคับ ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครต้องการ กับกรณีที่มีอำนาจทั้งสองฝ่าย เมื่อมาเจอกันแล้วหยุด เพื่อ เจรจาให้เกิดความสันติถือว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องเสียสละ ลดทิฐิ หวังว่าเราจะได้มีความสุขในวันสงกรานต์ ที่เป็นขึ้นปีใหม่ไทย และคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอย เหมือนช่วง เม.ย.ปี 53 ”ผบ.ทอ. กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกฯ ควรลาออก เพื่อจะได้เป็นวีรสตรี และ นายสุเทพ ควรยุติการชุมนุมจะได้เป็นวีรบุรุษ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละท่าน ว่าส่วนใดที่จะสามารถลดทิฐิ ลงได้ หรือส่วนใดที่จะเสียสละได้ เรื่องนี้ตนไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า จะแค่ไหน อย่างไร เพราะไม่มีข้อมูล หรือบทบาทสำคัญ เหมือนแต่ละท่าน ตนให้ข้อมูลในฐานะประชาชนคนหนึ่ง