ASTVผู้จัดการรายวัน - อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย ประเดิมปีม้าบวกร่วม 10% เติบโตสวนภาพรวมตลาดรถยนต์ร่วง จากปัจจัยส่งออกและค่าเงินบาทอ่อนหนุน เผยการเมืองสร้างความกังวลนักลงทุน เริ่มหันไปมองอินโดนีเซียมากขึ้น แต่มั่นใจไทยยังได้เปรียบ และเชื่อเป็นปัญหาระยะสั้น เช่นเดียวกับผู้จัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ประกาศเดินหน้าก้าวสู่อาเซียนรับเออีซี
นางอัชณา ลิมป์ไพฑูรย์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันสร้างความลำบากแก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย จากเรื่องของเศรษฐกิจชะลอตัว การปรับขึ้นของค่าแรงงาน และวัตถุดิบ ตลอดจนการย้ายฐานผลิตของนักลงทุนจากญี่ปุ่น และยังมีเรื่องของปัญหาทางการเมืองในไทยเกิดขึ้นอีก ทำให้ภาพรวมตลาดรถยนต์ลดลงมากในปีนี้ และส่งผลให้บริษัทรถยนต์เริ่มมีการปรับลดกำลังการผลิตลง
“ทิศทางดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนชะลอตัวตามไปด้วย ดังจะเห็นได้จากตัวเลขมูลค่าของชิ้นส่วนยานยนต์ในปีที่ผ่านมาติดลบประมาณ 10% แต่เดือนมกราคมของปีนี้ ปรากฎว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย ตัวเลขมูลค่าการส่งออก มีอัตราการเติบโตเกือบ 10% ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกที่ยังคงดีอยู่ และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเหมาะสม แม้ตลาดรถในประเทศจะชะลอตัวลงก็ตาม”
ส่วนสถานการณ์ต่างๆ ในไทยปัจจุบัน จากการได้พูดคุยกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือเจโทร ซึ่งมีสมาชิกเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ญี่ปุ่น เขายังคงต้องการผลิตและลงทุนในประเทศไทย แต่เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองของไทย และทางสมาคมฯ ได้ชี้แจงว่าเป็นปัญหาระยะสั้น ที่ผ่านมาไทยเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งการเมืองและอุทกภัยมาหลายครั้ง และดูแล้วครั้งนี้ไม่มีความรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา ที่สำคัญไทยมีพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และมีความพร้อมมากกว่า
นางอัชนาเปิดเผยว่า อาจจะเริ่มเห็นมีการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย หรือเวียดนามมากขึ้น แต่บริษัทรถยังคงเพิ่มการลงทุนและผลิตในไทยเช่นเดิม ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจที่จะลดความเสี่ยง และดีเสียอีกที่จะทำให้อาเซียนแข็งแกร่ง โดยต่อไปจะได้มีการแยกประเทศไหนจะผลิตรถอะไร อย่างไทยผลิตอีโคคาร์ และปิกอัพ รวมถึงผลิตเพื่อการส่งออก ขณะที่อินโดนีเซียจะเป็นรถอเนกประสงค์ หรือรถยนต์นั่งทั่วๆ ไป และเพื่อรองรับตลาดในประเทศเป็นหลัก
“เหตุนี้จึงไม่น่าจะกังวล และมองการเมืองเป็นปัญหาระยะสั้น คาดว่าจะคลี่คลายภายในไตรมาสสองปีนี้ และเชื่อว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายภาพรวมอุตสาหกรรมยานยน์จะกลับมาดีเช่นเดิม ขณะที่ส่งออกยังคงขยายตัวด้วยดี ดังนั้นจึงคาดว่าการผลิตรถยนต์ในไทยปีนี้ น่าจะบรรลุ 2.5 ล้านคัน มากกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ประมาณ 2.47 ล้านคัน และทำให้อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนขยายตัวตามไปด้วย” นางอัชนากล่าว
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2014 เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรง และคาดว่าจะคลี่คลายในเร็วๆ นี้ แต่ที่สำคัญไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกสำคัญของค่ายรถทั่วโลก และมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมายาวนาน จึงมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ และงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และพร้อมที่จะรับการเปิดเออีซี โดยปลายปีนี้จะไปร่วมจัดงานมอเตอร์โชว์ในประเทศกัมพูชา รวมถึงอาจจะขยายไปยังประเทศลาวด้วย
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 เปิดเผยว่า ไม่ว่าจะมีปัญหาการเมืองอย่างไร แต่ปีนี้มีความพร้อมจัดงานแล้ว โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายนนี้ โดยได้รับการตอบรับจากบริษัทรถและรถจักรยานยนต์มากกว่าเดิมอีก จึงได้มีขยายพื้นที่เพิ่มอีกเกือบ 4,000 ตารางเมตร ขณะที่ปีนี้มีรถยนต์ต้นแบบและรถใหม่เพื่อขาย มาเปิดตัวในงานจำนวนมากเช่นเดิม ซึ่งรถที่มีราคาแพงสุดโรลส์รอยซ์ โกสต์ แฟนทอม รุ่นเอ็กซ์เทนเดด วีลเบส ราคา 42.5 ล้านบาท และยังมีเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยขวาเปิดตัวครั้งแรกในโลกด้วย
นางอัชณา ลิมป์ไพฑูรย์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันสร้างความลำบากแก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย จากเรื่องของเศรษฐกิจชะลอตัว การปรับขึ้นของค่าแรงงาน และวัตถุดิบ ตลอดจนการย้ายฐานผลิตของนักลงทุนจากญี่ปุ่น และยังมีเรื่องของปัญหาทางการเมืองในไทยเกิดขึ้นอีก ทำให้ภาพรวมตลาดรถยนต์ลดลงมากในปีนี้ และส่งผลให้บริษัทรถยนต์เริ่มมีการปรับลดกำลังการผลิตลง
“ทิศทางดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนชะลอตัวตามไปด้วย ดังจะเห็นได้จากตัวเลขมูลค่าของชิ้นส่วนยานยนต์ในปีที่ผ่านมาติดลบประมาณ 10% แต่เดือนมกราคมของปีนี้ ปรากฎว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย ตัวเลขมูลค่าการส่งออก มีอัตราการเติบโตเกือบ 10% ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกที่ยังคงดีอยู่ และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเหมาะสม แม้ตลาดรถในประเทศจะชะลอตัวลงก็ตาม”
ส่วนสถานการณ์ต่างๆ ในไทยปัจจุบัน จากการได้พูดคุยกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือเจโทร ซึ่งมีสมาชิกเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ญี่ปุ่น เขายังคงต้องการผลิตและลงทุนในประเทศไทย แต่เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองของไทย และทางสมาคมฯ ได้ชี้แจงว่าเป็นปัญหาระยะสั้น ที่ผ่านมาไทยเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งการเมืองและอุทกภัยมาหลายครั้ง และดูแล้วครั้งนี้ไม่มีความรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา ที่สำคัญไทยมีพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และมีความพร้อมมากกว่า
นางอัชนาเปิดเผยว่า อาจจะเริ่มเห็นมีการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย หรือเวียดนามมากขึ้น แต่บริษัทรถยังคงเพิ่มการลงทุนและผลิตในไทยเช่นเดิม ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจที่จะลดความเสี่ยง และดีเสียอีกที่จะทำให้อาเซียนแข็งแกร่ง โดยต่อไปจะได้มีการแยกประเทศไหนจะผลิตรถอะไร อย่างไทยผลิตอีโคคาร์ และปิกอัพ รวมถึงผลิตเพื่อการส่งออก ขณะที่อินโดนีเซียจะเป็นรถอเนกประสงค์ หรือรถยนต์นั่งทั่วๆ ไป และเพื่อรองรับตลาดในประเทศเป็นหลัก
“เหตุนี้จึงไม่น่าจะกังวล และมองการเมืองเป็นปัญหาระยะสั้น คาดว่าจะคลี่คลายภายในไตรมาสสองปีนี้ และเชื่อว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายภาพรวมอุตสาหกรรมยานยน์จะกลับมาดีเช่นเดิม ขณะที่ส่งออกยังคงขยายตัวด้วยดี ดังนั้นจึงคาดว่าการผลิตรถยนต์ในไทยปีนี้ น่าจะบรรลุ 2.5 ล้านคัน มากกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ประมาณ 2.47 ล้านคัน และทำให้อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนขยายตัวตามไปด้วย” นางอัชนากล่าว
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2014 เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรง และคาดว่าจะคลี่คลายในเร็วๆ นี้ แต่ที่สำคัญไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกสำคัญของค่ายรถทั่วโลก และมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมายาวนาน จึงมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ และงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และพร้อมที่จะรับการเปิดเออีซี โดยปลายปีนี้จะไปร่วมจัดงานมอเตอร์โชว์ในประเทศกัมพูชา รวมถึงอาจจะขยายไปยังประเทศลาวด้วย
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 เปิดเผยว่า ไม่ว่าจะมีปัญหาการเมืองอย่างไร แต่ปีนี้มีความพร้อมจัดงานแล้ว โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายนนี้ โดยได้รับการตอบรับจากบริษัทรถและรถจักรยานยนต์มากกว่าเดิมอีก จึงได้มีขยายพื้นที่เพิ่มอีกเกือบ 4,000 ตารางเมตร ขณะที่ปีนี้มีรถยนต์ต้นแบบและรถใหม่เพื่อขาย มาเปิดตัวในงานจำนวนมากเช่นเดิม ซึ่งรถที่มีราคาแพงสุดโรลส์รอยซ์ โกสต์ แฟนทอม รุ่นเอ็กซ์เทนเดด วีลเบส ราคา 42.5 ล้านบาท และยังมีเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยขวาเปิดตัวครั้งแรกในโลกด้วย
