ASTVผู้จัดการรายวัน-“สมเด็จพระวันรัต” แจงประกาศคณะธรรมยุตเปลี่ยนสีจีวรเป็น “สีพระราชนิยม” บังคับใช้พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีหรือ พระเมือง ส่วนพระฝ่ายอรัญวาสี หรือพระป่า ให้ถือปฏิบัติตามครูบาอาจารย์เหมือนเดิม ยันการเปลี่ยนสีจีวรไม่เกี่ยวการเมืองคณะสงฆ์
นับจากมีประกาศคณะสงฆ์คณะธรรมยุต เรื่อง การครองผ้าไตรจีวรสีพระราชนิยม โดยให้พระสงฆ์คณะธรรมยุตเปลี่ยนสีจีวรจาก “สีกรัก” เป็น “สีพระราชนิยม” เริ่ม 13 พ.ค.นั้น และทันทีที่ประกาศนี้เผยแพร่ออกไปส่อเกิดความแตกแยกระหว่างพระสงฆ์คณะธรรมยุตฝ่ายคามวาสี(พระเมือง) กับพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี(พระป่า) เนื่องจากมีพระป่าบางกลุ่มออกมายืนกรานว่าจะยึดตามหลักครูบาอาจารย์ และจะไม่ยอมเปลี่ยนสีจีวรนั้น สมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในฐานะรักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ประกาศดังกล่าวจะเน้นในส่วนของพระสงฆ์คามวาสี หรือพระที่อยู่ในเมือง ที่จะต้องครองจีวรไปในสีเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการรับกิจนิมนต์ต่างๆ เพราะที่ผ่านมาการรับกิจนิมนต์ของพระสงฆ์คณะธรรมยุตมีการครองจีวรคนละสีกัน ส่วนพระอรัญวาสี หรือพระสงฆ์ที่อยู่นอกเมือง หรือพระป่านั้น ได้มีหมายเหตุในประกาศดังกล่าวไว้แล้วว่ายังให้ครองจีวรเช่นเดิมตามแนวปฏิบัติของครูบาอาจารย์ แม้ว่าจะรับกิจนิมนต์เข้ามาในเมืองก็ไม่ต้องเปลี่ยนจีวรเป็นสีพระราชนิยม เว้นแต่ได้รับกิจนิมนต์เข้าร่วมในงานพระราชพิธี
สมเด็จพระวันรัต กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายฝ่ายมองว่าการเปลี่ยนสีจีวรของคณะธรรมยุตเป็นสีพระราชนิยม เป็นเรื่องเกี่ยวการเมืองของคณะสงฆ์นั้น ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อยากให้คิดไปเช่นนั้น การเปลี่ยนสีจีวรมุ่งเน้นถึงเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในคณะธรรมยุตเท่านั้น
ด้านนายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ เลขาธิการสมาคมสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีที่คณะสงฆ์คณะธรรมยุต ออกประกาศเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีพระราชนิยมนั้น แม้ยอมรับว่าจะไม่ได้ขัดตามพระธรรมวินัย เนื่องจากมีการใช้สีตามที่ระบุไว้ในพระธรรมวินัย แต่เห็นว่าไม่ควรที่จะเป็นการออกประกาศในลักษณะของการบังคับกัน เพราะพระป่าส่วนใหญ่จะเป็นพระสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต และพระป่าจะนับถือและปฏิบัติตามแนวทางของครูบาอาจารย์ จึงไม่ควรที่จะไปบังคับ เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งตามมาได้
นับจากมีประกาศคณะสงฆ์คณะธรรมยุต เรื่อง การครองผ้าไตรจีวรสีพระราชนิยม โดยให้พระสงฆ์คณะธรรมยุตเปลี่ยนสีจีวรจาก “สีกรัก” เป็น “สีพระราชนิยม” เริ่ม 13 พ.ค.นั้น และทันทีที่ประกาศนี้เผยแพร่ออกไปส่อเกิดความแตกแยกระหว่างพระสงฆ์คณะธรรมยุตฝ่ายคามวาสี(พระเมือง) กับพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี(พระป่า) เนื่องจากมีพระป่าบางกลุ่มออกมายืนกรานว่าจะยึดตามหลักครูบาอาจารย์ และจะไม่ยอมเปลี่ยนสีจีวรนั้น สมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในฐานะรักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ประกาศดังกล่าวจะเน้นในส่วนของพระสงฆ์คามวาสี หรือพระที่อยู่ในเมือง ที่จะต้องครองจีวรไปในสีเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการรับกิจนิมนต์ต่างๆ เพราะที่ผ่านมาการรับกิจนิมนต์ของพระสงฆ์คณะธรรมยุตมีการครองจีวรคนละสีกัน ส่วนพระอรัญวาสี หรือพระสงฆ์ที่อยู่นอกเมือง หรือพระป่านั้น ได้มีหมายเหตุในประกาศดังกล่าวไว้แล้วว่ายังให้ครองจีวรเช่นเดิมตามแนวปฏิบัติของครูบาอาจารย์ แม้ว่าจะรับกิจนิมนต์เข้ามาในเมืองก็ไม่ต้องเปลี่ยนจีวรเป็นสีพระราชนิยม เว้นแต่ได้รับกิจนิมนต์เข้าร่วมในงานพระราชพิธี
สมเด็จพระวันรัต กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายฝ่ายมองว่าการเปลี่ยนสีจีวรของคณะธรรมยุตเป็นสีพระราชนิยม เป็นเรื่องเกี่ยวการเมืองของคณะสงฆ์นั้น ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อยากให้คิดไปเช่นนั้น การเปลี่ยนสีจีวรมุ่งเน้นถึงเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในคณะธรรมยุตเท่านั้น
ด้านนายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ เลขาธิการสมาคมสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีที่คณะสงฆ์คณะธรรมยุต ออกประกาศเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีพระราชนิยมนั้น แม้ยอมรับว่าจะไม่ได้ขัดตามพระธรรมวินัย เนื่องจากมีการใช้สีตามที่ระบุไว้ในพระธรรมวินัย แต่เห็นว่าไม่ควรที่จะเป็นการออกประกาศในลักษณะของการบังคับกัน เพราะพระป่าส่วนใหญ่จะเป็นพระสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต และพระป่าจะนับถือและปฏิบัติตามแนวทางของครูบาอาจารย์ จึงไม่ควรที่จะไปบังคับ เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งตามมาได้