ASTVผู้จัดการรายวัน- 3 กมธ.วุฒิสภา จับมือรุมซัดตร.เลือกปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมกปปส. ด้านรอง ผบช.น. แจงคดีคืบหน้า ชี้เบาะแสมือปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นคนท่าม่วง จ.กาญจนบุรี รับปาก เพิ่มสำนวน"โกตี๋" ในเหตุปะทะที่หลักสี่ รอง ผบ.ตร.เผยคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่ศาลอาญา ขณะขับรถผ่าน
เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของ คณะกรรมาธิการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล ที่มี นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง เป็นประธานกมธ. คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา เป็นประธานกมธ. และ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ที่มี นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา เป็นประธานกมธ. เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ กรณีการกระทำความผิดต่อผู้ชุมนุม โดยได้เชิญพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่พล.ต.อ.เอก ติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ผู้บังคับการกองกฎหมาย สำนักงานกฎหมาย และคดี เข้าชี้แจงแทน ทั้งนี้ กรอบการพิจารณาของกมธ.คือ เหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. 7 เหตุการณ์ ที่มีการปะทะ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่บริเวณรามคำแหง สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ถนนบรรทัดทอง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สโมสรกองทัพบก วัดศรีเอี่ยม และ ที่แยกหลักสี่ ซึ่งพล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ได้ชี้แจงการดำเนินการแนวทางสืบสวนสอบสวนแต่ละคดี โดยมีความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้าย
โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหาและรองประธาน กมธ.ตรวจสอบทุจริตฯ ก็ได้ท้วงติงว่า เหตุการณ์บริเวณหลักสี่ ก็เห็นได้ชัดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกปฏิบัติ เพราะมีหลักฐานคลิป ภาพถ่ายว่าตำรวจยืนอยู่คนละฝ่ายกับมวลชน กปปส. และแนววิถีกระสุน ก็ยังมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงปืน แต่ก็ไม่สามารถจับกุมได้ ถือว่าไม่เป็นธรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่
โดยเฉพาะกรณี นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง ก็มีภาพร่วมเดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และยังประกาศจะเด็ดหัว พระพุทธะอิสระ แต่กลับไม่มีการดำเนินการ หรืออยู่ในสำนวนคดีเลย โดยนายไพบูลย์ ได้เปิดคลิปนายโกตี๋ แก่ผู้ชี้แจงได้ดูด้วย
ด้านพล.ต.ต.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนรับผิดชอบการสอบสวนคดีต่างๆ จะพยายามหารายละเอียดของหลักฐานให้ครอบคลุมมากที่สุด เพราะหลังเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าไปเก็บหลักฐานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ซึ่งหลายคดีมีความคืบหน้า แต่ถ้ามันยังไม่ชัดเจนก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างคลิปตำรวจถือปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มี แต่ขณะลั่นไกไม่มี ถ้ามีภาพก็ขอด้วย ส่วนเหตุการณ์ที่หลักสี่ ก็มีการยิงออกมาจากทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามาจากใคร ขณะที่ที่เหตุการณ์บริเวณถนนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยฯ มีการใช้ระเบิดชนิดเดียวกัน ก็น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และพอจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว เพราะมีภาพคนปาระเบิดชัดเจน และได้ออกหมายจับกุมแล้ว ซึ่งเป็นคน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
สำหรับกรณีที่วัดศรีเอี่ยม ที่มีการปะทะกันด้วยนั้น ก็ได้ดำเนินคดีทั้งสองกลุ่ม เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนใช้อาวุธปืน แต่เหตุการณ์ยิงเข้าใส่ศาลอาญา จากการสอบสวนของผู้เชี่ยวชาญขณะนี้ ตรวจสอบพบว่าเป็นการยิงโดยเอ็ม 79 จากฝั่งตรงข้ามศาลอาญาความห่างประมาณ 80 เมตร โดยวิถียิงจากพื้นล่างเป็นมุม 45-60 องศา ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวคนร้ายใน 1-2 วันนี้
ยิงM79ใส่ศาลอาญาหวังข่มขู่
วันเดียวกันที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.30 น .พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) ได้เดินทางเข้าพบ นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อพูดคุย และรายงานความคืบหน้า กรณีคนร้ายลอบยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่อาคารศาลอาญา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีความชัดเจนเรื่องวัตถุระเบิดคือ ระเบิดเอ็ม 79 โดยมีวิถีกระสุนยิงมาจากฝั่งตรงข้าม คาดว่าคนร้ายใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ แต่คาดว่าคนร้ายคงเพียงต้องการแค่ข่มขู่เท่านั้น เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นวันหยุดเวลาราชการจึงไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ภายในอาคาร โดยหลังจากนี้จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณถนนรัชดาฯ และสอบสวนพยานอย่างละเอียดเพื่อติดตามหาตัวคนร้ายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธวัธชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. กล่าวว่า จากการตรวจสอบวิถีกระสุนคาดว่าคนร้ายยิงมาจากฝั่งตรงข้ามอาคารศาลอาญา โดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ ส่วนแผนประทุษกรรมของคนร้าย เป็นการยิงขณะขับรถผ่านใส่ตัวอาคารศาลในวิถีโค้ง และมีความชำนาญในการใช้เครื่องยิงระเบิด เอ็ม 79.
เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของ คณะกรรมาธิการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล ที่มี นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง เป็นประธานกมธ. คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา เป็นประธานกมธ. และ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ที่มี นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา เป็นประธานกมธ. เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ กรณีการกระทำความผิดต่อผู้ชุมนุม โดยได้เชิญพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่พล.ต.อ.เอก ติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ผู้บังคับการกองกฎหมาย สำนักงานกฎหมาย และคดี เข้าชี้แจงแทน ทั้งนี้ กรอบการพิจารณาของกมธ.คือ เหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. 7 เหตุการณ์ ที่มีการปะทะ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่บริเวณรามคำแหง สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ถนนบรรทัดทอง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สโมสรกองทัพบก วัดศรีเอี่ยม และ ที่แยกหลักสี่ ซึ่งพล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ได้ชี้แจงการดำเนินการแนวทางสืบสวนสอบสวนแต่ละคดี โดยมีความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้าย
โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหาและรองประธาน กมธ.ตรวจสอบทุจริตฯ ก็ได้ท้วงติงว่า เหตุการณ์บริเวณหลักสี่ ก็เห็นได้ชัดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกปฏิบัติ เพราะมีหลักฐานคลิป ภาพถ่ายว่าตำรวจยืนอยู่คนละฝ่ายกับมวลชน กปปส. และแนววิถีกระสุน ก็ยังมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงปืน แต่ก็ไม่สามารถจับกุมได้ ถือว่าไม่เป็นธรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่
โดยเฉพาะกรณี นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง ก็มีภาพร่วมเดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และยังประกาศจะเด็ดหัว พระพุทธะอิสระ แต่กลับไม่มีการดำเนินการ หรืออยู่ในสำนวนคดีเลย โดยนายไพบูลย์ ได้เปิดคลิปนายโกตี๋ แก่ผู้ชี้แจงได้ดูด้วย
ด้านพล.ต.ต.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนรับผิดชอบการสอบสวนคดีต่างๆ จะพยายามหารายละเอียดของหลักฐานให้ครอบคลุมมากที่สุด เพราะหลังเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าไปเก็บหลักฐานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ซึ่งหลายคดีมีความคืบหน้า แต่ถ้ามันยังไม่ชัดเจนก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างคลิปตำรวจถือปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มี แต่ขณะลั่นไกไม่มี ถ้ามีภาพก็ขอด้วย ส่วนเหตุการณ์ที่หลักสี่ ก็มีการยิงออกมาจากทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามาจากใคร ขณะที่ที่เหตุการณ์บริเวณถนนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยฯ มีการใช้ระเบิดชนิดเดียวกัน ก็น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และพอจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว เพราะมีภาพคนปาระเบิดชัดเจน และได้ออกหมายจับกุมแล้ว ซึ่งเป็นคน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
สำหรับกรณีที่วัดศรีเอี่ยม ที่มีการปะทะกันด้วยนั้น ก็ได้ดำเนินคดีทั้งสองกลุ่ม เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนใช้อาวุธปืน แต่เหตุการณ์ยิงเข้าใส่ศาลอาญา จากการสอบสวนของผู้เชี่ยวชาญขณะนี้ ตรวจสอบพบว่าเป็นการยิงโดยเอ็ม 79 จากฝั่งตรงข้ามศาลอาญาความห่างประมาณ 80 เมตร โดยวิถียิงจากพื้นล่างเป็นมุม 45-60 องศา ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวคนร้ายใน 1-2 วันนี้
ยิงM79ใส่ศาลอาญาหวังข่มขู่
วันเดียวกันที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.30 น .พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) ได้เดินทางเข้าพบ นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อพูดคุย และรายงานความคืบหน้า กรณีคนร้ายลอบยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่อาคารศาลอาญา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีความชัดเจนเรื่องวัตถุระเบิดคือ ระเบิดเอ็ม 79 โดยมีวิถีกระสุนยิงมาจากฝั่งตรงข้าม คาดว่าคนร้ายใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ แต่คาดว่าคนร้ายคงเพียงต้องการแค่ข่มขู่เท่านั้น เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นวันหยุดเวลาราชการจึงไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ภายในอาคาร โดยหลังจากนี้จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณถนนรัชดาฯ และสอบสวนพยานอย่างละเอียดเพื่อติดตามหาตัวคนร้ายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธวัธชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. กล่าวว่า จากการตรวจสอบวิถีกระสุนคาดว่าคนร้ายยิงมาจากฝั่งตรงข้ามอาคารศาลอาญา โดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ ส่วนแผนประทุษกรรมของคนร้าย เป็นการยิงขณะขับรถผ่านใส่ตัวอาคารศาลในวิถีโค้ง และมีความชำนาญในการใช้เครื่องยิงระเบิด เอ็ม 79.
