xs
xsm
sm
md
lg

วัดใจ“กำนันสุเทพ” จบศึกบนโต๊ะเจรจา ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ไอเดีย“คนกลาง”โผล่มาอีกแล้ว ถูกร่อนออกมาวางเสนอผ่าตันประเทศ นับเป็นอีกครั้งจากหลายๆครั้ง ตั้งแต่ กปปส.ภายใต้การนำของ “กำนันเทือก”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เปิดศึกชิงเมืองกับรัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่ทุกครั้งที่มีความพยายามเจรจาเกิดขึ้นกลับล้มครืนไม่เป็นท่าทุกครั้ง เพราะเงื่อนไขตอนนี้มันมาไกลกว่าที่ทั้งสองฝ่ายรอมชอมได้
โดยเฉพาะท่าทีของ “กำนันเทือก”ที่ประกาศชัดมาตลอดตั้งแต่ชักธงรบว่า ศึกครั้งนี้ไม่มีวิน–วิน มีแต่แพ้กับชนะเท่านั้น โดยมีเป้าหมายสำคัญคือล้มล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก
แน่นอนว่า หากยอมร่วมโต๊ะเจรจาด้วย จะทำให้การต่อสู้ตลอดหลายเดือนของกปปส. สูญเปล่าทันที จะเท่ากับว่าทำได้เพียงแค่กำราบรัฐบาลนอมินีให้สลบหมอบไปกับพื้นได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ระบอบทักษิณยังชอนไชอยู่ในทุกอณูของประเทศไทยอยู่ดี
เสมือนตีงูแต่ไม่ฟาดหัวให้ตาย ฉายซ้ำไปเหมือนเมื่อตอนเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่เป็นจุดกำเนิดกองทัพเสื้อแดง ทำให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร แข็งแกร่งขึ้น
ขณะเดียวกันหาก กปปส.ยอมอ่อนข้อเข้าสู่วงเจรจา โอกาสที่จะปลุกมวลมหาประชาชนให้ออกมาได้ระดับเรือนล้านอย่างที่กปปส.ทำอยู่แบบนี้อาจไม่มีอีกแล้ว ประชาชนจะสิ้นศรัทธาในทันที และเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะปลุกพลังมวลชนออกมาต่อสู้กับระบอบทักษิณได้สมน้ำสมเนื้อ
เพราะ “ไพ่ใบสุดท้าย” ที่มีอยู่ในมือขั้วตรงข้ามระบอบโจรที่พร้อมจะต่อสู้แบบสูสี แทบจะหมดหน้าตักแล้ว
**โต๊ะเจรจาที่ฟังแล้วดูดีสำหรับประเทศ อาจเป็นหลุมพรางไปสู่ความหายนะในระยะยาว อันจะเป็นคุณต่อระบอบทักษิณแบบเหลือคณานับ
ดังจะสังเกตเห็นได้จากความพยายามเพื่อขอเจรจาในทุกครั้ง มักจะเป็นฟากฝั่งระบอบทักษิณเองที่หยิบยื่น และส่งสัญญาณมาก่อนทุกครั้ง โดยใช้บุคลากรที่คิดว่า “ดีล”กับกปปส.ได้มาเป็นตัวเชื่อม
เพราะสถานการณ์วันนี้ของรัฐบาลรักษาเองไม่อยู่ในจุดที่ได้เปรียบ ซ้ำยังอยู่ในสภาวะง่อยเปลี้ยเสียขา ใกล้เคียงกับความเป็นรัฐล้มเหลวไปทุกขณะ
และการปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อยาวนานออกไป ก็รังแต่จะส่งผลเสียกับตัวเอง ทั้งในแง่เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นสะท้อนได้ชัดที่สุดก็คือเหตุการณ์ม็อบชาวนา ที่เคยเป็นกำลังหลักของตัวเองเข้าโอบล้อมทวงเงินแต่รัฐบาลรักษาการไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านี้ได้ จนอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แน่นอนว่าหากปล่อยออกไปปัญหาระลอกใหญ่ที่ต่อคิวรอเล่นงานให้อยู่ในอาการอ้วกแตกยังเหลืออีกเยอะ และหนักหน่วงกว่านี้
**เกมที่ยืดเยื้อ จึงไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลเลย!!
หากพลิกดูการเคลื่อนไหวในส่วนนี้ที่รัฐบาลพยายามกางโต๊ะเจรจาจะพบว่า ความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ไล่เรียงตั้งแต่การชุมนุมของ กปปส.ในช่วงแรกๆ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พยายายามอาศัยผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นตัวหย่าศึก โดยใช้สถานที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.4 รอ.) ซึ่งมีบ้านของบิ๊กและอดีตบิ๊กทหารในสายบูรพาพยัคฆ์อยู่ในนั้นเป็นโต๊ะเจรจา
แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อ “กำนันเทือก” ออกมาประกาศไม่ย่อมอ่อนข้อและลั่นสัจอธิษฐานไว้ว่า จะไม่มีการเจรจาระหว่างตนเองและ “ปูกรรเชียง”เกิดขึ้นอีกแล้ว
มีอย่างเดียวเท่านั้นคือรัฐบาลต้องลาออกจากการเป็นรักษาการเพื่อให้มีการปฏิรูป !!
**กระนั้นแม้โต๊ะเจรจาครั้งนั้นจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ดูเหมือนความพยายามจะใช้การเจรจายังคงเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะครั้งหนึ่งที่ปรากฏชื่อสองคีย์แมนอักษรย่อขึ้นมาในสารบบ นั่น “ดอกเตอร์เค” และ “มิสเตอร์เอ็น”
ซึ่งมีการไขรหัสกันว่า สองคีย์แมนดังกล่าว น่าจะเป็น นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สำหรับนายกิตติพงษ์นั้นได้รับการยอมรับว่า เป็นข้าราชการน้ำดี เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เคยนำเสนอในสิ่งที่ขัดแย้งกับแนวทางของรัฐบาลชุดปัจจุบันแต่ก็ยังนั่งสบายอยู่ในตำแหน่งปลัดฯ
ขณะเดียวกันในช่วงศึกชิงเมือง นายกิตติพงษ์ ยังถูกวางตัวเป็นกลจักรสำคัญในการจัดเวทีปฏิรูปหาทางออกประเทศเพราะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับสองฝ่าย และไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร
**ขณะที่อีกคนอย่างนายนิพนธ์ ถูกมองว่า สามารถประสานได้ทั้งสองฝ่าย ทั้งฝั่ง “กำนันเทือก” และคอนเน็กชั่นกับคนระดับ “ซุปเปอร์วีไอพี”
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้“กำนันเทือก”และมวลมหาแกนนำกปปส. คนอื่นๆ ยอมถอย และประกาศลั่นในช่วงระหว่างชัตดาวน์กรุงเทพฯว่า ไม่ต้องส่งใครมาเจรจาอีกแล้ว
กระทั่งล่าสุด “เซียนกฎหมาย”นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปีว่า พร้อมจะเป็น “โซ่ข้อกลาง”สงบศึกระหว่าง กปปส. กับระบอบทักษิณ
ทำให้สังคมเริ่มหันมาให้ความสนใจเนื่องจาก นายวิษณุ ถือเป็นบุคลากรที่ได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งในแง่ความรู้ความสามารถด้านกฎหมายและการวางตัว
รวมไปถึง “ปลาไหลตัวพ่อ”นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยังกระโดดออกจากกรุ ขึ้นมายกมือสนับสนุนอีกคน
**แม้แต่วงประชุมศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ของ “ขี้ข้าเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ยังหยิบเอาประเด็นนี้ไปหารือในวงประชุม พร้อมกับจับตาการ “ดีล” ครั้งนี้ว่า จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ชนิดให้น้ำหนักมากเสียด้วย !!
โดยฟากฝั่งรัฐบาลเองก็ประเมินว่า นอกจากรัฐบาลที่จะได้รับผลกระทบจากศึกที่ยืดเยื้อทางกปปส.เอง ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะปัจจัยด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเป็นตัวแปรที่เข้ามาบีบทั้งสองฝ่ายต่อจากนี้
โอกาสนี้จึงเป็นช่วงที่ควรจะวัดใจกันดูอีกสักครั้งกับ“เนติบริกร”ที่เคยทำงานกับรัฐบาลมาแล้ว10 ชุด และ ร่วมงานกับนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 7 คน
**งานนี้เลยต้องจับตาดูว่า“กำนันเทือก”ที่ล้มโต๊ะเจรจามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จะมีท่าทีอย่างไรกับ “มือดีล”รายล่าสุด
จะหักสะบั้นเหมือนเดิมเพื่อไปสู่ชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จหรือจะลังเลอ่อนเอนลงหวังเพียงชัยชนะแค่ชั่วคราว
**แต่ที่แน่ๆ การเลือกทางใดทางหนึ่งในครั้งนี้มีผลต่อลมหายใจ “ระบอบทักษิณ”อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น