xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดรถอาการสาหัส ดิ่งสุดรอบ4ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เปิดตลาดรถยนต์ปีม้าคะนองศึก ส่งสัญญาณอาการสาหัส เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ยอดขายรถของค่ายญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม ดิ่งเหวเหลือระดับกว่า 6 หมื่นคัน หรือเทียบกับปีที่แล้วลดลง 46% เก๋งขนาดเล็กร่วงมากสุดเกือบ 60% จากผลพวงรถคันแรก เศรษฐกิจชะลอตัว และการเมือง  ด้านสอท.เผย ยอดตกค้างไม่รับรถคันแรก แสนคัน ขณะที่ผู้ใช้สิทธิ์โวยไม่ได้เงินคืนหลังซื้อรถครบ1ปี
รายงานข่าวจากกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ญี่ปุ่น(JCC) และสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ของกลุ่มฯ ในเดือนมกราคมของปี 2557 ค่อนข้างลดลงมากกว่าที่คาดไว้มาก โดยมียอดขายเพียง 67,395 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ขายได้มากกว่า 124,000 คัน หรือลดลงถึง 45.9% แม้ส่วนหนึ่งจะมาจากฐานตัวเลขยอดขายช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เติบโตแบบผิดปกติจากการส่งมอบรถในโครงการรถคันแรก แต่หากเทียบกับแต่ละเดือนในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเริ่มปรับตัวลดลงจากผลกระทบของนโยบายดังกล่าว ยังเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดด้วย
“นับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ยอดขายเดือนมกราคม ลดลงอยู่ในระดับกว่า 60,000 คัน นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา นั่นทำให้ต้องจับตาตลาดรถยนต์ในปีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะมีปัจจัยกระทบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง และการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะเห็นว่ามีคนเดินเข้าโชว์รูมน้อยลงชัดเจน นอกจากนี้ยังมีกำลังซื้อล่วงหน้าที่ถูกดึงไป จากโครงการรถคันแรกอยู่อีกส่วน”
ทั้งนี้กลุ่มรถยนต์ที่ยอดขายลดลงมากสุด ยังเป็นกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กและคอมแพ็กต์ เพราะค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัญหาต่างๆ รวมถึงจากผลของการแข่งขันจัดแคมเปญดุเดือดในปีที่ผ่านมา เป็นอีกตัวที่ดึงกำลังซื้อล่วงหน้าไปบ้างเช่นกัน โดยรถยนต์นั่งหรือเก๋งขนาดเล็ก กลุ่มรถซับคอมแพ็กต์(บี-คาร์) และอีโคคาร์ มียอดขายเพียง 18,655 คัน ลดลง 58.8% จากช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มียอดขายมากถึงกว่า 45,000 คัน เช่นเดียวกับตลาดรถเก๋งคอมแพ็กต์(ซี-คาร์) หรือขนาด 1,600-2,000 ซีซี ซึ่งมียอดขาย 5,083 คัน ลดลง 51.5%
ในส่วนปิกอัพตลาดหลักของไทย มียอดขายลดลงเกือบหมื่นคัน ด้วยจำนวนที่ขายไปทั้งหมด 30,082 คัน หรือลดลง 38.8% โดยกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี เป็นตลาดที่ลดลงน้อยสุด 1.1% เพราะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใหญ่มาก เดือนมกราคมมีเพียงกว่า 700 คันเท่านั้น ขณะที่ตลาดรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีและพีพีวีลดลง 21.3% ซึ่งเทียบกับตลาดหลักอื่นๆ ถือว่าน้อยกว่า เพราะมีรถรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นมาสด้า ซีเอ็กซ์-5, นิสสัน จู๊ค และอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ เป็นต้น
สำหรับกลุ่มรถหรูหรา หรือรถจากยุโรป ไม่ได้ร่วมแจ้งการขายกับกลุ่มเจซีซีและสหรัฐอเมริกา แต่จะไม่ทำให้ตลาดรถยนต์เปลี่ยนแปลงชัดเจนนัก เพราะมียอดขายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 คันเท่านั้น เหตุนี้จึงทำให้กลุ่มผู้ประกอบการรถในไทยเริ่มกังวล หากปัญหาการเมืองไม่คลี่คลายโดยเร็ว จะส่งผลซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ชะลอตัวยาว และกระทบต่อตลาดรถยนต์ไทยแน่นอน เพราะเบื้องต้นค่ายรถประเมินไว้ ปีนี้ยอดขายรถน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200,000 คัน หรือเฉลี่ยเดือน 100,000 คัน แม้ปกติยอดขายมกราคมจะน้อยกว่าทุกๆ เดือนของแต่ละปี ถึงอย่างนั้นไม่น่าจะลงมาต่ำกว่า 80,000 คัน อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานการณ์จะกลับมาคลี่คลาย ในช่วงไตรมาสสองเป็นต้นไป
**ยอดตกค้างรถคันแรกแสนคัน**
นายสุรพงษ์ ไพสิฐัฒน์พงษ์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และโฆษกกลุ่มอุตสหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไท(ส.อ.ท.) กล่าวว่า จำนวนของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ รถยนต์คันแรก ที่ล่าสุดมาขอรับถยนต์จากผู้ผลิตรถยต์ไปแล้วรวม 1.13 ล้านคน และมียอดตกค้างล่าสุด 100,000 คัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ค่ายรถยนต์ ได้แจ้งให้ทราบว่าข้อยุติ การเข้าร่วมโครงการกับภาครัฐแล้ว รวมทั้งผู้ที่ถือใบจอง บางรายแจ้งยืนยันว่่า ขอทิ้งใบจองและทิ้งเงินมัดจำ และบางรายแจ้งว่าได้ซื้อรถยนต์รุ่นอื่นและยี่ห้อใหม่แล้ว เพราะมีแคมเปนตอบแทนผลประโยชน์มากว่าโครงการรถคันแรกทำให้ไม่มีปัญหาการฟ้องร้องของลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการแต่อย่างใด
นายสุรพงษ์ กล่าววา ภาคเอกชนขอวิงวอนว่า ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นพรรคการเมืองใด หรือในการหาเสียงเลือกตั้งในอนาคต ขออย่าให้พรรคการเมืองนำโครงการดังกล่าว มาใช้หาเสียงอีกเพื่อหวังคะแนนเสียงจากประชาน เพราะผลที่เกิดขึ้นแม้กระทรวงการคลัง สามารถจัดสรรงบประมาณ มาจ่ายคืนภาษีรถยนต์ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการได้ แต่ในข้อเท็จจริงปรากฏว่า โครงการนี้ทำให้แผนการผลิตรถยนต์ของประเทศไทย ผิดเพี้ยนไปจากปกติ เพราะก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์ก็เร่งกำลังากรผลิต รถยนต์คนแรก เพื่อส่งมอบให้เอเย่นต์หรือผู้แทนจำหน่าย แต่เมื่อมีการทิ้งใบจอง ได้ทำให้รถยนต์ในโครงการ 130,000 คัน ไปตกค้างในสต็อกที่โชว์รูมรถยนต์ และบางโชว์รูมต้องเสียค่าเช่าที่จอดรถยนต์เพิ่มขึ้น และเสียดอกเบี้ยให้ไฟแนนซ์ ทำให้ค่ายรถยต์ ต้องเปลี่ยนแผนเพื่อหันไปผลิตเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่ามา ค่ายรถยนต์ในประเศ ได้เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ สามารถผลิตรถนต์เพื่อส่งมอบให้โว์รูมทั่วประเทศได้รวม 100,000 คัน โดยในจำนวนี้มาจากยอดใบจองจากานมอเตอร์เอ็กซ์โปใช่วงเวลาดังกล่าว 41,000 คัน.
***ผู้ใช้สิทธิ์โวยยังไม่ได้รับเงินคืนจากรถคันแรก
รายงานข่าวจากผู้เข้าร่วมโครงการรถคันแรกว่า ขณะนี้ได้ครบกำหนดอายุการซื้อรถคันแรกไป 1 ปีเต็มนับตั้งแต่วันโอนรถ ซึ่งหวังว่าทางรัฐบาลจะจ่ายเงินที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรกให้กับผู้ซื้อ แต่ก็ยังไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี ซึ่งทำให้ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะมีเม็ดเงินจ่ายให้ตรงเวลาหรือไม่ เพราะก่อนหน้าผู้เข้าร่วมโครงการก็ได้รับก่อนเวลาครบกำหนด แต่ตอนนี้ครบมาแล้ว 1 ปีก็ยังไม่มีวี่แววว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงโอนเงินมาคืนให้ผู้ซื้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น