วานนี้ (5 ก.พ.) ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้มีการส่งต่อวิดีโอคลิป “Vajiravudh Home Coming Day 2012” เป็นคำกล่าวของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย รุ่น 39 ในงานคืนสู่เหย้าชาวโอวี เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 56 ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
โดยนายพลากร กล่าวว่า 3-4 ปีมานี้บ้านเมืองของเราดูจะไม่ค่อยปกติสุข ตนคิดว่าลูกวชิราวุธเลือกจะเป็นกลางไม่ได้แล้ว ใครบอกว่าท่ามกลางเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ ขอเป็นกลาง ตนคิดว่าเป็นกลางไม่ได้ ลูกวชิราวุธต้องเลือกข้างสถาบันฯเท่านั้น ระหว่างความถูกกับความผิด เราเลือกกลางๆไม่ได้ เราต้องเลือกความถูกต้อง และตนเชื่อว่าลูกวชิราวุธนั้น มีวิจารณญาณมากพอที่จะไตร่ตรองประมวลข้อมูลว่า อะไรถูก อะไรผิด ใครถูก ใครผิด
ฉะนั้นการคบหา การสนับสนุน เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะต้องดูว่าขณะนี้เราตกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่เคารพรักขอคนไทยหรือไม่ เราตกเป็นลูกน้องของกลุ่มคนที่เราคิดว่า เขามีบุญคุณกับเรา เขามีอำนาจวาสนา เขามีเงินทอง เขามียศถาบรรดาศักดิ์ ที่จะบันดาลให้เราได้หรือไม่ เราจึงยอมตกเป็นลูกน้องเขา
“ผมคิดว่าลูกวชิราวุธไม่เคยก้มหัวให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เคยก้มหัวให้อำนาจอธรรม ผมคิดว่าลูกวชิราวุธนั้น ถืออยู่เสมอว่าใครมีอำนาจ ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม มารังแกสังคม ชุมชนของเรา เราจะพูดคำเดียวว่า เป็นไงเป็นกัน”นายพลากร กล่าว
นายพลากร กล่าวว่า เหตุที่ต้องใช้เวลาตรงนี้มาพูด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่ผ่านมา 3-4 ปี และอาจจะเป็นไปอย่างนี้อีกหลายสิบปี ถ้าลูกวชิราวุธ ไม่เป็นหลักในการออกมาประกาศตัวว่า ไม่มีความเป็นกลาง เราเลือกข้างสถาบันฯ ก็จะไม่มีใครกล้า ฉะนั้นตนขอฝากตรงนี้ให้ได้ไตร่ตรองดูว่า เราควรจะยืนอยู่ตรงไหน เราควรจะทำอย่างไร อาชีพอะไรที่เราไปเกี่ยวพันกับคนที่ได้ชื่อว่าจาบจ้วง ลิดรอน ลบหลู่สถาบันอันเป็นที่เคารพรักของเราแล้วไซร้ เรายอม ไม่ได้
“ตรงนี้ไม่ต้องการแบ่งข้าง แบ่งสี แบ่งพรรค แบ่งพวก เพราะไม่ใช่เรื่องการเมือง นี่เป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ผมเองพูดเรื่องการเมืองไม่ได้ ผิดกฎมณเทียรบาล ผมขอพูดเรื่องชาติบ้านเมือง ฉะนั้นคิดว่า ขอฝากให้พวกเรามีมโนสำนึกว่า เราคือใคร เรามาจากไหน โรงเรียนนี้สอนอะไรเรา ความกตัญญูรู้คุณเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดสำหรับลูกวชิราวุธ ขอฝากไว้เท่านี้”นายพลากร กล่าว
โดยนายพลากร กล่าวว่า 3-4 ปีมานี้บ้านเมืองของเราดูจะไม่ค่อยปกติสุข ตนคิดว่าลูกวชิราวุธเลือกจะเป็นกลางไม่ได้แล้ว ใครบอกว่าท่ามกลางเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ ขอเป็นกลาง ตนคิดว่าเป็นกลางไม่ได้ ลูกวชิราวุธต้องเลือกข้างสถาบันฯเท่านั้น ระหว่างความถูกกับความผิด เราเลือกกลางๆไม่ได้ เราต้องเลือกความถูกต้อง และตนเชื่อว่าลูกวชิราวุธนั้น มีวิจารณญาณมากพอที่จะไตร่ตรองประมวลข้อมูลว่า อะไรถูก อะไรผิด ใครถูก ใครผิด
ฉะนั้นการคบหา การสนับสนุน เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะต้องดูว่าขณะนี้เราตกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่เคารพรักขอคนไทยหรือไม่ เราตกเป็นลูกน้องของกลุ่มคนที่เราคิดว่า เขามีบุญคุณกับเรา เขามีอำนาจวาสนา เขามีเงินทอง เขามียศถาบรรดาศักดิ์ ที่จะบันดาลให้เราได้หรือไม่ เราจึงยอมตกเป็นลูกน้องเขา
“ผมคิดว่าลูกวชิราวุธไม่เคยก้มหัวให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เคยก้มหัวให้อำนาจอธรรม ผมคิดว่าลูกวชิราวุธนั้น ถืออยู่เสมอว่าใครมีอำนาจ ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม มารังแกสังคม ชุมชนของเรา เราจะพูดคำเดียวว่า เป็นไงเป็นกัน”นายพลากร กล่าว
นายพลากร กล่าวว่า เหตุที่ต้องใช้เวลาตรงนี้มาพูด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่ผ่านมา 3-4 ปี และอาจจะเป็นไปอย่างนี้อีกหลายสิบปี ถ้าลูกวชิราวุธ ไม่เป็นหลักในการออกมาประกาศตัวว่า ไม่มีความเป็นกลาง เราเลือกข้างสถาบันฯ ก็จะไม่มีใครกล้า ฉะนั้นตนขอฝากตรงนี้ให้ได้ไตร่ตรองดูว่า เราควรจะยืนอยู่ตรงไหน เราควรจะทำอย่างไร อาชีพอะไรที่เราไปเกี่ยวพันกับคนที่ได้ชื่อว่าจาบจ้วง ลิดรอน ลบหลู่สถาบันอันเป็นที่เคารพรักของเราแล้วไซร้ เรายอม ไม่ได้
“ตรงนี้ไม่ต้องการแบ่งข้าง แบ่งสี แบ่งพรรค แบ่งพวก เพราะไม่ใช่เรื่องการเมือง นี่เป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ผมเองพูดเรื่องการเมืองไม่ได้ ผิดกฎมณเทียรบาล ผมขอพูดเรื่องชาติบ้านเมือง ฉะนั้นคิดว่า ขอฝากให้พวกเรามีมโนสำนึกว่า เราคือใคร เรามาจากไหน โรงเรียนนี้สอนอะไรเรา ความกตัญญูรู้คุณเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดสำหรับลูกวชิราวุธ ขอฝากไว้เท่านี้”นายพลากร กล่าว