กระแสมวลมหาประชาชนยังยืนหยัดขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ยังเหนียวแน่นไม่มีอาการอ่อนล้า ตรงกันข้ามมีแต่มวลชนเข้าร่วมมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งเกิดการยกระดับด้วยการ "บอยคอตเลือกตั้ง"วันที่ 2 กุมภาพันธ์ มีคนออกมาประท้วงไม่ไปใช้สิทธิ์ทั่วประเทศ หลายพื้นที่ไม่อาจจัดการเลือกตั้งได้ และแน่นอนว่าด้วยจำนวนคนที่ออกมาคราวนี้ย่อม"ทำลายความฝัน"ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นทุกอย่างของรัฐบาลนี้ลงอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นว่า"เลือกตั้งอัปยศ"เป็นเลือกตั้งเลือด ทำให้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มือเปื้อนเลือด กลายเป็นทรราชเต็มขั้น นับจากนี้อยู่ไม่เป็นสุข อย่าว่าจะอยู่เลย จะตายก็ตายไม่ได้
ถ้าจะบอกว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นความหวังเดียว ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ของ ทักษิณ ชินวัตร ระบอบทักษิณ ของรัฐบาล"หุ่นเชิด" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อ"ฟอกตัว" ของพวกเขาตามรูปแบบของ "เปลือก" ประชาธิปไตยที่สร้างภาพให้เข้าใจว่า "การเลือกตั้ง" คือที่มาและใบเบิกทางให้เข้าสู่อำนาจ หรือได้รับมอบหมายให้สามารถทำอะไรก็ได้ หรือสร้างระบบคิดให้เห็นว่า หากจะคัดค้าน ไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ต้องทนรอไปจนครบวาระ แล้วรอวันเลือกตั้งใหม่ที่ใช้เวลาตัดสินกันในคูหาเลือกตั้งแค่สามวินาทีเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจในรายละเอียดว่าเบื้องหลังจะมีการทุจริต ซื้อเสียงทั้งประเภทซื้อเสียงล่วงหน้าผ่านทางนโยบายประชานิยม รวมทั้งแจกกันโดยตรงในช่วงหาเสียง มีการข่มขู่กันสารพัด ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้ที่สร้างกลไกรัฐ บวกกับการทุจริตสร้างเครือข่ายเอาไว้พร้อมสรรพอย่างแน่นหนา ย่อมชนะเลือกตั้งอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่คือสาเหตุว่าทำไม ทักษิณ ชินวัตร จึงต้องสั่งการให้น้องสาวตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนกรานอยู่ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรักษาการเอาไว้ ดันทุรังไปให้จนถึงวันเลือกตั้งดังกล่าวให้ได้ ไม่ต้องไปสนใจว่า จะมีมวลมหาประชาชนจะลุกฮือขึ้นมาขับไล่กันมากมายมหาศาลเพียงก็ตาม ไม่สนใจว่าจะต้องใช้อำนาจรัฐ ใช้ อันธพาลการเมืองทำร้ายประชาชนฝ่ายต่อต้านบาดเจ็บล้มตายมากมาย เสียเลือดเนื้อไปแค่ไหนก็ไม่ต้องไปใส่ใจ เพราะนั่นคือวิธีการข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามอีกทางหนึ่ง
ที่ผ่านมา ระบอบทักษิณ ใช้เปลือกประชาธิปไตยใช้วิธีการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจ และซื้ออำนาจเอาไว้ในมือได้อย่างมั่นคง นานกว่า 10 ปี ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จนทำให้เขามีความฮึกเหิมสำคัญผิดไปกว่ามีความมั่นคงจนไม่มีสามารถสร้างความสั่นสะเทือนหรือล้มได้เป็นอันขาด อย่างไรก็ดี "ของปลอม"มันก็เป็นของปลอมวันยังค่ำ อยู่ด้วยการสร้างภาพไม่ใช่ของจริง วันหนึ่งมันก็ถูกเปิดโปง หรือไม่ก็ประจานตัวเองขึ้นมาจนได้
เหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นเพราะความเหิมเกริม หลงตัวเองของ ทักษิณ ชินวัตร ที่คิดว่าไม่ว่าจะส่งใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ประชาชนต้องเลือก ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเธอก็ได้รับเลือกตั้ง ได้รับความนิยมท่วมท้น ได้รับเชิดชูจนเว่อร์ว่าเป็น "นารีขี่ม้าขาว"กันเลยที่เดียว แต่อย่างที่บอกของปลอม ของที่ไร้คุณภาพ มันก็หลอกต้มได้ไม่นาน นี่ก็เช่นเดียวกันเพียงแค่สองปีกว่าเท่านั้นก็ทำให้เห็น"ธาตุแท้"ของเธอ และสติปัญญาของเธอได้อย่างหมดเปลือก ได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้ว"เธอโง่"จริงๆ เพราะมีการพิสูจน์ให้เห็นหลายครั้งทั้งจากคำพูดและการกระทำที่สะท้อนออกมาให้จากความล้มเหลวของนโยบายรัฐบาลนั่นแหละ
แต่จุดเริ่มต้นของการลุกฮือขึ้นมาจาก "ทนไม่ไหว"กับการออกกฎหมายลบล้างความผิดให้กับคนโกง ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายสำคัญก็คือ ทักษิณ ชินวัตร การแก้ไขรัฐมนตรีที่มีเจตนารวบอำนาจ ลดทอนอำนาจการตรวจสอบ มีเจตนาในการซื้อขายทรัพยากรธรรมชาติของชาติไปเป็นของตัวเองพวกพ้อง และขายให้กับ "ทุนสามานย์ข้ามชาติ" ดังที่รับทราบกันไปแล้วในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 การแก้ไขเกี่ยวกับที่มาของ สว.
ล่าสุดกำลังโดนไล่ล่าจากชาวนาที่เป็นฐานเสียง คนเคยสนับสนุนตัวเองเข้าสู่อำนาจ แต่ก็กลับไป "ทรยศ"หักหลังต่อความไว้วางใจที่พวกเขาทุ่มเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับก็คือความเจ็บปวดกับ "หนี้สิน"อันเกิดจากถูกโกงโครงการจำนำข้าว ที่จนบัดนี้ยังไม่ได้รับเงินมานาน 4-5 เดือนแล้วหลังจากขายข้าวให้กับรัฐบาลไปหมดแล้ว กลายเป็นว่าเวลานี้ชาวนาทั่วประเทศกำลังเดือดร้อน หลายคนจากเคยรักแปรเป็นเกลียด
กรณีของชาวนานี่แหละที่จะกลายเป็นตัว "ปิดเกม"ทำลายเครดิตของระบอบทักษิณ ลงไปอย่างย่อยยับ ลบล้างข้ออ้างว่าผู้ชุมนุมขับไล่ รัฐบาล และระบอบทักษิณ เป็นพวกชนชั้นกลางและคนรวยในเมืองเท่านั้น และกรณีของชาวนาที่เริ่มเคลื่อนไหวสมทบเข้ามา หลังจากหมดหวังจากการได้เงินคืน ถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์หักหลังหมดปัญญาจ่ายเงินค่าข้าว อันเนื่องมาจากการทุจริตกันในหมู่พวกพ้องคนในครอบครัวชินวัตรกันอย่างมโหฬาร แม้ว่านาทีนี้รัฐบาลจะพยายามใช้วิชามารอ้างว่าสาเหตุมาจากการชุมนุมของ กกปส.ทำให้หาเงินมาจ่ายชาวนาไม่ได้ แต่คงไม่ได้ผล เพราะเวลานี้ชาวนาเดือดร้อนจนหน้ามืดแล้วว่า "ต้องทวงเงินกับรัฐบาล" ต้องทวงเงินจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น และนี่คือที่มาของการเคลื่อนไหวของม็อบชาวนาในเวลานี้
ขณะเดียวกันกระแสมวลมหาประชาชนยังยืนหยัดขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ยังเหนียวแน่นไม่มีอาการอ่อนล้า ตรงกันข้ามมีแต่มวลชนเข้าร่วมมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งเกิดการยกระดับด้วยการ "บอยคอตเลือกตั้ง"วันที่ 2 กุมภาพันธ์ มีคนออกมาประท้วงไม่ไปใช้สิทธิ์ทั่วประเทศ หลายพื้นที่ไม่อาจจัดการเลือกตั้งได้ และแน่นอนว่าด้วยจำนวนคนที่ออกมาคราวนี้ย่อม"ทำลายความฝัน"ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นทุกอย่างของรัฐบาลนี้ลงอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นว่า"เลือกตั้งอัปยศ"เป็นเลือกตั้งเลือด ทำให้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มือเปื้อนเลือด กลายเป็นทรราชเต็มขั้น นับจากนี้อยู่ไม่เป็นสุข อย่าว่าจะอยู่เลย จะตายก็ตายไม่ได้ !!
ถ้าจะบอกว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นความหวังเดียว ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ของ ทักษิณ ชินวัตร ระบอบทักษิณ ของรัฐบาล"หุ่นเชิด" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อ"ฟอกตัว" ของพวกเขาตามรูปแบบของ "เปลือก" ประชาธิปไตยที่สร้างภาพให้เข้าใจว่า "การเลือกตั้ง" คือที่มาและใบเบิกทางให้เข้าสู่อำนาจ หรือได้รับมอบหมายให้สามารถทำอะไรก็ได้ หรือสร้างระบบคิดให้เห็นว่า หากจะคัดค้าน ไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ต้องทนรอไปจนครบวาระ แล้วรอวันเลือกตั้งใหม่ที่ใช้เวลาตัดสินกันในคูหาเลือกตั้งแค่สามวินาทีเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจในรายละเอียดว่าเบื้องหลังจะมีการทุจริต ซื้อเสียงทั้งประเภทซื้อเสียงล่วงหน้าผ่านทางนโยบายประชานิยม รวมทั้งแจกกันโดยตรงในช่วงหาเสียง มีการข่มขู่กันสารพัด ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้ที่สร้างกลไกรัฐ บวกกับการทุจริตสร้างเครือข่ายเอาไว้พร้อมสรรพอย่างแน่นหนา ย่อมชนะเลือกตั้งอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่คือสาเหตุว่าทำไม ทักษิณ ชินวัตร จึงต้องสั่งการให้น้องสาวตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนกรานอยู่ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรักษาการเอาไว้ ดันทุรังไปให้จนถึงวันเลือกตั้งดังกล่าวให้ได้ ไม่ต้องไปสนใจว่า จะมีมวลมหาประชาชนจะลุกฮือขึ้นมาขับไล่กันมากมายมหาศาลเพียงก็ตาม ไม่สนใจว่าจะต้องใช้อำนาจรัฐ ใช้ อันธพาลการเมืองทำร้ายประชาชนฝ่ายต่อต้านบาดเจ็บล้มตายมากมาย เสียเลือดเนื้อไปแค่ไหนก็ไม่ต้องไปใส่ใจ เพราะนั่นคือวิธีการข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามอีกทางหนึ่ง
ที่ผ่านมา ระบอบทักษิณ ใช้เปลือกประชาธิปไตยใช้วิธีการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจ และซื้ออำนาจเอาไว้ในมือได้อย่างมั่นคง นานกว่า 10 ปี ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จนทำให้เขามีความฮึกเหิมสำคัญผิดไปกว่ามีความมั่นคงจนไม่มีสามารถสร้างความสั่นสะเทือนหรือล้มได้เป็นอันขาด อย่างไรก็ดี "ของปลอม"มันก็เป็นของปลอมวันยังค่ำ อยู่ด้วยการสร้างภาพไม่ใช่ของจริง วันหนึ่งมันก็ถูกเปิดโปง หรือไม่ก็ประจานตัวเองขึ้นมาจนได้
เหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นเพราะความเหิมเกริม หลงตัวเองของ ทักษิณ ชินวัตร ที่คิดว่าไม่ว่าจะส่งใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ประชาชนต้องเลือก ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเธอก็ได้รับเลือกตั้ง ได้รับความนิยมท่วมท้น ได้รับเชิดชูจนเว่อร์ว่าเป็น "นารีขี่ม้าขาว"กันเลยที่เดียว แต่อย่างที่บอกของปลอม ของที่ไร้คุณภาพ มันก็หลอกต้มได้ไม่นาน นี่ก็เช่นเดียวกันเพียงแค่สองปีกว่าเท่านั้นก็ทำให้เห็น"ธาตุแท้"ของเธอ และสติปัญญาของเธอได้อย่างหมดเปลือก ได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้ว"เธอโง่"จริงๆ เพราะมีการพิสูจน์ให้เห็นหลายครั้งทั้งจากคำพูดและการกระทำที่สะท้อนออกมาให้จากความล้มเหลวของนโยบายรัฐบาลนั่นแหละ
แต่จุดเริ่มต้นของการลุกฮือขึ้นมาจาก "ทนไม่ไหว"กับการออกกฎหมายลบล้างความผิดให้กับคนโกง ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายสำคัญก็คือ ทักษิณ ชินวัตร การแก้ไขรัฐมนตรีที่มีเจตนารวบอำนาจ ลดทอนอำนาจการตรวจสอบ มีเจตนาในการซื้อขายทรัพยากรธรรมชาติของชาติไปเป็นของตัวเองพวกพ้อง และขายให้กับ "ทุนสามานย์ข้ามชาติ" ดังที่รับทราบกันไปแล้วในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 การแก้ไขเกี่ยวกับที่มาของ สว.
ล่าสุดกำลังโดนไล่ล่าจากชาวนาที่เป็นฐานเสียง คนเคยสนับสนุนตัวเองเข้าสู่อำนาจ แต่ก็กลับไป "ทรยศ"หักหลังต่อความไว้วางใจที่พวกเขาทุ่มเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับก็คือความเจ็บปวดกับ "หนี้สิน"อันเกิดจากถูกโกงโครงการจำนำข้าว ที่จนบัดนี้ยังไม่ได้รับเงินมานาน 4-5 เดือนแล้วหลังจากขายข้าวให้กับรัฐบาลไปหมดแล้ว กลายเป็นว่าเวลานี้ชาวนาทั่วประเทศกำลังเดือดร้อน หลายคนจากเคยรักแปรเป็นเกลียด
กรณีของชาวนานี่แหละที่จะกลายเป็นตัว "ปิดเกม"ทำลายเครดิตของระบอบทักษิณ ลงไปอย่างย่อยยับ ลบล้างข้ออ้างว่าผู้ชุมนุมขับไล่ รัฐบาล และระบอบทักษิณ เป็นพวกชนชั้นกลางและคนรวยในเมืองเท่านั้น และกรณีของชาวนาที่เริ่มเคลื่อนไหวสมทบเข้ามา หลังจากหมดหวังจากการได้เงินคืน ถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์หักหลังหมดปัญญาจ่ายเงินค่าข้าว อันเนื่องมาจากการทุจริตกันในหมู่พวกพ้องคนในครอบครัวชินวัตรกันอย่างมโหฬาร แม้ว่านาทีนี้รัฐบาลจะพยายามใช้วิชามารอ้างว่าสาเหตุมาจากการชุมนุมของ กกปส.ทำให้หาเงินมาจ่ายชาวนาไม่ได้ แต่คงไม่ได้ผล เพราะเวลานี้ชาวนาเดือดร้อนจนหน้ามืดแล้วว่า "ต้องทวงเงินกับรัฐบาล" ต้องทวงเงินจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น และนี่คือที่มาของการเคลื่อนไหวของม็อบชาวนาในเวลานี้
ขณะเดียวกันกระแสมวลมหาประชาชนยังยืนหยัดขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ยังเหนียวแน่นไม่มีอาการอ่อนล้า ตรงกันข้ามมีแต่มวลชนเข้าร่วมมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งเกิดการยกระดับด้วยการ "บอยคอตเลือกตั้ง"วันที่ 2 กุมภาพันธ์ มีคนออกมาประท้วงไม่ไปใช้สิทธิ์ทั่วประเทศ หลายพื้นที่ไม่อาจจัดการเลือกตั้งได้ และแน่นอนว่าด้วยจำนวนคนที่ออกมาคราวนี้ย่อม"ทำลายความฝัน"ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นทุกอย่างของรัฐบาลนี้ลงอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นว่า"เลือกตั้งอัปยศ"เป็นเลือกตั้งเลือด ทำให้ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มือเปื้อนเลือด กลายเป็นทรราชเต็มขั้น นับจากนี้อยู่ไม่เป็นสุข อย่าว่าจะอยู่เลย จะตายก็ตายไม่ได้ !!