วานนี้ (2 ก.พ.) ที่หน่วยเลือกตั้ง 83 แขวงและเขตดินแดง กทม. ภายในซอยรัชดาภิเษก 3 ตรงข้ามกับรัชดาอพาร์ทเมนต์ ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เดินทางมาเลือกตั้ง โดยระหว่างที่นายชูวิทย์ เดินเข้ามาจากกลางซอยได้มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งแขวนนกหวีดลายธงชาติ เดินเข้ามาทำร้ายร่างกายนายชูวิทย์ โดยชกเข้าที่ใบหน้าแต่หมัดเฉียดหน้าผากไป ทำให้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่การ์ดของนายชูวิทย์ จะกันชายกลุ่มดังกล่าวออกไป
หลังจากนั้นนายชูวิทย์ ได้เดินไปที่คูหา แต่ปรากฏว่าไม่มีหีบบัตรเลือกตั้ง เนื่องจากมีม็อบ กปปส. มาปิดสำนักงานเขตดินแดงตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 1ก.พ. จึงไม่สามารถขนหีบบัตรออกมาได้ ทำให้เขตนี้เลือกตั้งไม่ได้
หลังจากนั้นนายชูวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโดยมีประชาชนที่ตั้งใจเดินทางมาเลือกตั้งร่วมฟังอยู่ด้วยว่า เดินทางมาใช้สิทธิ์ แต่เมื่อมาถึงปรากฏว่าเลือกตั้งไม่ได้ จึงจะเดินทางกลับบ้าน และได้มอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง เรื่องการใช้สิทธิ์เลือกตั้งแต่ไม่สามารถเลือกได้ ส่วนเรื่องที่ตนถูกทำร้ายคงไม่ไปแจ้งความ เพราะเป็นเรื่องเล็ก ตนมาปกป้องสิทธิ์ ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่เรียกร้อง ไม่ไปร้องเรียนหน้าสำนักงานเขตใดๆทั้งสิ้น
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยหากทำแบบนี้ อีกหน่อยจะต้องแบ่งเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ มีกำแพงกั้นที่กรุงเทพฯ ความแตกแยกทั้งหมดเกิดจากนักการเมืองโดยมีประชาชนถูกหลอก นักการเมืองเอาความหวังของประชาชนมาทำให้เกิดความแตกแยก ที่จริงถ้าไม่เห็นด้วยก็ควรมาเข้าคูหาและกาโหวตโน แต่การไปปิดหน่วยเลือกตั้งแบบนี้ แสดงว่าไม่แน่จริง ไม่ใช่วิธีการของประชาธิปไตย นายสุเทพ ควรกลับไป จ.สุราษฎร์ธานี ถ้าไม่กลับภายในสัปดาห์หน้านี้ จะมีม็อบที่ออกมาต่อต้านนายสุเทพ สถานการณ์จะมีคนบาดเจ็บล้มตาย บ้านเมืองจะผ่านความเจ็บปวดถึงจะเรียนรู้ประชาธิปไตยที่แท้จริงเหมือนต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น นายชูวิทย์ได้เคยเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 อย่างมีนัย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ว่า “ผมขอยืนยัน จะไปเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อปกป้องสิทธิของผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง และเสนอตัวเป็น "ฝ่ายค้านในระบบรัฐสภา"ไม่ค้านข้างถนน หรือค้านด้วยการใช้ร่างทรง เพื่อผลประโยชน์แอบแฝงทางอ้อม รัฐบาล และ กกต. ยืนยันจะจัดการเลือกตั้ง ผมก็ยืนยันจะไปใช้สิทธิ หากมีใครมาขวางผม ผมจะปกป้องสิทธิของผมด้วยกำลังและความสามารถเท่าที่ผมมี หากแรงมา ผมต้องแรงกลับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะผมเชื่อมั่นในสิทธิของผมอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมไม่ยอมให้ใครมาจูงจมูก บังคับ ปิดล้อม ขู่เข็ญ และแอบอ้างเอาสิทธิของผมไปใช้เป็นของตัวเองโดยเด็ดขาด คนไทยทุกคนต้องรู้จักปกป้องสิทธิของตัวเอง คุณจะเลือกตั้งหรือจะปฏิรูป มันเป็นสิทธิของคุณ แต่อย่ามาเสือกกับสิทธิของผม”
ขณะที่วันที่ 31 ม.ค. นายชูวิทย์เขียนว่า “สิทธิ เสรีภาพ อันชอบธรรมของคนไทยอย่างผม หากรัฐคุ้มครองดูแลผมไม่ได้ ผมจำต้องลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตัวผมเอง หากมี “โจร”หน้าไหนคิดจะปล้น “สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค”ใน 10 วินาที ที่ผมมี ขณะกากบาทในคูหาเลือกตั้ง เจอกันที่หน้าคูหาเลือกตั้ง เลขที่ 84 รัชดาอพาร์ทเมนท์ ถนนรัชดาภิเษก ซอย 3 เขตดินแดง กรุงเทพฯ ผมจัดเต็มแน่นอน”
และตอนหนึ่งว่า “หากรัฐคุ้มครองปกป้องพลเมืองอย่างผมไม่ได้ กฎหมายที่ตราไว้มีคนไม่ยอมปฏิบัติตาม ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมอันชอบธรรมของผมด้วยชีวิต หากมี “โจร”หน้าไหนคิดจะปล้นสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมของผมไป เจอกันวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 8.00 น. ที่คูหาเลือกตั้งเลขที่ 84 ตรงข้ามรัชดาอพาร์ทเมนต์ ดินแดง กรุงเทพฯ งานนี้ผมไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ผมชื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”
หลังจากนั้นนายชูวิทย์ ได้เดินไปที่คูหา แต่ปรากฏว่าไม่มีหีบบัตรเลือกตั้ง เนื่องจากมีม็อบ กปปส. มาปิดสำนักงานเขตดินแดงตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 1ก.พ. จึงไม่สามารถขนหีบบัตรออกมาได้ ทำให้เขตนี้เลือกตั้งไม่ได้
หลังจากนั้นนายชูวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโดยมีประชาชนที่ตั้งใจเดินทางมาเลือกตั้งร่วมฟังอยู่ด้วยว่า เดินทางมาใช้สิทธิ์ แต่เมื่อมาถึงปรากฏว่าเลือกตั้งไม่ได้ จึงจะเดินทางกลับบ้าน และได้มอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง เรื่องการใช้สิทธิ์เลือกตั้งแต่ไม่สามารถเลือกได้ ส่วนเรื่องที่ตนถูกทำร้ายคงไม่ไปแจ้งความ เพราะเป็นเรื่องเล็ก ตนมาปกป้องสิทธิ์ ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่เรียกร้อง ไม่ไปร้องเรียนหน้าสำนักงานเขตใดๆทั้งสิ้น
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยหากทำแบบนี้ อีกหน่อยจะต้องแบ่งเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ มีกำแพงกั้นที่กรุงเทพฯ ความแตกแยกทั้งหมดเกิดจากนักการเมืองโดยมีประชาชนถูกหลอก นักการเมืองเอาความหวังของประชาชนมาทำให้เกิดความแตกแยก ที่จริงถ้าไม่เห็นด้วยก็ควรมาเข้าคูหาและกาโหวตโน แต่การไปปิดหน่วยเลือกตั้งแบบนี้ แสดงว่าไม่แน่จริง ไม่ใช่วิธีการของประชาธิปไตย นายสุเทพ ควรกลับไป จ.สุราษฎร์ธานี ถ้าไม่กลับภายในสัปดาห์หน้านี้ จะมีม็อบที่ออกมาต่อต้านนายสุเทพ สถานการณ์จะมีคนบาดเจ็บล้มตาย บ้านเมืองจะผ่านความเจ็บปวดถึงจะเรียนรู้ประชาธิปไตยที่แท้จริงเหมือนต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น นายชูวิทย์ได้เคยเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 อย่างมีนัย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ว่า “ผมขอยืนยัน จะไปเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อปกป้องสิทธิของผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง และเสนอตัวเป็น "ฝ่ายค้านในระบบรัฐสภา"ไม่ค้านข้างถนน หรือค้านด้วยการใช้ร่างทรง เพื่อผลประโยชน์แอบแฝงทางอ้อม รัฐบาล และ กกต. ยืนยันจะจัดการเลือกตั้ง ผมก็ยืนยันจะไปใช้สิทธิ หากมีใครมาขวางผม ผมจะปกป้องสิทธิของผมด้วยกำลังและความสามารถเท่าที่ผมมี หากแรงมา ผมต้องแรงกลับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะผมเชื่อมั่นในสิทธิของผมอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมไม่ยอมให้ใครมาจูงจมูก บังคับ ปิดล้อม ขู่เข็ญ และแอบอ้างเอาสิทธิของผมไปใช้เป็นของตัวเองโดยเด็ดขาด คนไทยทุกคนต้องรู้จักปกป้องสิทธิของตัวเอง คุณจะเลือกตั้งหรือจะปฏิรูป มันเป็นสิทธิของคุณ แต่อย่ามาเสือกกับสิทธิของผม”
ขณะที่วันที่ 31 ม.ค. นายชูวิทย์เขียนว่า “สิทธิ เสรีภาพ อันชอบธรรมของคนไทยอย่างผม หากรัฐคุ้มครองดูแลผมไม่ได้ ผมจำต้องลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตัวผมเอง หากมี “โจร”หน้าไหนคิดจะปล้น “สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค”ใน 10 วินาที ที่ผมมี ขณะกากบาทในคูหาเลือกตั้ง เจอกันที่หน้าคูหาเลือกตั้ง เลขที่ 84 รัชดาอพาร์ทเมนท์ ถนนรัชดาภิเษก ซอย 3 เขตดินแดง กรุงเทพฯ ผมจัดเต็มแน่นอน”
และตอนหนึ่งว่า “หากรัฐคุ้มครองปกป้องพลเมืองอย่างผมไม่ได้ กฎหมายที่ตราไว้มีคนไม่ยอมปฏิบัติตาม ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมอันชอบธรรมของผมด้วยชีวิต หากมี “โจร”หน้าไหนคิดจะปล้นสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมของผมไป เจอกันวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 8.00 น. ที่คูหาเลือกตั้งเลขที่ 84 ตรงข้ามรัชดาอพาร์ทเมนต์ ดินแดง กรุงเทพฯ งานนี้ผมไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ผมชื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”