ASTVผู้จัดการรายวัน – สมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ มั่นใจเทศกาลแห่งความสุขปีนี้แนวโน้มดีต่อเนื่อง ส่ง2เดือนสุดท้ายนี้เงินสะพัดกว่า16,000 ล้านบาท และจำนวนทราฟฟิคโตขึ้น 30-35% ไม่หวั่นม็อบทำกำลังซื้อหด หลังวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผ่านไปได้ด้วยดี ล่าสุดทุ่มงบอีก 5 ล้านบาท ยกระดับกล้องวงจรปิดและห้องปฏิบัติการ CCTV เพิ่มความมั่นใจรับเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีนี้
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) เปิดเผยว่า ภาพรวมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค นี้ พบว่ายังมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 16,000 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 ล้านบาท ส่วนในแง่ทราฟฟิคนั้น เพิ่มขึ้นกว่า 30-35% ซึ่งในช่วงเหตุการณ์ม็อบรุนแรง ยอดทราฟฟิกอาจจะหายไปกว่า 50% ในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบMICE แต่หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เห็นได้จากยอดเข้าจองห้องพักอยู่ที่ 90% จึงมั่นใจว่าในช่วงเคาท์ดาวน์ปีนี้ จะมีผู้เข้าร่วมงานรวมไม่ต่ำกว่า 2.5-3 แสนราย อย่างที่ผ่านมา
ล่าสุดRSTAได้เพิ่มงบอีกกว่า 5 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกันในเรื่องการรักษาความปลอดภัยภายในย่านราชประสงค์ของเครือข่ายสมาชิกผู้ประกอบการ 12 อาคาร ได้แก่ ศูนย์การค้าเกษร, ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด, เอราวัณ แบ็งคอก, โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ, โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ กรุงเทพฯ, โรงแรมโฟซีซันส์ กรุงเทพฯ, โรงแรมเรเนซองซ์ กรุงเทพ ราชประสงค์, มณียาเซ็นเตอร์, เพรสิเด้นท์ ทาวเวอร์ อาเขต และศาลท่านท้าวมหาพรหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติวางระบบรักษาความปลอดภัยผ่าน 3 กลยุทธ์
ประกอบด้วย เทคโนโลยี บุคคลากร และมาตรการป้องกันและการรองรับ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีรูปแบบเฉพาะตัวและประสิทธิภาพสูงสุดที่เรียกว่า ระบบรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการย่านราชประสงค์
“การวางระบบรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ ได้มีการอัพเกรดกล้องวงจรปิด CCTV กว่า 83 ตัว ด้วยระบบฟูลเฮชดี และยกระดับห้องปฏิบัติการCCTV ด้วยระบบซอฟท์แวร์ที่ทันสมัยระดับโลก เชื่อมโยงเครือข่ายความปลอดภัยของกล้องวงจรปิดกว่า 1,500ตัวทั่วย่านฯของศูนย์การค้าและโรงแรมกว่า 12 อาคารให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งตั้งแต่เริ่มลงทุนจนถึงปัจจุบันใช้เม็ดเงินไปแล้วกว่า 20 ล้านบาทสำหรับระบบกล้องCCTVดังกล่าว ถือเป็นการยกระดับเพื่อสกัดกั้นและลดเหตุการณ์จากแก็งอาชญากรรมให้กลายเป็น0% และรองรับการเปิดเออีซีส่วนหนึ่ง และล่าสุดเพื่อการจัดงานเคาท์ดาวน์ในปีนี้ ซึ่งนอกจากจะยกระดับกล้องCCTVแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเชื่อว่าแต่ละอาคารจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 1,200 นาย” นายชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้มีความกังวล เพราะล่าสุดในวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมาที่มีการชุมนุมในย่านราชประสงค์ได้มีการประสานงาน เจรจาพูดคุยกับแกนนำ ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ประชาชนที่มาชุมนุมมาเพื่อแสดงจุดยืน มาร่วมสนุกกัน คล้ายงานเคาท์ดาวน์มากกว่าการชุมนุม
ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหากจะยืดเยื้อไปจนถึงต้นปีหน้า และในย่านฯนี้ เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่เกิดขึ้น เพราะฐานลูกค้าในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นระดับบีบวกขึ้นไป และนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ ซึ่งโดยภาพรวมของค้าปลีกที่จะได้รับผลกระทบ มองว่าจะเป็นกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นหลัก และมาจากนโยบายภาครัฐ เช่น รถคันแรก ทำให้ผู้บริโภคไม่พร้อมจับจ่ายมากกว่า
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) เปิดเผยว่า ภาพรวมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค นี้ พบว่ายังมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 16,000 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 ล้านบาท ส่วนในแง่ทราฟฟิคนั้น เพิ่มขึ้นกว่า 30-35% ซึ่งในช่วงเหตุการณ์ม็อบรุนแรง ยอดทราฟฟิกอาจจะหายไปกว่า 50% ในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบMICE แต่หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เห็นได้จากยอดเข้าจองห้องพักอยู่ที่ 90% จึงมั่นใจว่าในช่วงเคาท์ดาวน์ปีนี้ จะมีผู้เข้าร่วมงานรวมไม่ต่ำกว่า 2.5-3 แสนราย อย่างที่ผ่านมา
ล่าสุดRSTAได้เพิ่มงบอีกกว่า 5 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกันในเรื่องการรักษาความปลอดภัยภายในย่านราชประสงค์ของเครือข่ายสมาชิกผู้ประกอบการ 12 อาคาร ได้แก่ ศูนย์การค้าเกษร, ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด, เอราวัณ แบ็งคอก, โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ, โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ กรุงเทพฯ, โรงแรมโฟซีซันส์ กรุงเทพฯ, โรงแรมเรเนซองซ์ กรุงเทพ ราชประสงค์, มณียาเซ็นเตอร์, เพรสิเด้นท์ ทาวเวอร์ อาเขต และศาลท่านท้าวมหาพรหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติวางระบบรักษาความปลอดภัยผ่าน 3 กลยุทธ์
ประกอบด้วย เทคโนโลยี บุคคลากร และมาตรการป้องกันและการรองรับ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีรูปแบบเฉพาะตัวและประสิทธิภาพสูงสุดที่เรียกว่า ระบบรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการย่านราชประสงค์
“การวางระบบรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ ได้มีการอัพเกรดกล้องวงจรปิด CCTV กว่า 83 ตัว ด้วยระบบฟูลเฮชดี และยกระดับห้องปฏิบัติการCCTV ด้วยระบบซอฟท์แวร์ที่ทันสมัยระดับโลก เชื่อมโยงเครือข่ายความปลอดภัยของกล้องวงจรปิดกว่า 1,500ตัวทั่วย่านฯของศูนย์การค้าและโรงแรมกว่า 12 อาคารให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งตั้งแต่เริ่มลงทุนจนถึงปัจจุบันใช้เม็ดเงินไปแล้วกว่า 20 ล้านบาทสำหรับระบบกล้องCCTVดังกล่าว ถือเป็นการยกระดับเพื่อสกัดกั้นและลดเหตุการณ์จากแก็งอาชญากรรมให้กลายเป็น0% และรองรับการเปิดเออีซีส่วนหนึ่ง และล่าสุดเพื่อการจัดงานเคาท์ดาวน์ในปีนี้ ซึ่งนอกจากจะยกระดับกล้องCCTVแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเชื่อว่าแต่ละอาคารจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 1,200 นาย” นายชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้มีความกังวล เพราะล่าสุดในวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมาที่มีการชุมนุมในย่านราชประสงค์ได้มีการประสานงาน เจรจาพูดคุยกับแกนนำ ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ประชาชนที่มาชุมนุมมาเพื่อแสดงจุดยืน มาร่วมสนุกกัน คล้ายงานเคาท์ดาวน์มากกว่าการชุมนุม
ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหากจะยืดเยื้อไปจนถึงต้นปีหน้า และในย่านฯนี้ เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่เกิดขึ้น เพราะฐานลูกค้าในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นระดับบีบวกขึ้นไป และนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ ซึ่งโดยภาพรวมของค้าปลีกที่จะได้รับผลกระทบ มองว่าจะเป็นกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นหลัก และมาจากนโยบายภาครัฐ เช่น รถคันแรก ทำให้ผู้บริโภคไม่พร้อมจับจ่ายมากกว่า