นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลักของประเทศไทย โดยได้ทรงดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านการเกษตรทั้งด้านพันธุ์พืชและเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป การอนุรักษ์ดินและน้ำ การสหกรณ์ ผ่านทางศูนย์วิจัยและพัฒนาต่างๆ รวมถึงโครงการตามพระราชดำริต่างๆ จำนวนมาก ทางกรมวิชาการเกษตร ภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมกับ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ จัดงาน “มหกรรมการเกษตรใต้ร่มพระบารมี 2556” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมงานตลอด 15 วัน ระหว่างวันที่ 1-15 ธันวาคม 2556 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ต.แม่เหียะ อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่
สำหรับไฮไลต์ของนิทรรศการ“มหกรรมการเกษตรใต้ร่มพระบารมี 2556 ”ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่
1. นิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการพระราชดำริในการพระราชทานพืชเมืองหนาวที่มีศักยภาพในปัจจุบัน และการขยายผลโครงการพระราชดำริสู่เกษตรกรอย่างกว้างขวาง และอื่นๆ เป็นต้น
2. นิทรรศการด้านพืชสวนและการเกษตร ได้แก่ งานด้านการผลิตพันธุ์พืชสวน พืชไร่ (Seed Hub)พืชพันธุ์ดีเฉลิมพระเกียรติ และที่มีศักยภาพ ตลอดจนพันธุ์พืชใหม่ (พืชไร่ พืชสวน และยางพารา) ผลผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัย (GAP) เพื่อการส่งออก Q shop และงานพัฒนาการเกษตรด้านเมืองสีเขียว และอื่นๆ เป็นต้น
3. นิทรรศการความหลากหลายของกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ และกล้วยไม้เพื่อการส่งออก ที่แสดงศักยภาพของการเป็นเจ้าภาพการจัดงานกล้วยไม้แห่งเอเชียและแปซิฟิค ในปี 2559
4. นิทรรศการวิวัฒนาการการผลิตกาแฟของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ และ 1 หมวดกิจกรรมได้แก่ การเสวนาปัญหาการเกษตร การสาธิตแสดงการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร พืชสวน พืชไร่ และแสดงผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน
นอกจากนี้ภายในงานยังได้จัดให้มีการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดนักชงกาแฟ หรือ Barista Championship 2013 ชิงถ้วยพระราชทาน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ พร้อมจัดให้มีการอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจในการชง-ชิม กาแฟ จากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก กิจกรรมสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มที่ตลาดต้องการ อาทิ เต้าหู้ขาวจากถั่วเหลือง ไอศกรีมจากถั่วเหลือง ถั่วเหลืองงอกทอด โยเกิร์ตกล้วย โลชั่นจากเปลือกกล้วย การคั่วกาแฟและการกะเทาะแมคคาเดเมีย การทำชาเจียวกูหล่าน การทำสบู่/ยาเหลือง จากตะไคร้ต้น การอบรมการจัดสวนถาด การจัดดอกไม้ โดยนักจัดดอกไม้มืออาชีพ การถ่ายรูปดอกไม้ โดยช่างภาพมืออาชีพ การย้อมสีดอกไม้ ฯลฯ โดยประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ด้านนางเสาวนิตย์ พงษ์ประไพ ผู้อำนวยการด้านอำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน“มหกรรมการเกษตรใต้ร่มพระบารมี 2556 ” ในครั้งนี้ อยู่ในช่วงอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จัดงาน“เทศกาลชมสวน”ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2556– 28 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ผู้เข้าชมงานจะได้ชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติและกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสอันเป็นมหามงคล ณ หอคำหลวงนิทรรศการทิวลิป คิงภูมิพล ณ อาคารนิทรรศการกล้วยไม้ อุทยานกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ โดยรวบรวมกล้วยไม้พันธุ์แท้ พันธุ์ลูกผสม กล้วยไม้แปลกและหายาก และกิจกรรมทางวิชาการเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเกษตร ด้านพฤกษศาสตร์การเกษตรไทย และพืชท้องถิ่นที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมทัศนคติเกี่ยวกับการลดโลกร้อนและเศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งการแสดงสวนนานาชาติและสวนองค์กร อันจะเป็นโอกาสสำคัญที่นักวิชาการ เกษตรกร และผู้ที่สนใจจะได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ด้านพันธุ์พืชและเทคโนโลยีการผลิตการเกษตร ผ่านการจัดสวน นิทรรศการและกิจกรรมภายในงาน ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตการเกษตร ได้แก่ ด้านพืชสวน พืชไร่ ยางพารา ให้กับเกษตรกร และผู้สนใจ นอกจากนี้ยังช่วยปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนที่จะมาเยี่ยมชมงานกับผู้ปกครองในการอนุรักษ์ทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพตามโครงการพระราชดำริในอนาคตต่อไป”
สำหรับไฮไลต์ของนิทรรศการ“มหกรรมการเกษตรใต้ร่มพระบารมี 2556 ”ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่
1. นิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการพระราชดำริในการพระราชทานพืชเมืองหนาวที่มีศักยภาพในปัจจุบัน และการขยายผลโครงการพระราชดำริสู่เกษตรกรอย่างกว้างขวาง และอื่นๆ เป็นต้น
2. นิทรรศการด้านพืชสวนและการเกษตร ได้แก่ งานด้านการผลิตพันธุ์พืชสวน พืชไร่ (Seed Hub)พืชพันธุ์ดีเฉลิมพระเกียรติ และที่มีศักยภาพ ตลอดจนพันธุ์พืชใหม่ (พืชไร่ พืชสวน และยางพารา) ผลผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัย (GAP) เพื่อการส่งออก Q shop และงานพัฒนาการเกษตรด้านเมืองสีเขียว และอื่นๆ เป็นต้น
3. นิทรรศการความหลากหลายของกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ และกล้วยไม้เพื่อการส่งออก ที่แสดงศักยภาพของการเป็นเจ้าภาพการจัดงานกล้วยไม้แห่งเอเชียและแปซิฟิค ในปี 2559
4. นิทรรศการวิวัฒนาการการผลิตกาแฟของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ และ 1 หมวดกิจกรรมได้แก่ การเสวนาปัญหาการเกษตร การสาธิตแสดงการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร พืชสวน พืชไร่ และแสดงผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน
นอกจากนี้ภายในงานยังได้จัดให้มีการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดนักชงกาแฟ หรือ Barista Championship 2013 ชิงถ้วยพระราชทาน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ พร้อมจัดให้มีการอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจในการชง-ชิม กาแฟ จากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก กิจกรรมสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มที่ตลาดต้องการ อาทิ เต้าหู้ขาวจากถั่วเหลือง ไอศกรีมจากถั่วเหลือง ถั่วเหลืองงอกทอด โยเกิร์ตกล้วย โลชั่นจากเปลือกกล้วย การคั่วกาแฟและการกะเทาะแมคคาเดเมีย การทำชาเจียวกูหล่าน การทำสบู่/ยาเหลือง จากตะไคร้ต้น การอบรมการจัดสวนถาด การจัดดอกไม้ โดยนักจัดดอกไม้มืออาชีพ การถ่ายรูปดอกไม้ โดยช่างภาพมืออาชีพ การย้อมสีดอกไม้ ฯลฯ โดยประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ด้านนางเสาวนิตย์ พงษ์ประไพ ผู้อำนวยการด้านอำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน“มหกรรมการเกษตรใต้ร่มพระบารมี 2556 ” ในครั้งนี้ อยู่ในช่วงอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จัดงาน“เทศกาลชมสวน”ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2556– 28 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ผู้เข้าชมงานจะได้ชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติและกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสอันเป็นมหามงคล ณ หอคำหลวงนิทรรศการทิวลิป คิงภูมิพล ณ อาคารนิทรรศการกล้วยไม้ อุทยานกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ โดยรวบรวมกล้วยไม้พันธุ์แท้ พันธุ์ลูกผสม กล้วยไม้แปลกและหายาก และกิจกรรมทางวิชาการเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเกษตร ด้านพฤกษศาสตร์การเกษตรไทย และพืชท้องถิ่นที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมทัศนคติเกี่ยวกับการลดโลกร้อนและเศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งการแสดงสวนนานาชาติและสวนองค์กร อันจะเป็นโอกาสสำคัญที่นักวิชาการ เกษตรกร และผู้ที่สนใจจะได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ด้านพันธุ์พืชและเทคโนโลยีการผลิตการเกษตร ผ่านการจัดสวน นิทรรศการและกิจกรรมภายในงาน ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตการเกษตร ได้แก่ ด้านพืชสวน พืชไร่ ยางพารา ให้กับเกษตรกร และผู้สนใจ นอกจากนี้ยังช่วยปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนที่จะมาเยี่ยมชมงานกับผู้ปกครองในการอนุรักษ์ทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพตามโครงการพระราชดำริในอนาคตต่อไป”
