วานนี้ (24 พ.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะน้ำป่าจากเทือกเขากระบุรีและเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-พม่า ได้หลากท่วมหลายพื้นที่ จ.ชุมพร ทำให้ระดับน้ำในบางพื้นที่ของ อ.เมืองระนอง และ อ.ท่าแซะ สูงกว่า 1 เมตร ถนนทางเข้าออกหมู่บ้านถูกตัดขาด รวมถึงถนนสายหลักลงสู่ภาคใต้สายเอเชีย 41 น้ำท่วม 2 จุด คือ สี่แยกปฐมพร หลักกิโลเมตรที่ 1-2 ขาเข้าเมืองชุมพร และช่วงหลักกิโลเมตรที่ 25-28 ต.ครน อ.สวี รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ทั้งขาขึ้น-ขาล่อง แต่สามารถใช้เส้นทางเลี่ยงผ่านเข้าตัวเมืองชุมพรได้ โดยมีเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกแนะนำตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้ ทางรถไฟช่วงหน้าสถานี อ.สวี ถูกน้ำท่วมเกือบ 100 เมตร และช่วงใกล้สถานีตากแดด ต.ทุ่งคา อ.เมืองระนองระยะทางยาว 200 เมตร ทำให้ทางชำรุดและหินรองรางรถไฟถูกน้ำซัดหายไปหลายช่วง เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางชั่วคราว ทำให้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องจัดรถโดยสารมาบริการส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมาย
ขณะที่นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้ง 8 อำเภอประกอบด้วย อ.เมือง อ.ปะทิว อ.ท่าแซะ อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.ละแม และ อ.พะโต๊ะ พร้อมกำชับให้ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ จ.ระนอง นายชวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า หลังจากที่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และเกิดน้ำป่าหลากท่วมอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านนิคมปากจั่น อ.กระบุรี ได้รับผลกระทบกว่า 200 ครัวเรือน โดยเฉพาะ ม.2 ตำบล จ.ป.ร. กระแสน้ำท่วมตัดขาดการสัญจร เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ เบื้องต้นบ้านเรือนถูกน้ำพัดเสียหาย 5 หลัง เนื่องจากน้ำไหลแรงและมาเร็วมาก
นอกจากนี้ ดินยังไหลลงมาตามริมถนนเพชรเกษม สายระนอง-ชุมพร กว่า 20 จุดเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 6 ต้น รวมถึงถนนสายระนอง-ชุมพร น้ำท่วมสูงช่วงบ้านทับหลีถึงบ้าน จ.ป.ร.รวม 4 จุด รถไม่สามารถสัญจรได้ทั้งขาขึ้นและขาล่อง
**กู้ภัยประจวบฯ ถูกน้ำป่าพัดสูญหาย
ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ สถานการณ์น้ำท่วมยังคงน่าเป็นห่วง ขณะเดียวกัน ร.ต.ท.พนม หงษ์ทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเหตุเมื่อช่วงสายวานนี้ (24 พ.ย.) ว่า อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถานสูญหายไป 1 คน รหัสอาสา 312 คือ นายชวลิต ภูมิวัฒนานนท์ อายุ 22 ปี ระหว่างช่วยเหลือรถยนต์ประสบเหตุน้ำท่วมถนนเพชรเกษม-คั่นกระได บริเวณฝายน้ำล้นบ้านบึง หมู่ 3 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงประสาน ปภ.เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ และนักประดาน้ำมูลนิธิฯ เร่งค้นหานายชวลิต โดยมีนายวีระ ศรีวัฒนตนะกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายพันธุ์ศักดิ์ ใจใหญ่ นายก อบต.อ่าวน้อย มาช่วยอำนวยการทำงานของเจ้าหน้าที่ จนถึงขณะนี้ก้ยังไม่พบร่างของนายชวลิต แต่อย่างใด
ขณะที่น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรี ได้ไหลบ่าลงคลองบ้านบึงอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำป่าที่ไหลจากทางด้านทิศตะวันตกของ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ไหลทะลักเข้าท่วมเขตพื้นที่ชั้นในของเทศบาลกำเนิดนพคุณ ตั้งแต่ถนนเพชรเกษม ทางเข้าตลาดบางสะพาน ระดับน้ำท่วมผิวการจราจร ทำให้รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถแล่นผ่านได้ เป็นระยะทางยาวประมาณกว่า 1 กิโลเมตร อีกทั้งบริเวณวัดห้วยทรายขาว วัดเขาโบสถ์ มีน้ำท่วมภายในวัดตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป นอกจากนั้น น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมย่านธุรกิจการค้าในซอยรัตน์โกสินทร์ จึงทำให้ร้านค้าต่างๆ ต้องปิดกิจการ และเฝ้าดูระดับน้ำที่อาจจะสูงขึ้นในช่วงคืนนี้
**น้ำทะลักท่วมวัดพระบรมธาตุไชยาฯ
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากน้ำป่าจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง และน้ำป่าจากเทือกเขาเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ได้ไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ 39 ตำบล 237 หมู่บ้าน จังหวัดได้ประกาศให้ทั้ง 7 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ประกอบด้วย อ.กาญจนดิษฐ์ อ.บ้านนาเดิม อ.ไชยา อ.ท่าชนะ อ.พนม อ.บ้านนาเดิม และ อ.พระแสง ล่าสุดพบศพเด็กชายอายุ 8 ขวบ พลัดตกน้ำใกล้สถานีรถไฟท่าชนะเมื่อบ่ายวานนี้แล้ว จมอยู่ในคลองขนานกับทางรถไฟห่างจากจุดเกิดเหตุ 300 เมตร
นอกจากนี้ น้ำยังได้ไหลล้นคลองไชยา ทะลักเข้าท่วมวัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร มรดกวัฒนธรรม อายุกว่า 1,500 ปี ระดับน้ำท่วมขังตัวองค์พระธาตุสูงกว่า 70 ซม.ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 ทหารอากาศกองบิน 7 ได้ช่วยกันนำกระสอบทรายกว่า 1,000 ใบเครื่องสูบน้ำ 7 เครื่องเข้ากู้พื้นที่น้ำท่วมที่วัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร แล้วหลังจากฝนตกเบาบางลงและหยุดตกเป็นช่วง
นายฉัตรป้อง กล่าวว่า พบรอยร้าวบางจุดที่พระบรมธาตุไชยา และทองที่ติดองค์พระธาตุเริ่มหลุดลอก จะต้องเร่งซ่อมแซมให้เร็วที่สุด โดยจังหวัดจะประสานให้กรมศิลปากรมาดำเนินการ ส่วนการระบายน้ำออกจากตัววัดพระบรมธาตุฯ ได้วางไว้ 3 ขั้นตอน คือ สูบน้ำจากองค์พระธาตุชั้นในก่อน เพื่อป้องกันการทรุดตัวขององค์พระธาตุ ขั้นตอนที่ 2 สูบน้ำออกจากตัวรอบพระบรมธาตุฯ ด้านนอก ขั้นตอนที่ 3 สูบระบายน้ำออกจากตัววัดพระบรมธาตุฯ โดยใช้กระสอบทรายวางเป็นกำแพงกั้นน้ำ
**พัทลุงเดือดร้อนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน
ที่ จ.พัทลุง ปริมาณน้ำที่ท่วมในพื้นที่อำเภอริมเทือกเขาบรรทัด เช่น อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ป่าพะยอม อ.ศรีบรรพต และ อ.ศรีนครินทร์ ลดระดับลง แต่มวลน้ำดังกล่าวได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ อ.ปากพะยูน อ.ป่าบอน อ.บางแก้ว อ.เขาชัยสน อ.ควนขนุน และ อ.เมือง ทำให้ปริมาณน้ำที่ท่วมอยู่แล้วกลับเพิ่มระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.นาโหนด ต.ปรางหมู่ ต.ลำปำ ต.พญาขัน และ ต.ชัยบรี อ.เมือง ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย และ ต.ควนขนุน อ.ควนขนุน เฉลี่ยที่ 1-1.50 ม.ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจร ได้รับความเดือดร้อนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมกว่า 1 แสนไร่
ขณะที่ พ.ต.อ.พหล เกตุแก้ว ผกก ตชด.43 ได้นำถุงยังชีพพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำมามอบให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ต.มะกอกเหนือ และ ต.พะนางตุง อ.ควนขนุน หลังพื้นที่ดังกล่าวโดนน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมสูง นอกจากนั้นแล้ว มีหญิงชราที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อีก 2 ราย ที่ติดอยู่ภายในบ้าน ทางชุด ตชด. ได้นั่งเรือนำถุงพระราชทานมามอบให้ พร้อมกับตรวจสุขภาพและส่งเจ้าหน้าที่คอยให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
**นครศรีฯ สังเวยน้ำท่วมแล้ว2ราย
ด้านนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนและสิ่งสาธารณประโยชน์ ถนนสายหลักบางช่วงและถนนสายรองในชุมชน เป็นบริเวณกว้าง พื้นที่ลาดชันใกล้เชิงเขาและพื้นที่ต้นน้ำเกิดน้ำป่าไหลหลาก พื้นที่ใกล้ลำน้ำเกิดน้ำบ่าล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน มีผู้เสียชีวิต 2 รายใน อ.ทุ่งสง 1 ราย และ อ.ร่อนพิบูลย์อีก 1 ราย
ส่วนภาพรวมนั้นขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนรวมตั้งแต่เกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก จำนวน 21 อำเภอ 127 ตำบล 760 หมู่บ้าน 120,700 คน 40,000 ครัวเรือน คาดการณ์มูลค่าความเสียหาย เบื้องต้น 120 ล้านบาท และอยู่ระหว่างสำรวจเพิ่มเติม สำหรับพื้นที่ที่ยังไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน (อุทกภัย) มีเพียง 2 อำเภอ จาก 23 อำเภอ คือ อ.ถ้ำพรรณนา และ อ.ขนอม เท่านั้น แต่อยู่ในระดับเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์
**อุตุฯเตือน 8 จังหวัด ยังมีฝนตกหนัก
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งเตือนว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมภาคใต้ได้เคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามันแล้วและกำลังเคลื่อนตัวห่างชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันตกมากยิ่งขึ้น ทำให้ภาคใต้เริ่มมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ต่อไปได้อีก 1 วัน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายและผลกระทบจากฝนตกหนัก รวมทั้งปริมาณฝนสะสมต่อเนื่องที่มีปริมาณมากไว้ด้วย.
นอกจากนี้ ทางรถไฟช่วงหน้าสถานี อ.สวี ถูกน้ำท่วมเกือบ 100 เมตร และช่วงใกล้สถานีตากแดด ต.ทุ่งคา อ.เมืองระนองระยะทางยาว 200 เมตร ทำให้ทางชำรุดและหินรองรางรถไฟถูกน้ำซัดหายไปหลายช่วง เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางชั่วคราว ทำให้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องจัดรถโดยสารมาบริการส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมาย
ขณะที่นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้ง 8 อำเภอประกอบด้วย อ.เมือง อ.ปะทิว อ.ท่าแซะ อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.ละแม และ อ.พะโต๊ะ พร้อมกำชับให้ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ จ.ระนอง นายชวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า หลังจากที่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และเกิดน้ำป่าหลากท่วมอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านนิคมปากจั่น อ.กระบุรี ได้รับผลกระทบกว่า 200 ครัวเรือน โดยเฉพาะ ม.2 ตำบล จ.ป.ร. กระแสน้ำท่วมตัดขาดการสัญจร เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ เบื้องต้นบ้านเรือนถูกน้ำพัดเสียหาย 5 หลัง เนื่องจากน้ำไหลแรงและมาเร็วมาก
นอกจากนี้ ดินยังไหลลงมาตามริมถนนเพชรเกษม สายระนอง-ชุมพร กว่า 20 จุดเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 6 ต้น รวมถึงถนนสายระนอง-ชุมพร น้ำท่วมสูงช่วงบ้านทับหลีถึงบ้าน จ.ป.ร.รวม 4 จุด รถไม่สามารถสัญจรได้ทั้งขาขึ้นและขาล่อง
**กู้ภัยประจวบฯ ถูกน้ำป่าพัดสูญหาย
ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ สถานการณ์น้ำท่วมยังคงน่าเป็นห่วง ขณะเดียวกัน ร.ต.ท.พนม หงษ์ทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเหตุเมื่อช่วงสายวานนี้ (24 พ.ย.) ว่า อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถานสูญหายไป 1 คน รหัสอาสา 312 คือ นายชวลิต ภูมิวัฒนานนท์ อายุ 22 ปี ระหว่างช่วยเหลือรถยนต์ประสบเหตุน้ำท่วมถนนเพชรเกษม-คั่นกระได บริเวณฝายน้ำล้นบ้านบึง หมู่ 3 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงประสาน ปภ.เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ และนักประดาน้ำมูลนิธิฯ เร่งค้นหานายชวลิต โดยมีนายวีระ ศรีวัฒนตนะกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายพันธุ์ศักดิ์ ใจใหญ่ นายก อบต.อ่าวน้อย มาช่วยอำนวยการทำงานของเจ้าหน้าที่ จนถึงขณะนี้ก้ยังไม่พบร่างของนายชวลิต แต่อย่างใด
ขณะที่น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรี ได้ไหลบ่าลงคลองบ้านบึงอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำป่าที่ไหลจากทางด้านทิศตะวันตกของ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ไหลทะลักเข้าท่วมเขตพื้นที่ชั้นในของเทศบาลกำเนิดนพคุณ ตั้งแต่ถนนเพชรเกษม ทางเข้าตลาดบางสะพาน ระดับน้ำท่วมผิวการจราจร ทำให้รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถแล่นผ่านได้ เป็นระยะทางยาวประมาณกว่า 1 กิโลเมตร อีกทั้งบริเวณวัดห้วยทรายขาว วัดเขาโบสถ์ มีน้ำท่วมภายในวัดตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป นอกจากนั้น น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมย่านธุรกิจการค้าในซอยรัตน์โกสินทร์ จึงทำให้ร้านค้าต่างๆ ต้องปิดกิจการ และเฝ้าดูระดับน้ำที่อาจจะสูงขึ้นในช่วงคืนนี้
**น้ำทะลักท่วมวัดพระบรมธาตุไชยาฯ
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากน้ำป่าจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง และน้ำป่าจากเทือกเขาเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ได้ไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ 39 ตำบล 237 หมู่บ้าน จังหวัดได้ประกาศให้ทั้ง 7 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ประกอบด้วย อ.กาญจนดิษฐ์ อ.บ้านนาเดิม อ.ไชยา อ.ท่าชนะ อ.พนม อ.บ้านนาเดิม และ อ.พระแสง ล่าสุดพบศพเด็กชายอายุ 8 ขวบ พลัดตกน้ำใกล้สถานีรถไฟท่าชนะเมื่อบ่ายวานนี้แล้ว จมอยู่ในคลองขนานกับทางรถไฟห่างจากจุดเกิดเหตุ 300 เมตร
นอกจากนี้ น้ำยังได้ไหลล้นคลองไชยา ทะลักเข้าท่วมวัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร มรดกวัฒนธรรม อายุกว่า 1,500 ปี ระดับน้ำท่วมขังตัวองค์พระธาตุสูงกว่า 70 ซม.ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 ทหารอากาศกองบิน 7 ได้ช่วยกันนำกระสอบทรายกว่า 1,000 ใบเครื่องสูบน้ำ 7 เครื่องเข้ากู้พื้นที่น้ำท่วมที่วัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร แล้วหลังจากฝนตกเบาบางลงและหยุดตกเป็นช่วง
นายฉัตรป้อง กล่าวว่า พบรอยร้าวบางจุดที่พระบรมธาตุไชยา และทองที่ติดองค์พระธาตุเริ่มหลุดลอก จะต้องเร่งซ่อมแซมให้เร็วที่สุด โดยจังหวัดจะประสานให้กรมศิลปากรมาดำเนินการ ส่วนการระบายน้ำออกจากตัววัดพระบรมธาตุฯ ได้วางไว้ 3 ขั้นตอน คือ สูบน้ำจากองค์พระธาตุชั้นในก่อน เพื่อป้องกันการทรุดตัวขององค์พระธาตุ ขั้นตอนที่ 2 สูบน้ำออกจากตัวรอบพระบรมธาตุฯ ด้านนอก ขั้นตอนที่ 3 สูบระบายน้ำออกจากตัววัดพระบรมธาตุฯ โดยใช้กระสอบทรายวางเป็นกำแพงกั้นน้ำ
**พัทลุงเดือดร้อนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน
ที่ จ.พัทลุง ปริมาณน้ำที่ท่วมในพื้นที่อำเภอริมเทือกเขาบรรทัด เช่น อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ป่าพะยอม อ.ศรีบรรพต และ อ.ศรีนครินทร์ ลดระดับลง แต่มวลน้ำดังกล่าวได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ อ.ปากพะยูน อ.ป่าบอน อ.บางแก้ว อ.เขาชัยสน อ.ควนขนุน และ อ.เมือง ทำให้ปริมาณน้ำที่ท่วมอยู่แล้วกลับเพิ่มระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.นาโหนด ต.ปรางหมู่ ต.ลำปำ ต.พญาขัน และ ต.ชัยบรี อ.เมือง ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย และ ต.ควนขนุน อ.ควนขนุน เฉลี่ยที่ 1-1.50 ม.ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจร ได้รับความเดือดร้อนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมกว่า 1 แสนไร่
ขณะที่ พ.ต.อ.พหล เกตุแก้ว ผกก ตชด.43 ได้นำถุงยังชีพพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำมามอบให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ต.มะกอกเหนือ และ ต.พะนางตุง อ.ควนขนุน หลังพื้นที่ดังกล่าวโดนน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมสูง นอกจากนั้นแล้ว มีหญิงชราที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อีก 2 ราย ที่ติดอยู่ภายในบ้าน ทางชุด ตชด. ได้นั่งเรือนำถุงพระราชทานมามอบให้ พร้อมกับตรวจสุขภาพและส่งเจ้าหน้าที่คอยให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
**นครศรีฯ สังเวยน้ำท่วมแล้ว2ราย
ด้านนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนและสิ่งสาธารณประโยชน์ ถนนสายหลักบางช่วงและถนนสายรองในชุมชน เป็นบริเวณกว้าง พื้นที่ลาดชันใกล้เชิงเขาและพื้นที่ต้นน้ำเกิดน้ำป่าไหลหลาก พื้นที่ใกล้ลำน้ำเกิดน้ำบ่าล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน มีผู้เสียชีวิต 2 รายใน อ.ทุ่งสง 1 ราย และ อ.ร่อนพิบูลย์อีก 1 ราย
ส่วนภาพรวมนั้นขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนรวมตั้งแต่เกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก จำนวน 21 อำเภอ 127 ตำบล 760 หมู่บ้าน 120,700 คน 40,000 ครัวเรือน คาดการณ์มูลค่าความเสียหาย เบื้องต้น 120 ล้านบาท และอยู่ระหว่างสำรวจเพิ่มเติม สำหรับพื้นที่ที่ยังไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน (อุทกภัย) มีเพียง 2 อำเภอ จาก 23 อำเภอ คือ อ.ถ้ำพรรณนา และ อ.ขนอม เท่านั้น แต่อยู่ในระดับเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์
**อุตุฯเตือน 8 จังหวัด ยังมีฝนตกหนัก
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งเตือนว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมภาคใต้ได้เคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามันแล้วและกำลังเคลื่อนตัวห่างชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันตกมากยิ่งขึ้น ทำให้ภาคใต้เริ่มมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ต่อไปได้อีก 1 วัน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายและผลกระทบจากฝนตกหนัก รวมทั้งปริมาณฝนสะสมต่อเนื่องที่มีปริมาณมากไว้ด้วย.