น.พ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “รู้แล้วรอด”เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนทั่วประเทศในการเตรียมพร้อมให้สามารถเอาตัวรอดได้เมื่อเกิดภัยพิบัติรุนแรง หลังประเทศไทยประสบเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547 และมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 จนนำมาสู่การสูญเสียจำนวนมาก
ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ หลายครั้ง แต่ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าจะรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างไร โดยเฉพาะเด็กๆ ที่จะต้องเผชิญกับปัญหาภัยพิบัติ
“สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มุ่งให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจากภัยพิบัติ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่า คนไทยโชคดี ที่ประเทศไม่เคยเกิดภัยพิบัติรุนแรงเลย แต่หลังจากเหตุการณ์สึนามิ และน้ำท่วมใหญ่ทำให้เรารับรู้ว่า ประเทศไทยไม่โชคดีอีกต่อไป ภัยพิบัติใหญ่ๆสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
น.พ.อนุชา กล่าวว่า โครงการ “รู้แล้วรอด”จะเป็นการนำความรู้เกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติให้เยาวชนได้รับรู้ โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานการปฐมศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างดี สิ่งสำคัญที่สุดต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุเรื่องนี้ไว้ในหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้การให้ความรู้แก่เยาวชน เป็นไปอย่างมีระบบสำหรับโครงการรู้แล้วรอด เป็นการนำความรู้เกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ มาจัดทำเป็นแผ่นพับคู่มือจิตอาสา แผ่นพับคู่มือกระเป๋ายังชีพ หนังสือคู่มือรับภัยพิบัติ เกมกระดาน เกมการ์ด และเกมตัวต่อ ไปแจกและให้ความรู้แก่เยาวชนทั่งประเทศ โดยนำร่อง 16 โรงเรียนที่อยู่ในจุดเสี่ยงเกิดภัยพิบัติ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต ตราด โดยจะมีเจ้าหน้าที่โครงการและตัวมาสคอทเดินทางไปให้ความรู้แก่เด็กๆกลุ่มเป้าหมายด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ หลายครั้ง แต่ผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าจะรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างไร โดยเฉพาะเด็กๆ ที่จะต้องเผชิญกับปัญหาภัยพิบัติ
“สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มุ่งให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจากภัยพิบัติ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่า คนไทยโชคดี ที่ประเทศไม่เคยเกิดภัยพิบัติรุนแรงเลย แต่หลังจากเหตุการณ์สึนามิ และน้ำท่วมใหญ่ทำให้เรารับรู้ว่า ประเทศไทยไม่โชคดีอีกต่อไป ภัยพิบัติใหญ่ๆสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
น.พ.อนุชา กล่าวว่า โครงการ “รู้แล้วรอด”จะเป็นการนำความรู้เกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติให้เยาวชนได้รับรู้ โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานการปฐมศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างดี สิ่งสำคัญที่สุดต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุเรื่องนี้ไว้ในหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้การให้ความรู้แก่เยาวชน เป็นไปอย่างมีระบบสำหรับโครงการรู้แล้วรอด เป็นการนำความรู้เกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ มาจัดทำเป็นแผ่นพับคู่มือจิตอาสา แผ่นพับคู่มือกระเป๋ายังชีพ หนังสือคู่มือรับภัยพิบัติ เกมกระดาน เกมการ์ด และเกมตัวต่อ ไปแจกและให้ความรู้แก่เยาวชนทั่งประเทศ โดยนำร่อง 16 โรงเรียนที่อยู่ในจุดเสี่ยงเกิดภัยพิบัติ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต ตราด โดยจะมีเจ้าหน้าที่โครงการและตัวมาสคอทเดินทางไปให้ความรู้แก่เด็กๆกลุ่มเป้าหมายด้วย
