ASTVผู้จัดการรายวัน-ร้อยเวร สน.บางชัน เตรียมเรียก "พ่อเอ็กซ์-ทนาย-หมอนิ่ม" สอบปากคำเพิ่ม ในคดีแอบเปิดตู้เซฟ เผยพ่อมีสิทธิ์เป็นผู้จัดการมรดก แต่ต้องรอศาลประจวบฯ มีคำสั่งลงมาก่อน ชี้หากมีสิทธิ์แล้ว ก็สามารถฟ้องร้องได้
ร.ต.ท.มารุต ปัณดิษฐโต พนักงานสอบสวน สน.บางชัน เจ้าของคดีกรณีนายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย แจ้งความให้ดำเนินคดีกับพญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยา ที่ลักลอบเปิดตู้เซฟธนาคารกสิกรไทย รวมทั้งฟ้องผู้จัดการธนาคารดังกล่าว เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกนายมานพ พาณิชย์ผาติกรรม มาสอบปากคำอีกครั้ง พร้อมด้วยทนายความที่เดินทางมาแจ้งความพร้อมกับจักรกฤษณ์ในวันเกิดเหตุ แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาได้ เพราะยังไม่ได้ประสานไป
โดยตำรวจจะแยกสอบนายมานพกับทนายความ หลังจากนั้น เมื่อได้ข้อมูลครบจากทั้ง 2 คนแล้ว ตำรวจก็จะทำการเรียกพญ.นิธิวดี มาสอบปากคำต่อ ส่วนผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย คงไม่เรียกมาสอบปากคำอีก เพราะสอบปากคำไปหมดแล้ว แต่หากมีข้อมูลหรือประเด็นใหม่ที่ได้จากการสอบปากคำนายมานพ ทนายความ และพญ.นิธิวดี ก็อาจเรียกมาสอบใหม่ได้
ร.ต.ท.มารุต กล่าวว่า นายมานพ แจ้งกับทางตำรวจว่า ตนได้ให้พระเครื่อง 3-4 องค์กับนายจักรกฤษณ์ มูลค่า 1.3 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในตู้เซฟธนาคารด้วย แต่ทรัพย์สินส่วนอื่น นายมานพไม่ทราบ ซึ่งต้องสอบปากคำทั้ง พญ.นิธิวดี กับนายมานพ เพื่อดูว่าให้การตรงกันหรือไม่
ทั้งนี้ การที่นายมานพจะเป็นผู้เสียหายแทนนายจักรกฤษณ์ในคดีนี้ เบื้องต้น ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะต้องมีคำสั่งให้นายมานพเป็นผู้จัดการมรดกก่อน จึงสามารถเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ได้ ซึ่งนายมานพมีสิทธิที่จะเป็นได้ เพราะเป็นพ่อแท้ๆ ของนายจักรกฤษณ์ และหากได้เป็นผู้เสียหายแทนแล้ว ก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องทางคดีแพ่งได้ ส่วนทางอาญา ทางตำรวจจะดูสำนวนที่ได้จากการสอบปากคำ เพื่อดูความเป็นไปได้ทางคดีต่อไป
ร.ต.ท.มารุต ปัณดิษฐโต พนักงานสอบสวน สน.บางชัน เจ้าของคดีกรณีนายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย แจ้งความให้ดำเนินคดีกับพญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยา ที่ลักลอบเปิดตู้เซฟธนาคารกสิกรไทย รวมทั้งฟ้องผู้จัดการธนาคารดังกล่าว เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกนายมานพ พาณิชย์ผาติกรรม มาสอบปากคำอีกครั้ง พร้อมด้วยทนายความที่เดินทางมาแจ้งความพร้อมกับจักรกฤษณ์ในวันเกิดเหตุ แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาได้ เพราะยังไม่ได้ประสานไป
โดยตำรวจจะแยกสอบนายมานพกับทนายความ หลังจากนั้น เมื่อได้ข้อมูลครบจากทั้ง 2 คนแล้ว ตำรวจก็จะทำการเรียกพญ.นิธิวดี มาสอบปากคำต่อ ส่วนผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย คงไม่เรียกมาสอบปากคำอีก เพราะสอบปากคำไปหมดแล้ว แต่หากมีข้อมูลหรือประเด็นใหม่ที่ได้จากการสอบปากคำนายมานพ ทนายความ และพญ.นิธิวดี ก็อาจเรียกมาสอบใหม่ได้
ร.ต.ท.มารุต กล่าวว่า นายมานพ แจ้งกับทางตำรวจว่า ตนได้ให้พระเครื่อง 3-4 องค์กับนายจักรกฤษณ์ มูลค่า 1.3 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในตู้เซฟธนาคารด้วย แต่ทรัพย์สินส่วนอื่น นายมานพไม่ทราบ ซึ่งต้องสอบปากคำทั้ง พญ.นิธิวดี กับนายมานพ เพื่อดูว่าให้การตรงกันหรือไม่
ทั้งนี้ การที่นายมานพจะเป็นผู้เสียหายแทนนายจักรกฤษณ์ในคดีนี้ เบื้องต้น ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะต้องมีคำสั่งให้นายมานพเป็นผู้จัดการมรดกก่อน จึงสามารถเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ได้ ซึ่งนายมานพมีสิทธิที่จะเป็นได้ เพราะเป็นพ่อแท้ๆ ของนายจักรกฤษณ์ และหากได้เป็นผู้เสียหายแทนแล้ว ก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องทางคดีแพ่งได้ ส่วนทางอาญา ทางตำรวจจะดูสำนวนที่ได้จากการสอบปากคำ เพื่อดูความเป็นไปได้ทางคดีต่อไป