พระครูปลัดสุรัฐ สิริปุณโญ เจ้าอาวาสวัดนายโรง กรุงเทพฯ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 พระวัสกดุเว มหินทวังสะ มหานายกเถระ ประมุขสงฆ์ของอมรปุรนิกาย แห่งวัดทีปทุตตมาราม นับเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในนครโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นชุดเดียวกับ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญมาประดิษฐานยัง บรมบรรพต ภูเขาทองวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มาประดิษฐานยังวัดนายโรง เป็นการถาวร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสร่วมถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ในการเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และประเทศชาติ โดยจะมีพิธีอัญเชิญมาพระบรมสารีริกธาตุจากศรีลังกามายังประเทศไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 6 .00 น.ของวันที่ 13 ธันวาคมนี้ จากนั้นจะมีขบวนแห่มายังวัดนายโรง แล้วจัดพิธีสมโภชวันที่ 13-15 ธ.ค.
“นับเป็นครั้งแรก ประมุขสงฆ์อมรปุรนิกาย ถวายพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่วนหนึ่งมาประดิษฐานยังประเทศไทยเป็นการถาวร ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และครั้งแรกของโลก เพราะไม่มีประเทศใดได้รับมาประดิษฐานเป็นการถาวรเช่นนี้ อาตมาคิดว่า เกิดจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันศาสนา ระหว่าง 2 ประเทศ ที่สำคัญการอัญเชิญมาประดิษฐานยังวัดนายโรง ส่วนหนึ่งมาจากความสัมพันธ์ ที่อาตมา เมื่อครั้งเป็นคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ไปเยือนศรีลังกา และได้เข้าถวายสักการะ พระมหานายก หลายครั้ง ร่วมกันส่งสริมการศึกษาคณะสงฆ์ศรีลังกา” พระครูปลัดสุรัฐ กล่าว
เจ้าอาวาสวัดนายโรง กล่าวด้วยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ประมุขสงฆ์อมรปุรนิกาย เดินทางมาสักการะพระศพ สมเด็จพระสังฆราช อาตมากราบนิมนต์ ท่านมายังวัดนายโรง และเรียนให้ท่านทราบว่า วันที่ 5 ธันวาคม ตรงกับ วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบกับทางวัดกำลังบูรณะอุโบสถใหม่ จึงอยากอัญเชิญพระบรมสารีริกที่ประดิษฐานในศรีลังกา มาประดิษฐานที่วัด เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ประมุขสงฆ์ ท่านอนุโมทนาและแบ่งพระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่งให้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการถาวรด้วย
พระบรมสารีริกธาตุ ที่ประมุขสงฆ์อมรปุรนิกาย จะถวายมาประดิษฐานยังประเทศไทยนั้น เป็นชุดเดียวที่นายวิลเลียม แคลกซ์ตัน เปปเป นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้ขุดพบ เมื่อปี 2440 และได้มีจารึก การบรรจุไว้ว่า เป็นของตระกูลศากยราช อุทิศถวายไว้ ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุนี้ ถือเป็น 1 ใน 8 ส่วน ที่เจ้าศากยะ ได้รับแบ่งไว้หลังถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า และรัฐบาลอินเดีย เห็นว่า ควรมอบพระบรมสารีริกธาตุนี้ คืนให้แก่ชาวพุทธ ในขณะนั้น มีเพียงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงนับถือพระพุทธศาสนา และขอให้พระองค์แบ่งบางส่วนให้แก่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาด้วย โดยมี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ อดีตราชทูตสยามประจำ 11 ประเทศในยุโรป เมื่อครั้งทรงผนวชเป็นสังฆนายกแห่งนครโคลัมโบของนิกายรามัญและอมรปุระ และเป็นเจ้าอาวาสวัดทีปทุตตมาราม ประเทศศรีลังกา ทำหน้าที่ประสานงานในการรับพระบรมสารีริกธาตุระหว่างรัฐบาลอินเดียและรัฐบาลสยาม เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐานยังวัดสระเกศ ซึ่งส่วนหนึ่งพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ วัดทีปทุตตมาราม เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาและทั่วโลกได้มาสักการะ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นวัดสำคัญของศรีลังกา และพระบรมวงศานุวงศ์ และบุคคลสำคัญ ของไทยได้เสด็จพระราชดำเนินไปหลายครั้ง โดยเฉพาะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดนี้ถึง 2 ครั้งเมื่อปี 2482 และปี 2493.
“นับเป็นครั้งแรก ประมุขสงฆ์อมรปุรนิกาย ถวายพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่วนหนึ่งมาประดิษฐานยังประเทศไทยเป็นการถาวร ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และครั้งแรกของโลก เพราะไม่มีประเทศใดได้รับมาประดิษฐานเป็นการถาวรเช่นนี้ อาตมาคิดว่า เกิดจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันศาสนา ระหว่าง 2 ประเทศ ที่สำคัญการอัญเชิญมาประดิษฐานยังวัดนายโรง ส่วนหนึ่งมาจากความสัมพันธ์ ที่อาตมา เมื่อครั้งเป็นคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ไปเยือนศรีลังกา และได้เข้าถวายสักการะ พระมหานายก หลายครั้ง ร่วมกันส่งสริมการศึกษาคณะสงฆ์ศรีลังกา” พระครูปลัดสุรัฐ กล่าว
เจ้าอาวาสวัดนายโรง กล่าวด้วยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ประมุขสงฆ์อมรปุรนิกาย เดินทางมาสักการะพระศพ สมเด็จพระสังฆราช อาตมากราบนิมนต์ ท่านมายังวัดนายโรง และเรียนให้ท่านทราบว่า วันที่ 5 ธันวาคม ตรงกับ วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบกับทางวัดกำลังบูรณะอุโบสถใหม่ จึงอยากอัญเชิญพระบรมสารีริกที่ประดิษฐานในศรีลังกา มาประดิษฐานที่วัด เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ประมุขสงฆ์ ท่านอนุโมทนาและแบ่งพระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่งให้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการถาวรด้วย
พระบรมสารีริกธาตุ ที่ประมุขสงฆ์อมรปุรนิกาย จะถวายมาประดิษฐานยังประเทศไทยนั้น เป็นชุดเดียวที่นายวิลเลียม แคลกซ์ตัน เปปเป นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้ขุดพบ เมื่อปี 2440 และได้มีจารึก การบรรจุไว้ว่า เป็นของตระกูลศากยราช อุทิศถวายไว้ ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุนี้ ถือเป็น 1 ใน 8 ส่วน ที่เจ้าศากยะ ได้รับแบ่งไว้หลังถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า และรัฐบาลอินเดีย เห็นว่า ควรมอบพระบรมสารีริกธาตุนี้ คืนให้แก่ชาวพุทธ ในขณะนั้น มีเพียงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงนับถือพระพุทธศาสนา และขอให้พระองค์แบ่งบางส่วนให้แก่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาด้วย โดยมี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ อดีตราชทูตสยามประจำ 11 ประเทศในยุโรป เมื่อครั้งทรงผนวชเป็นสังฆนายกแห่งนครโคลัมโบของนิกายรามัญและอมรปุระ และเป็นเจ้าอาวาสวัดทีปทุตตมาราม ประเทศศรีลังกา ทำหน้าที่ประสานงานในการรับพระบรมสารีริกธาตุระหว่างรัฐบาลอินเดียและรัฐบาลสยาม เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐานยังวัดสระเกศ ซึ่งส่วนหนึ่งพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ วัดทีปทุตตมาราม เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาและทั่วโลกได้มาสักการะ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นวัดสำคัญของศรีลังกา และพระบรมวงศานุวงศ์ และบุคคลสำคัญ ของไทยได้เสด็จพระราชดำเนินไปหลายครั้ง โดยเฉพาะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดนี้ถึง 2 ครั้งเมื่อปี 2482 และปี 2493.