ตร.นครบาลสั่งล่าแก๊งมอมยารูดทรัพย์ผู้ป่วย ใน รพ.รามาฯ และ รพ.ใกล้เคียง เชื่อทำกันเป็นขบวนการ เชื่อมโยงคดีค้างเก่าที่แจ้งความไว้แล้ว 6 คดี พร้อมออกหมายจับคนร้ายภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งข้อหาหนักพยายามฆ่า เหตุสารไซลาซีนที่ใช้ใส่เครื่องดื่ม เป็นอัตรายถึงชีวิต
วานนี้ (13 ต.ค.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน สั่งการฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสข้อมูลพยานหลักฐานคดีคนร้ายก่อเหตุมอมยารูดทรัพย์ผู้ป่วยระหว่างรอการตรวจรักษาในโรงพยาบาล โดยหลอกให้ดื่มน้ำผสมสารไซลาซีน จนหมดสติ และฉกฉวยปลดทรัพย์สินของมีค่าที่ติดตัวมา รวมถึงเงินในกระเป๋า โดยเร่งรัดให้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมตรวจสอบเบาะแสบุคคลต้องสงสัยและคนร้ายจากกล้องวงจรปิด และให้ตรวจสอบเทียบเคียงพฤติการณ์แก๊งคนร้ายมอมยารูดทรัพย์พระสงฆ์ที่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ ในสถานีขนส่งหมอชิต เชื่อว่าจะมีความเชื่อมโยงกับคดีค้างเก่าที่เคยเกิดขึ้นในท้องที่ สน.นพวงศ์ สน.บางซื่อ และ สน.พญาไท อย่างแน่นอน เพราะมีการแจ้งความแล้ว 6 คดี ส่วนที่ไม่ได้แจ้งความคาดว่าจะมีอีกหลายราย
พล.ต.ต.ฐิติราช รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าวคนร้ายทำกันเป็นขบวนการ เนื่องจากแผนประทุษกรรมคล้ายกัน ได้สั่งการฝ่ายสืบสวนทุกพื้นที่ไปแล้ว รวมถึงกองบังคับการที่เกิดเหตุบ่อยครั้งให้รายงานข้อมูลความคืบหน้าในที่ประชุมวันจันทร์ที่ 14 ต.ค.นี้ หากมีหลักฐานชี้ชัดยืนยันการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ด้าน พ.ต.ต.วิทยากร สุวรรณเรืองศรี พนักงานสอบสวน สน.พญาไท และเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ล่าสุดได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา โดยคนร้ายเป็นชายที่ปรากฏในภาพวงจรปิด หลังก่อเหตุใช้สารไซลาซีน (Xylazine) มอมยาหญิงชราวัย 69 ปี ขณะรอการรักษาที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ รพ.รามาธิบดี ก่อนชิงทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 14,000 บาท หมายจับเลขที่ 2033/2556 ลงวันที่ 12 ต.ค. ข้อหา ชิงทรัพย์ผู้อื่น นอกจากนี้ได้สอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสารไซลาซีน ทราบว่ามีอันตรายถึงชีวิตหากใช้มากเกินหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งนี้ หากสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาปลอมปนสารในอาหารให้ผู้อื่นเป็นอันตราย และข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น.
วานนี้ (13 ต.ค.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน สั่งการฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสข้อมูลพยานหลักฐานคดีคนร้ายก่อเหตุมอมยารูดทรัพย์ผู้ป่วยระหว่างรอการตรวจรักษาในโรงพยาบาล โดยหลอกให้ดื่มน้ำผสมสารไซลาซีน จนหมดสติ และฉกฉวยปลดทรัพย์สินของมีค่าที่ติดตัวมา รวมถึงเงินในกระเป๋า โดยเร่งรัดให้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมตรวจสอบเบาะแสบุคคลต้องสงสัยและคนร้ายจากกล้องวงจรปิด และให้ตรวจสอบเทียบเคียงพฤติการณ์แก๊งคนร้ายมอมยารูดทรัพย์พระสงฆ์ที่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ ในสถานีขนส่งหมอชิต เชื่อว่าจะมีความเชื่อมโยงกับคดีค้างเก่าที่เคยเกิดขึ้นในท้องที่ สน.นพวงศ์ สน.บางซื่อ และ สน.พญาไท อย่างแน่นอน เพราะมีการแจ้งความแล้ว 6 คดี ส่วนที่ไม่ได้แจ้งความคาดว่าจะมีอีกหลายราย
พล.ต.ต.ฐิติราช รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าวคนร้ายทำกันเป็นขบวนการ เนื่องจากแผนประทุษกรรมคล้ายกัน ได้สั่งการฝ่ายสืบสวนทุกพื้นที่ไปแล้ว รวมถึงกองบังคับการที่เกิดเหตุบ่อยครั้งให้รายงานข้อมูลความคืบหน้าในที่ประชุมวันจันทร์ที่ 14 ต.ค.นี้ หากมีหลักฐานชี้ชัดยืนยันการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ด้าน พ.ต.ต.วิทยากร สุวรรณเรืองศรี พนักงานสอบสวน สน.พญาไท และเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ล่าสุดได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา โดยคนร้ายเป็นชายที่ปรากฏในภาพวงจรปิด หลังก่อเหตุใช้สารไซลาซีน (Xylazine) มอมยาหญิงชราวัย 69 ปี ขณะรอการรักษาที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ รพ.รามาธิบดี ก่อนชิงทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 14,000 บาท หมายจับเลขที่ 2033/2556 ลงวันที่ 12 ต.ค. ข้อหา ชิงทรัพย์ผู้อื่น นอกจากนี้ได้สอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสารไซลาซีน ทราบว่ามีอันตรายถึงชีวิตหากใช้มากเกินหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งนี้ หากสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาปลอมปนสารในอาหารให้ผู้อื่นเป็นอันตราย และข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น.