ASTVผู้จัดการรายวัน - “เซ็นทรัล” ชี้ธุรกิจแฟชั่นไปได้สวย ฟุ้งสาขา ตจว.กระตุ้นตลาดโต 50% ระบุกำลังซื้อต่ำไม่กระทบยอดขาย เพราะสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นโดยเฉพาะตลาด Fast Fashion และสินค้าสำหรับผู้ชายที่กำลังมาแรงจนต้องขยายพื้นที่เพิ่มในหลายสาขา เตรียมอัดงบฯ 100 ล้านบาทจัดแฟชั่นอีเว้นท์กระตุ้นกำลังซื้อช่วงไตรมาสสุดท้าย
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลถือเป็นศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์แฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีร้านค้าเป็นสัดส่วนมากถึง 50% โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ถือได้ว่ามีแบรนด์ครบทุกประเภท ทั้ง Luxury Fasion, Fast Fashion, Bridge Line และสินค้าแบรนด์ไทย จึงทำให้เซ็นทรัลเวิลด์เป็น Fashion Destination ของคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ธุรกิจแฟชั่นของเซ็นทรัลมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในแต่ละปีกลุ่มเซ็นทรัลจะมีการจัดงบประมาณการตลาดสำหรับธุรกิจแฟชั่นในสัดส่วน 30% ของงบประมาณการตลาดทั้งหมด แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงซบเซาและผู้บริโภคมีกำลังซื้อต่ำ แต่เนื่องจากธุรกิจ Fast Fashion ราคาระดับปานกลางมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้น ประกอบกับคนรุ่นใหม่เริ่มนิยมการแต่งตัวมากขึ้น รวมถึงช่วงไตรมาสสุดท้ายของแต่ละปีถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจแฟชั่น จึงทำให้คาดว่าในปี 2556 ธุรกิจแฟชั่นจะยังคงมีอัตราการเติบโต 50% เท่ากับปี 2555
โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 กลุ่มเซ็นทรัลยังได้จัดงบประมาณ 100 ล้านบาทเพื่อทำกิจกรรมการตลาดด้านต่างๆ โดยเฉพาะการจัดงานแฟชั่นอีเว้นท์ เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ส่งผลบวกต่อธุรกิจแฟชั่นคือการขยายธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลที่ไปเปิดสาขาใหม่ๆ ตามจังหวัดต่างๆ ทำให้ไลฟ์สไตล์ด้านการแต่งกายของคนต่างจังหวัดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะใกล้เคียงกับคนกรุงเทพฯ มั้งยังมีการทำกิจกรรมต่างๆ ในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น ทั้งการซื้อสินค้า การรับประทานอาหาร การทำธุรกรรมทางการเงิน และอื่นๆ
“ในอดีตที่ผ่านมาถือได้ว่าธุรกิจแฟชั่นกระจุกตัวอยู่เพียงในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่การขยายสาขาใหม่ๆ ของเซ็นทรัลถือเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจแฟชั่นกระจายไปยังภูมิภาคมากขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ต่อผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว เมืองการศึกษาและศูนย์ราชการ รวมถึงเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากการเป็นเมืองเกษตรกรรมไปสู่อุตสาหกรรม เช่น พัทยา หาดใหญ่ พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรฯ และอุบลฯ”
นอกจากนั้น การใช้งานโซเชียลมีเดียของคนยุคปัจจุบันยังถือได้ว่าเป็นส่วนเสริมให้ธุรกิจแฟชั่นด้วย เนื่องจากมีการบอกต่อกันเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นและเทรนด์ต่างๆ โดยเทรนด์ที่กำลังมาแรงและคาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องคือสินค้าแฟชั่นผู้ชาย ซึ่งปัจจุบันหลายๆ แบรนด์เริ่มมีการทำตลาดและเปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับผู้ชายมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของกลุ่มเซ็นทรัลก็เริ่มมีการขยายพื้นที่สำหรับสินค้าแฟชั่นผู้ชายในหลายสาขา เช่น สาขาชิดลม เซ็นทรัลเวิลด์ และอื่นๆ
ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวด้วยว่า ล่าสุดบริษัท ร่วมมือกับนิตยสารแอล ประเทศไทย และพันธมิตรแบรนด์แฟชั่นไทยดีไซเนอร์ จัดงานใหญ่ประจำปีคือ “ELLE Fashion Week 2013 Autumn/Winter at CentralWorld” ในระหว่างวันที่ 10-13 ต.ค.ศกนี้ โดยใช้พื้นที่กว่า 2 พันตารางเมตรบริเวณลานเซ็นทรัลเวิลด์จัดเป็นแคทวอล์กติดแอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นแฟชั่นโชว์ที่ใหญ่ที่สุดที่กลุ่มเซ็นทรัลเคยจัดมา
“ศักยภาพของดีไซน์เนอร์ไทยและวงการแฟชั่นไทยถือว่ามีความพร้อมและเป็นไปได้ที่จะเป็นศูนย์กลางแฟชั่นแห่งภูมิภาคเอเชีย แต่ที่ผ่านมายังขาดการสนับสนุนด้านการตลาดอย่างเป็นรูปธรรม การจัดงานครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสนับสนุนให้ดีไซน์เนอร์ไทยมีเวทีแสดงผลงานออกสู่สากลมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจต่างชาติให้ความสนใจมาร่วมชมผลงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยคาดว่าหลังจากการจัดงานครั้งนี้จะกระตุ้นยอดขายให้ผู้ประกอบการแต่ละรายประมาณ 20-30%”
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลถือเป็นศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์แฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีร้านค้าเป็นสัดส่วนมากถึง 50% โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ถือได้ว่ามีแบรนด์ครบทุกประเภท ทั้ง Luxury Fasion, Fast Fashion, Bridge Line และสินค้าแบรนด์ไทย จึงทำให้เซ็นทรัลเวิลด์เป็น Fashion Destination ของคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ธุรกิจแฟชั่นของเซ็นทรัลมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในแต่ละปีกลุ่มเซ็นทรัลจะมีการจัดงบประมาณการตลาดสำหรับธุรกิจแฟชั่นในสัดส่วน 30% ของงบประมาณการตลาดทั้งหมด แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงซบเซาและผู้บริโภคมีกำลังซื้อต่ำ แต่เนื่องจากธุรกิจ Fast Fashion ราคาระดับปานกลางมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้น ประกอบกับคนรุ่นใหม่เริ่มนิยมการแต่งตัวมากขึ้น รวมถึงช่วงไตรมาสสุดท้ายของแต่ละปีถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจแฟชั่น จึงทำให้คาดว่าในปี 2556 ธุรกิจแฟชั่นจะยังคงมีอัตราการเติบโต 50% เท่ากับปี 2555
โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 กลุ่มเซ็นทรัลยังได้จัดงบประมาณ 100 ล้านบาทเพื่อทำกิจกรรมการตลาดด้านต่างๆ โดยเฉพาะการจัดงานแฟชั่นอีเว้นท์ เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ส่งผลบวกต่อธุรกิจแฟชั่นคือการขยายธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลที่ไปเปิดสาขาใหม่ๆ ตามจังหวัดต่างๆ ทำให้ไลฟ์สไตล์ด้านการแต่งกายของคนต่างจังหวัดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะใกล้เคียงกับคนกรุงเทพฯ มั้งยังมีการทำกิจกรรมต่างๆ ในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น ทั้งการซื้อสินค้า การรับประทานอาหาร การทำธุรกรรมทางการเงิน และอื่นๆ
“ในอดีตที่ผ่านมาถือได้ว่าธุรกิจแฟชั่นกระจุกตัวอยู่เพียงในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่การขยายสาขาใหม่ๆ ของเซ็นทรัลถือเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจแฟชั่นกระจายไปยังภูมิภาคมากขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ต่อผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว เมืองการศึกษาและศูนย์ราชการ รวมถึงเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากการเป็นเมืองเกษตรกรรมไปสู่อุตสาหกรรม เช่น พัทยา หาดใหญ่ พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรฯ และอุบลฯ”
นอกจากนั้น การใช้งานโซเชียลมีเดียของคนยุคปัจจุบันยังถือได้ว่าเป็นส่วนเสริมให้ธุรกิจแฟชั่นด้วย เนื่องจากมีการบอกต่อกันเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นและเทรนด์ต่างๆ โดยเทรนด์ที่กำลังมาแรงและคาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องคือสินค้าแฟชั่นผู้ชาย ซึ่งปัจจุบันหลายๆ แบรนด์เริ่มมีการทำตลาดและเปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับผู้ชายมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของกลุ่มเซ็นทรัลก็เริ่มมีการขยายพื้นที่สำหรับสินค้าแฟชั่นผู้ชายในหลายสาขา เช่น สาขาชิดลม เซ็นทรัลเวิลด์ และอื่นๆ
ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวด้วยว่า ล่าสุดบริษัท ร่วมมือกับนิตยสารแอล ประเทศไทย และพันธมิตรแบรนด์แฟชั่นไทยดีไซเนอร์ จัดงานใหญ่ประจำปีคือ “ELLE Fashion Week 2013 Autumn/Winter at CentralWorld” ในระหว่างวันที่ 10-13 ต.ค.ศกนี้ โดยใช้พื้นที่กว่า 2 พันตารางเมตรบริเวณลานเซ็นทรัลเวิลด์จัดเป็นแคทวอล์กติดแอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นแฟชั่นโชว์ที่ใหญ่ที่สุดที่กลุ่มเซ็นทรัลเคยจัดมา
“ศักยภาพของดีไซน์เนอร์ไทยและวงการแฟชั่นไทยถือว่ามีความพร้อมและเป็นไปได้ที่จะเป็นศูนย์กลางแฟชั่นแห่งภูมิภาคเอเชีย แต่ที่ผ่านมายังขาดการสนับสนุนด้านการตลาดอย่างเป็นรูปธรรม การจัดงานครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสนับสนุนให้ดีไซน์เนอร์ไทยมีเวทีแสดงผลงานออกสู่สากลมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจต่างชาติให้ความสนใจมาร่วมชมผลงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยคาดว่าหลังจากการจัดงานครั้งนี้จะกระตุ้นยอดขายให้ผู้ประกอบการแต่ละรายประมาณ 20-30%”