ASTVผู้จัดการรายวัน-“เอเอเอสฯ” มองแนวโน้มตลาดรถหรูเติบโตต่อเนื่อง เชื่อผู้บริโภคให้ความสำคัญบริการหลังการขายมากกว่าราคา ลั่นทุ่มทุนกว่า 400 ล้านบาท เล็งปรับโชว์รูมปอร์เช่และขยายการเซอร์วิส หวังมัดใจลูกค้าในระยะยาว
นายวินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์หรูในเมืองไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากเดิมจะเห็นว่าใช้ขับเฉพาะวันหยุดเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถสปอร์ต ซึ่งคาดว่าตลาดรวมในปีนี้จะมีจำนวน 2,000 คัน รวมถึงลูกค้านิยมการซื้อรถกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการมากกว่าผู้นำเข้าอิสระ เพราะมั่นใจกับงานบริการหลังการขายที่มีมาตราฐานมากกว่าด้วย
“ล่าสุด บริษัทฯ ลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นจุดขายและหวังรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยในเดือนหน้าจะปรับปรุงโชว์รูมและศูนย์บริการของปอร์เช่ย่านดอนเมือง มูลค่า 100 ล้านบาท เพื่อเน้นการเซอร์วิส ขยายพื้นที่จากเดิม 11 ช่องซ่อม เพิ่มเป็น 16 ช่องซ่อม พร้อมแยกโชว์รูมแบรนด์หรูในเครือของบริษัทฯ อย่างเบนท์ลีย์ ออกไปแถวพัฒนาการ ด้วยเงินลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาท สำหรับค่าพื้นที่และก่อสร้าง และคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการช่วงกลางปีหน้า”
นายวินธร กล่าวว่า เอเอเอสฯ มียอดขายรถยนต์ปอร์เช่สะสม 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) อยู่ที่ 80 คัน จากเป้าหมายรวมในปีนี้ตั้งไว้ 150 คัน และมียอดค้างส่งมอบอีกจำนวน 40 คัน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้า เนื่องจากเพิ่งเปิดตัว พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด รถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ plug-in ไฮบริดคันแรกของโลกในคลาสรถยนต์หรู สนนราคา 9.6 ล้านบาท และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองแล้วถึง 20 คัน จากเป้าหมายตั้งไว้ที่ 30 คัน
สำหรับพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด ใช้ระบบเครื่องยนต์แบบ parallel full hybrids ขนาด 3 ลิตร วี6 มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุด 416 แรงม้า สามารถทำความเร็วสุงสุด 270 กม./ชม. ขณะที่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบทำได้ระยะทาง 36 กม. ความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม. ส่วนการชาร์จไฟผ่านเครื่องมือชาร์จ Porsche Universal Charger (AC) เชื่อมต่อเข้ากับปลั๊กไฟบ้าน ใช้เวลาชาร์จ 4 ชม. หรือปลั๊กไฟแรงสูงที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้เวลาชาร์จเพียง 2 ชม. เท่านั้น
นายวินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์หรูในเมืองไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากเดิมจะเห็นว่าใช้ขับเฉพาะวันหยุดเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถสปอร์ต ซึ่งคาดว่าตลาดรวมในปีนี้จะมีจำนวน 2,000 คัน รวมถึงลูกค้านิยมการซื้อรถกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการมากกว่าผู้นำเข้าอิสระ เพราะมั่นใจกับงานบริการหลังการขายที่มีมาตราฐานมากกว่าด้วย
“ล่าสุด บริษัทฯ ลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นจุดขายและหวังรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยในเดือนหน้าจะปรับปรุงโชว์รูมและศูนย์บริการของปอร์เช่ย่านดอนเมือง มูลค่า 100 ล้านบาท เพื่อเน้นการเซอร์วิส ขยายพื้นที่จากเดิม 11 ช่องซ่อม เพิ่มเป็น 16 ช่องซ่อม พร้อมแยกโชว์รูมแบรนด์หรูในเครือของบริษัทฯ อย่างเบนท์ลีย์ ออกไปแถวพัฒนาการ ด้วยเงินลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาท สำหรับค่าพื้นที่และก่อสร้าง และคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการช่วงกลางปีหน้า”
นายวินธร กล่าวว่า เอเอเอสฯ มียอดขายรถยนต์ปอร์เช่สะสม 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) อยู่ที่ 80 คัน จากเป้าหมายรวมในปีนี้ตั้งไว้ 150 คัน และมียอดค้างส่งมอบอีกจำนวน 40 คัน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้า เนื่องจากเพิ่งเปิดตัว พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด รถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ plug-in ไฮบริดคันแรกของโลกในคลาสรถยนต์หรู สนนราคา 9.6 ล้านบาท และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองแล้วถึง 20 คัน จากเป้าหมายตั้งไว้ที่ 30 คัน
สำหรับพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด ใช้ระบบเครื่องยนต์แบบ parallel full hybrids ขนาด 3 ลิตร วี6 มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุด 416 แรงม้า สามารถทำความเร็วสุงสุด 270 กม./ชม. ขณะที่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบทำได้ระยะทาง 36 กม. ความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม. ส่วนการชาร์จไฟผ่านเครื่องมือชาร์จ Porsche Universal Charger (AC) เชื่อมต่อเข้ากับปลั๊กไฟบ้าน ใช้เวลาชาร์จ 4 ชม. หรือปลั๊กไฟแรงสูงที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้เวลาชาร์จเพียง 2 ชม. เท่านั้น
